ข่าวดี…ข่าวลือลั่นสนั่นประเทศ อย่างการจัดงาน “สงกรานต์” ในปี นี้ กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียง สงสัย หาคำตอบกันให้ขวักไขว่!!
พลันที่นายกฯบิ๊กตู่ ของคนไทยทั้งประเทศ ออกมาส่งสัญญาณ ว่า…อาจอนุญาตให้จัดงานสงกรานต์ได้ในเดือนเม.ย.นี้ โดยกำลังดูกันอยู่ ว่าจะทำอย่างไร?
เพียงแค่นี้!!! ก็เชื่อได้ว่า คนไทยทั้งประเทศ ก็ “เนื้อเต้น” กันสุด ๆ เผลอ ๆ นะ หลาย ๆ คนก็เล็งหาสถานที่เล่นน้ำสงกรานต์กันแล้ว
นี่…แสดงให้เห็นว่า ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่างตั้งตารอคอยการเดินทางท่องเที่ยวกันขนาดไหน? ขณะเดียวกันการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไวรัสร้ายของคนทั้งโลก ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาภาคเอกชนในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างร้าน ธุรกิจ บริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เพราะอย่าลืมว่า…เมื่อปีที่แล้ว ปี 63 ประเทศไทยก็สาหัสสากรรจ์กันสุด ๆ หลายคนต้องล้มหายตายจาก
ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า รายได้จากการท่องเที่ยวโดยรวมแล้ว ลดลงไปถึง 2.18 ล้านล้านบาท หากเทียบสัดส่วนกับปี 62 แล้ว ก็ลดลงไปถึง 72.79% กันทีเดียว
เมื่อจำแนกผ่าความหายนะที่เกิดขึ้น!! ก็พบว่า บรรดาธุรกิจที่พัก ก็ทั้งโรงแรม รีสอร์ท เกสท์ เฮ้าส์ ห้องพัก แอร์บีเอ็นบี โฮสท์เทล และอีกสารพัด มีรายได้ลดลงไปถึง 5.66 แสนล้านบาท
เชื่อได้ว่า เมื่อเห็นความหายนะที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมคนไทยจึง “เนื้อเต้น” ถ้าได้จัดงานสงกรานต์!!
ในแง่ของผู้ประกอบการเอง ก็ต้องถือว่ามีกำลังใจกันขึ้นมาบ้าง เพราะวันนี้…ประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเกิดขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อปลุกกำลังซื้อให้คึกคัก
รวมทั้งการ “เปิดประเทศ” ให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยได้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่ช่วยกระตุ้นให้ไทย “ผงกหัว” ขึ้นมาได้บ้าง เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวมีสัดส่วนมากถึง 17%
ล่าสุด!! กระทรวงท่องเที่ยวฯเอง ก็เตรียมการที่จะเปิดนำร่อง 5 จังหวัด ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว โดยกักตัวในห้องเพียงแค่ 3 วัน ส่วนที่เหลือ อีก 11 สามารถอยู่ภายในที่พักได้
คร่าว ๆ ประเมินไว้ว่าน่าจะเปิดประเทศได้ ในช่วงเม.ย.-พ.ค.นี้ เป็นต้นไป ในจังหวัด เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์นี (เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงัน) และสุดท้ายคือที่ ชลบุรี
แต่ทั้งหมด ก็ต้องดูว่า ศบค. หรือ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) จะมีความเห็นเป็นอย่างไร เพราะทั้งกระทรวงท่องเที่ยวฯ สาธารณสุข และคมนาคม ต่างเห็นด้วยร่วมกันกับแนวทางนี้
ส่วนการเปิดฟรีให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีน เดินทางมาเที่ยวไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวนั้น ยังไม่มีคำตอบ ยังไม่มีความชัดเจน เพราะทุกฝ่ายต่างไม่มั่นใจในแนวทางการบริหารจัดการ
อย่าลืมว่า…การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบที่สองนี้ รุนแรงกว่ารอบแรกหนักหนา เพราะกระจายไปทั่ว ที่สำคัญการ์ดของคนไทยก็ยกกันแทบไม่ขึ้น เพราะหมดแรงจากการแพร่ระบาดรอบแรก
ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ก็ยืนยันหนักแน่น ที่จะเป็นโต้โผในการจัดงานสงกรานต์แน่ ๆ เพราะปีนี้หยุดยาวตั้ง 6 วัน (10-15เม.ย.) หากปล่อยเฉย ๆ บรรยากาศก็ไม่คึกคัก
ที่สำคัญ…ไม่สะกิดให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจในประเทศหมุนได้อีกต่างหาก ทั้งที่เป้าหมายของรัฐบาลต้องการให้คนไทยเที่ยวในประเทศให้ได้ 160 ล้านคน-ครั้ง ดังนั้นก็ต้องส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศเกิดขึ้น
เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ รอแค่ความชัดเจนว่า “สงกรานต์” ปีวัว นี้จะออกมาในรูปแบบใด ถามว่า “โรค” กลัวมั๊ย ใคร ๆ ก็กลัว และถามว่า เศรษฐกิจเจ๊ง กลัวมั๊ย ใครๆ ก็กลัวกันทั้งนั้น
ปัญหา…จึงอยู่ที่ว่ารัฐนาวาของลุงตู่ ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในเร็ววันนี้ เพื่อก้าวไปสู่ประยุทธ์ 2/3 จะบริหารจัดการเรื่องนี้ได้มากน้อยอย่างไร?
หากไม่รอบคอบ!! ไม่เข้มแข็งเพียงพอ !! “งานสงกรานต์” อาจเป็นชนวนหรืออาจเป็นต้นตอ ของความไม่แน่นอนที่อาจเกิขึ้นหรือไม่? ตรงนี้จึงต้องคิดให้ตก
แต่ถ้าไม่จัด!! ปล่อยให้เป็นสงกรานต์แบบเงียบเหงา เหมือนปีก่อน ก็อาจทำร้าย “ใจ” ของคนไทยทั้งประเทศด้วยเช่นกัน!!
……………………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo