เทศกาลแห่ง “ความสุข” ที่เต็มไปด้วย “ความทุกข์” ได้ก้าวผ่านพ้น!!ความคาดหวัง…ความฝัน ที่ตั้งเป้าหมายใช้โอกาสนี้เป็นตัวจุดพลุ จุดระเบิด กระตุ้นบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวกลับคืนมา
แต่!! ทั้งหมดต้อง “พังทะลาย” ด้วยพิษไวรัสร้ายรอบที่ 3 ที่เกิดขึ้นก่อนช่วงเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ได้ดับฝันความคาดหวังทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การเปิดประเทศ”
ล่าสุด…ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกมาระบุไว้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่า โควิด-19 ระลอกสาม ได้ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวต้องสูญเสียรายได้ไปไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะคนไทยต้องปรับแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10-18 เม.ย.นี้ ใหม่ทั้งหมด แม้รัฐบาลอนุญาตให้มีการเดินทางข้ามจังหวัดกันได้ก็ตาม
แต่!! ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด ที่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ทำให้มากกว่า 40 จังหวัด ได้ออกประกาศให้มีการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่ จึงส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่เพียงเท่านี้…
จากความเสี่ยงในเรื่องของการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ครั้งนี้ ยังมีโอกาสและความเป็นไปได้ ที่ต้องใช้เวลาไม่น้อย เผลอ ๆ อาจนานกว่ารอบที่แล้ว จนส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี นี้ รายได้จากการท่องเที่ยวจะหายไปกว่า 1.3 แสนล้านบาททีเดียว
แม้!! ทางการสามารถควบคุมการระบาดของโควิดระลอกที่ 3 นี้ได้ แต่เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด ยังไม่ยุติลงในเวลาสั้น ๆ หรือในอนาคตใกล้ ๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศเอง หรือประเทศอื่น ๆ
ขณะเดียวกันแม้ในหลายประเทศรวมถึงไทย ได้ฉีดวัคซีนกันแล้ว แต่ยังมีจำนวนจำกัด ที่สำคัญ ว่ากันไปมา!! ประสิทธิภาพของวัคซีน จนถึงเวลานี้ ก็ยังเป็นข้อถกเถียงในหลายฝ่าย
ด้วยสารพัดเหตุ!! สารพัดผล!! ที่เกิดขึ้น มีผลทำให้นับต่อแต่นี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะมีสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความแน่นอนสูง
บรรดาภาคเอกชน ผู้ประกอบการ “ที่เกี่ยวข้อง” โดยตรงกับการท่องเที่ยว หรือ “ที่เกี่ยวเนื่อง” ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงจากนโยบาย!!
อย่างเช่น… กรณีของการเปิดรับต่างชาติโดยไม่กักตัว ตามโมเดล “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” ที่กำหนดเปิดวันที่ 1 ก.ค.นี้ กลายเป็นว่า ในจังหวัดภูเก็ตเอง ก็ถูกโควิดระลอก 3 ทะลวงฟันแบบไม่ยั้งเช่นกัน จนต้องยกเลิกการจัดงานในสารพัดเทศกาล รวมไปถึงการชะลอการรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวออกไปด้วยเช่นกัน
เดิมทีรัฐบาล โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้หมายมั่นปั้นมือ ที่จัดทำโมเดล ภูเก็ต แซนด์บอกซ์ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบ2โดส จากประเทศต้นทาง จะไม่ต้องถูกกักตัว แต่ให้เดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ที่กำหนด โดยเริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงทะยอย เพิ่มอีก 5 จังหวัด ในวันที่ 1 ต.ค.นี้
แต่นโยบายนี้!! ก็ต้องชะลอกันออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หรือกรณีของการล็อกดาวน์ ที่ขณะนี้บรรดาภาคธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้น ที่ออกมา “วิงวอน”’ มา “ขอร้อง” มา “ดักคอ” ระดับนโยบาย หากเลือกวิธีนี้ มีหวังประเทศไทยดินแดนสยามเมืองยิ้มนี้ ต้องเจ๊งแน่ ๆ
โดยเชื่อได้ว่า การ “ล็อกดาวน์” คงไม่ได้อยู่ในใจของรัฐบาล “บิ๊กตู่” อีกแน่นอน เพราะผลจากการล็อกดาวน์ นั้น ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้เห็นอยู่แล้วในปีที่ผ่านมา ว่า…สุดท้ายเศรษฐกิจเดินต่อไม่ได้ แถมยังหดตัวติดลบไป 6.1%
ในยามที่ใคร ๆ ก็แขยง “โควิด” ใคร ๆ ก็วิตกจริต กับสถานการณ์ ใคร ๆ ถึงกับอุทานกับตัวเองว่า “ติดหรือยัง” จนใคร ๆ ก็ “พาล” ไปถึงรัฐบาลว่า “เอาไม่อยู่” การเสี่ยงใช้มาตรการ “ไม้แข็ง” มาทุบเศรษฐกิจอีก คงไม่เกิดขึ้นแน่
ปัญหา? อยู่ที่ว่า!! รัฐบาล…จะใช้ไม้ไหน เพื่อสร้างขวัญ สร้างกำลังใจ เรียกความเชื่อมั่นให้กับคืนมาโดยเร็ว!!
การหวังพึ่ง “วัคซีน” แต่เพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่ “ทางออก” ที่มีแสงสว่างแบบ 100% แน่นอน!! การหวังพึ่ง “บุคคลากรทางการแพทย์” ก็ย่ำแย่ เพราะตัวบุคคลากรเอง ก็ยังติดไวรัสร้าย แถมบางโรงพยาบาล ก็ทิ้งคนไข้ จนกลายเป็นข่าวดังตามหน้าสื่อโซเชียล
ณ เวลานี้… ต้องขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคน ที่ต้อง “เข้มแข็ง” ที่ต้อง “เชื่อมั่น” เพื่อให้ตัวเองลุกขึ้น “สู้” กับไวรัสร้ายอย่าง “มีสติ” โดยเฉพาะการดูแลตัวเองในทุกทาง…อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงให้กับตัวเอง!!
……………………………………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
