วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSจับตางบฯ 3.48 ล้านล้าน เร่งรัดใช้จะรั่วไหลแค่ไหน?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จับตางบฯ 3.48 ล้านล้าน เร่งรัดใช้จะรั่วไหลแค่ไหน?

ชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!! กับ “ครม.ชุดใหม่” ของ รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ที่คงเหลือเพียงแค่การเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการต่อไป

แม้ว่าในความเป็นจริง บรรดาครม.ใหม่ ต่างก็ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อรับบัญชาจาก นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในการเดินหน้าภารกิจตามหน้าที่ของตัวเองกันไปบ้างแล้วก็ตาม

นัยยะสำคัญ นอกจากจะทำความเข้าใจร่วมกัน ทำความรู้จักกัน ก็เพื่อให้การเดินหน้าทำงานไม่มีสะดุด และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา

รวมทั้ง การเดินหน้าเพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจที่กำลังเดือดแห้งในเวลานี้ กลับมาตีโป่งใจฟู เพื่อกระตุกกระตุ้นให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย กระตุกกระตุ้นให้ “อารมณ์” ของประชาชนคนไทยชุ่มชื้นขึ้นมา

เพราะเวลานี้ บรรดาสำนักวิจัยเศรษฐกิจต่างพาเหรด ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 67 นี้ กันเป็นแถว โดยล่าสุด กระทรวงการคลังก็ออกมาปรับลดจีดีพี เหลือเพียง 2.4%

ดังนั้น หน้าที่ของรัฐบาล ของครม.ใหม่ ก็ต้องเดินหน้าในทุกทางอย่างจริงจัง เพื่อให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นให้มากกว่านี้ให้ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขับเคลื่อนนโยบายเรือธง อย่างการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน “ดิจิทัล วอลเล็ต” หากทุกอย่างเดินตามแผนที่จะเริ่มต้นแจกเงินภายในไตรมาสที่ 4 ก็จะพลิกชะตาเศรษฐกิจไทยในปี 67 กลับมาเติบโตได้ที่ระดับ 3.3%

แต่!! อัตราเติบโตนี้ ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนทั้ง 50 ล้านคน ใช้จ่ายเงินส่วนใหญ่ภายในสิ้นปี 67 เท่านั้น ไม่เช่นนั้นโอกาสของการขยับจีดีพีขึ้นมาโงหัวได้เกิน 3% คงเป็นไปได้น้อย

เช่นเดียวกับเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 67 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ที่ขณะนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นั่นหมายความว่า… รัฐบาลจะสามารถโชว์ฝีมือในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณได้อย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลมีเวลาที่จะบริหารงบประมาณกว่า 3.48 ล้านล้านบาทนี้ ได้อีกเพียง 5 เดือนเท่านั้น

ต่อให้มีการเกลี่ยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 นี้ ไปใช้ในโครงการเรือธง แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นวงเงิน 1.75 แสนล้านบาทแล้วก็ตาม

หรือ…แม้แต่เป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้ได้ 100% ทั้งรายจ่ายประจำ รายจ่ายลงทุน และในภาพรวม โดย กรมบัญชีกลาง ได้ออกมากำหนด 4 แนวทางในการเบิกจ่าย รวมไปถึงการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจถึง 175 ทีมเพื่อติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ให้เป็นไปตามเป้าหมายก็ตาม

เชื่อเถอะ!! ในความเป็นจริงแล้ว เป็นไปได้ยากที่จะเข้าเป้าทั้ง 100% เต็ม ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็อาจเบิกจ่ายกันอย่างมันมือได้ใกล้เคียงเป้าหมาย

เพราะทุกอย่างต้องเร่ง แม้จะมีกรอบ มีเงื่อนไข มีกฎหมายกำหนด แต่ด้วยการต้องทำให้เงินออกมาให้ได้มากที่สุด ในเวลา 5 เดือน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้า ก็ต้องเมีเล็ดมีรอด!! มีรั่วไหล!! กันออกมาบ้างหล่ะ

โดยในปีงบประมาณปี 67 นี้ มีเงินงบกลาง มากกว่า 6.149 แสนล้านบาท มีงบแผนงานบุคคลากรภาครัฐถึง 7.86 แสนล้านบาท ขณะที่งบชำระหนี้ภาครัฐอยู่ที่ 3.46 แสนล้านบาท

เมื่อแยกเป็นรายกระทรวง พบว่า กระทรวงมหาดไทย ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณมากที่สุดกว่า 2.9 แสนล้านบาท รองลงมาได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานในกำกับ ได้รับจัดสรรกว่า 1.225 แสนล้านบาท

อันดับสาม ได้แก่ กระทรวงกลาโหม ได้รับจัดสรรกว่า 85,398 ล้านบาท ขณะที่ กระทรวงคมนาคม ได้รับจัดสรรกว่า 65,684 ล้านบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณรายจ่ายของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อีกกว่า 1 แสนล้านบาท มีงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการกว่า 2.131 แสนล้านบาท มีงบชำระหนี้อีกกว่า 3.463 แสนล้านบาท หรือแม้กระทั่งงบเพื่อชดใช้เงินคงคลังอีกกว่า 1.183 แสนล้านบาท

เอาเป็นว่า…ในเรื่องของการตรวจสอบการใช้งบประมาณปี 67 มั่นใจได้เลยว่า “พรรคฝ่ายค้าน” ต้องจับตาแบบไม่กระพริบแน่นอน แถมยังมีหน่วยงานตรวจสอบอีกสารพัด

ทั้งหมด!! ก็ต้องมารอดูว่า การใช้จ่ายเงินงบประมาณ ในช่วงที่เหลืออีก 5 เดือนของ ครม.ชุดใหม่ของ “รัฐบาลเศรษฐา” ครั้งนี้ จะไหลลื่น แบบพวกกัน…พวกกัน หรือต้องสะดุด เพราะเจอตอสารพัด!!

………………………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img