“ธงสีรุ้ง” กำลังจะกลับมาโบกสะบัดในไทยอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง!! หลัง Pride Month หรือ เทศกาลไพรด์ หรือเทศกาลของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป
ที่สำคัญ…ยังมีการจัดงานกันตลอดทั้งเดือนมิ.ย.นี้ ตามจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศกันทีเดียว ทั้งกรุงเทพฯ หาดใหญ่ สงขลา เกาะสมุย เชียงใหม่ และอีกหลากหลายจังหวัด
ต้องยอมรับว่า ในเดือนมิ.ย.ของทุกปี มีเทศกาลสำคัญของหลายประเทศทั่วโลกคือ เทศกาล Pride Month ที่รวมตัวกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ จะจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมและแสดงจุดยืนทางเพศในสังคม
จุดเริ่มต้น…ของ เทศกาลไพรด์ (Pride Month) เริ่มต้นในปี 1960 หรือ พ.ศ.2503 ในยุคที่คนกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับและถูกเลือกปฏิบัติ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การจราจลสโตนวอล ในวันที่ 28 มิ.ย.1969 หรือ พ.ศ.2512
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์ก ได้เข้าจับกุมผู้เข้าใช้บริการในบาร์เกย์ Stonewall Inn ในนิวยอร์ก และเกิดการจราจลในที่สุด ส่งผลให้เป็นจุดเริ่มต้นการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียม จากสหรัฐอเมริกาสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้…เทศกาล Pride Month จึงเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.ของทุกปี เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ เรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียม แสดงจุดยืนของเพศตนเองให้สังคมรับรู้ รวมถึงผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติและผู้พิการ
สำหรับปีนี้ ประเทศไทยได้เริ่มกิจกรรม Bangkok Pride Festival 2024 ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.นี้ ไปตลอดทั้งเดือนมิ.ย.67 ที่จะมีกิจกรรมไฮไลท์ ทั้ง ขบวนพาเหรดบางกอกไพรด์ มหกรรมการแสดงศิลปินแดร็ก การประชุมและสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นความหลากหลายทางเพศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ กฎหมายประวัติศาสตร์อย่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯเป็นที่เรียบร้อย เพื่อคืนสิทธิเบื้องต้นให้ LGBTQ กำหนดอายุ 18 ปี หมั้น-สมรสได้ ได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
จึงยิ่งสะท้อนให้เห็น “แสง” ของประเทศไทยในสายตาชาวโลกมากยิ่งขึ้น เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยก็ถือเป็น Destination ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างต้องการเดินทางเข้ามาสักครั้ง
ในเมื่อประเทศไทย…ได้เปิดรับโลกของ กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ มากยิ่งขึ้น จึงยิ่งกลายเป็นโอกาสที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถ “ทำตลาด” ในทุกด้านกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้

ข้อมูลจาก “LGBT Capital” พบว่า ในปี 2565 มีชาว LGBTQ+ ที่มีอายุมากกว่า 15 ปีทั่วโลก จำนวน 388 ล้านคน และกลุ่มนี้มีกำลังการใช้จ่ายมูลค่าประมาณ 4.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งก่อให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลทีเดียว
ขณะที่ก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่า สหรัฐฯถือเป็นประเทศที่สามารถสร้างมูลค่าด้านการท่องเที่ยวจากชาว LGBTQ+ ได้มากที่สุดในโลกอีกต่างหาก โดยปี 2565 มีมูลค่ามากถึง 25,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาคือ สเปน 8,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อันดับ 3 ได้แก่ ฝรั่งเศส จำนวน 7,300 ล้านดอลล์สหรัฐฯ ขณะที่ ไทยตามติดมาเป็นอันดับ 4 ที่ 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามมาด้วยเยอรมันนี จำนวน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จึงต้องสร้างกระแส เร่งดึงดูดกำลังซื้อจากชาว LGBTQ+ ที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีกำลังใช้จ่ายมาก ให้เข้ามาเมืองไทยให้ได้มากที่สุด
ด้วยเพราะคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง เดินทางบ่อยเฉลี่ยปีละ 3-4 ครั้ง และมีระยะเวลาพำนักยาวๆ อยู่ยาวๆ มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ถือเป็นกลุ่มที่ทรงพลัง
ไม่เพียงเท่านี้ บรรดาผู้มีความหลากหลายทางเพศเหล่านี้ กำลังได้รับความสนใจจากกระแสสังคมและกลุ่มธุรกิจต่างๆ รวมทั้งมีกระแสเทรนด์การท่องเที่ยวในระดับโลกอีกต่างหาก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก!!ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ “ททท.” ได้ขันอาสาสนับสนุนการจัดอีเวนต์และกิจกรรมตลอดทั้งเดือน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็น Pride Friendly Destination
ที่สำคัญ… ยังกลายเป็น Tourism Hub จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทั่วโลกอย่างเท่าเทียมอีกด้วย
“ททท.” ประมาณการณ์ว่า การเข้าไปสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 860,000 คน และสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทกันทีเดียว
ทั้งหมด…ก็ต้องรอดูว่า ความสนุกความสนานของชาวสีรุ้งครั้งนี้ จะช่วยกระตุกกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ตามที่คาดหวังหรือเปล่า!!
……………………………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo