กระแส ขอทานชาวต่างชาติ!! กำลังกลายเป็น ทอล์คออฟเดอะทาวน์ กันอีกครั้ง… โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอทานที่ว่า…ดันกลายเป็น “ขอทานคนจีน” ที่กำลังเป็นเป้าหมายสำคัญทางการท่องเที่ยวของไทย
กระแสข่าวที่เกิดขึ้น…ทำให้หลายคนหลายฝ่าย ต่างตั้งข้อสงสัยว่า ส่วนหนึ่งมาจาการการเร่งกระตุ้นดึงนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยหรือไม่?
ข้อสงสัยครั้งนี้ เป็นข้อสงสัยที่ต่อเนื่องมาจาก “ทุนสีเทา” ที่เกิดขึ้นมากมายในไทย ที่สำคัญ…ยังเป็นทุนสีเทาที่สร้างปัญหาให้กับคนไทยไม่น้อย
อย่าลืมว่า…ก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาโควิด นักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้าไทยเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน 10.99 ล้านคน คิดเป็น 27.63% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้มากถึง 5.43 แสนล้านบาท
เรื่องนี้!! ถือเป็น “จุดพีค” ทางด้านการท่องเที่ยวไทยไม่น้อย !! แต่ในความเป็นจริง…จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้น เป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากน้อยเพียงใด?
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ต่างตั้งข้อสงสัยว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาจำนวนมาก ส่วนใหญ่มาเป็น “กรุ๊ปทัวร์” แถมยังแฝงไว้ด้วยความสงสัยว่า กรุ๊ปทัวร์เหล่านี้ใช่ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม เมื่อบริบทเปลี่ยนไป ปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ไม่สำคัญเท่ากับ ปริมาณการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ด้วยเหตุนี้เป้าหมายของการดึงนักท่องเที่ยว จึงแปรเปลี่ยนหันไปเน้นในเรื่องของนักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ในสภาพเศรษฐกิจที่ซึมเซากันทั่วโลก เช่นนี้… รายได้จากการท่องเที่ยว กลายเป็นการหารายได้ที่สำคัญไม่น้อย เพราะเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นเร็ว ไม่มีต้นทุน
แต่ปัญหาคือ… การคาดหวังจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวมากๆ เหมือนก่อนเกิดโควิด คงเป็นไปได้ยาก !!
ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ย่อมทำให้การเดินทางออกนอกประเทศนั้นน้อยลงเช่นเดียวกัน การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวก็ย่อมลดลงตามไปด้วย
แม้ รัฐบาล “เศรษฐา 1” ได้งัดเอามาตรการ ยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ วีซ่า-ฟรี เป็นการชั่วคราวให้กับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่กลุ่มเป้าหมาย อย่าง จีน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ไปจนถึง29 ก.พ.ปีหน้า
แต่ปรากฎว่าหลังดำเนินการมา 2 เดือน มาตรการนี้ยังไม่สามารถปลุกกระแสนักท่องเที่ยวจีน ให้มาเที่ยวไทยได้ตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ได้
เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่มาไทยเวลานี้ มียอดสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 20 พ.ย.66 ประมาณ 2.98 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราฟื้นตัว 26.75% เมื่อเทียบกับปี 62 ก่อนเกิดโควิด
ขณะที่ในช่วงที่เริ่มใช้มาตรการวีซ่า-ฟรี คือ… ตั้งแต่ 25 ก.ย.-20 พ.ย.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพียง 560,870 คนเท่านั้น น้อยกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลได้วาดฝันเอาไว้ว่า ในช่วง 5 เดือนของมาตรการ จะสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาได้ 2.8 ล้านคน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราฟื้นตัวที่ 62%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายังไม่ครบกำหนดเวลามาตรการก็ตาม แต่เป้าหมายที่วาดฝันไว้จะเป็นไปได้มากน้อยอย่างไร ต้องออกแรงฮึด ออกแรงดึงดูดอีกเท่าใด?
หรือ? จะตัดเพียงแค่สิ้นปี 66 นี้ ที่ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน ไว้ที่ 4 – 4.4 ล้านคน โดยสร้างรายได้ที่ 257,500 ล้านบาท จะทำได้มากน้อยเพียงใด?
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้น มีหลายมุมมอง บอกว่า เป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจ ที่ไม่ดีนักและเกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งก็ไม่เว้นจีน ด้วยเช่นกัน
รวมทั้งสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีน ก็แปรเปลี่ยนเป็นนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่เดินทางด้วยตัวเอง มากกว่าการเดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ทั่วไป หรือที่เข้ามาในเวลานี้ก็เป็นกรุ๊ปทัวร์ประเภทกลุ่มอินเซนทีฟ หรือการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลของพวกบริษัทขายตรง
หากมองในทางกลับกัน โดยที่ไม่ต้องมองในเรื่องของปริมาณนักท่องเที่ยว ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะเท่ากับว่าอัตราการที่จะเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญก็น่าจะน้อยลงถ้ามียอดนักท่องเที่ยวน้อยลง แต่สร้างรายได้เข้าประเทศมากกว่าเดิม ก็ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศไม่น้อย ที่สำคัญ!! ยังไม่ต้องแลกกับทรัพยากรที่ต้องสูญเสียอีกต่างหาก
ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่า วีซ่า-ฟรี ของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนได้ตามเป้าหมาย ตามที่คาดหวังไว้มากน้อยเพียงใด?
……………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)