ในที่สุด!! รัฐบาลก็ประกาศเดินหน้า โครงการสลากเกษียณ หรือ “หวยเกษียณ” อย่างเป็นทางการแบบชัดๆ แม้ว่าในรายละเอียดทั้งหมดยังไม่พร้อมแบบ 100% ก็ตาม
ด้วยเพราะยังมีเรื่องของกฎหมาย ที่ต้องแก้ไขให้ชัด เพราะโครงการนี้ รัฐบาลได้เลือกใช้ “กองทุนการออมแห่งชาติ” หรือ “กอช.” เป็นแกนหลักในการดำเนินโครงการ
ดังนั้นต้องมีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้อำนาจ ให้สิทธิ “กอช.” สามารถดำเนินการออกสลากได้ ไม่เช่นนั้น ก็อาจทำให้โครงการนี้มีปัญหาภายหลังได้
หากจำกันได้ ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งที่ใกล้งวดเต็มแก่ เรื่องของ “สลากเกษียณ” หรือที่เรียกันติดปากว่า “หวยบำเหน็จ” ก็กลายเป็นทอลค์ออฟเดอะทาวน์ เพื่อขอเคลมผลงานตัวจริงเสียงจริง
แต่ก็เอาเถอะ…ณ เวลานี้ รัฐบาลได้ประกาศนโยบายออกมาชัดๆ กันแล้ว และก็เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ให้สัญญาไว้กับประชาชนคนไทย เพื่อแลกกับคะแนนเสียงที่ตัวเองได้รับ
หากจำกันได้ก่อนหน้านี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย และเวลานี้ก็เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อย่าง “หมอมิ๊ง” หรือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ได้กล่าวบนเวทีเสวนา “นโยบายบำนาญแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66
“คนไทยชอบซื้อหวย เราจึงคิดเรื่องหวยบำเหน็จ แทนที่จะเล่นหวยแล้วเงินหาย แต่นำเงินที่ซื้อไปฝากไว้ จ่ายทุกงวด เก็บให้เขา จนอายุ 60 ปีจ่ายคืน ทำให้มีเงินเหลือเก็บ”
ก็ถือว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ได้พยายามคลอดสารพัดโครงการที่หาเสียงไว้ออกมาให้เห็น แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกเป็นปี เพื่อที่จะทำได้จริง หรือได้ซื้อได้เก็บออมได้สัมผัสได้จริง…ก็ตาม
แต่อย่าลืมว่า เวลานี้ เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในอาการย่ำแย่ มนต์เสน่ห์ต่างๆกำลังลดเลือนหายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความฝืดเคือง” ดังนั้นสารพัดนโยบายก็จำเป็นต้องถูกรังสรรกันออกมาให้เห็นต่อเนื่อง
เพราะการจะปล่อยให้คนไทยเหี่ยวแห้งไปกับบรรยากาศเศรษฐกิจ ที่กำลังเซื่องซึมอยู่ในเวลานี้ อาจทำให้ความรู้สึกของคนไทยมองการทำงาน มองผลงานของรัฐบาลไปในเชิงลบก็เป็นไปได้
ที่สำคัญ!! อย่าลืมว่า มรสุมกำลังขย่มรัฐบาลอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ที่ถูกสั่นคลอนจากคำเรียกร้องของ 40 สว. หรือแม้แต่คดี ม.112 ของ “นายใหญ่” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร”
ต่อให้มีแผนรับมือ เตรียมการอย่างดี หรือสุดท้ายแล้วจริงๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตามที แต่ในมุมของประชาชนคนไทยไม่ว่าจะเป็นคนเดินดิน นักธุรกิจ หรือมหาเศรษฐีเองก็ตาม ต่างรู้สึกไปในทิศทางเดียวกันว่า…แย่ลง
เสียงเรียกร้องให้เติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจจึงเกิดขึ้นมาเป็นระลอก ก่อนรัฐบาลจะคลอดมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง หักภาษีได้ 2 เท่า ออกมา
แม้มาตรการนี้ เมื่อคำนวณเร็วๆ อาจทำให้เกิดเงินสะพัดในช่วงสั้นราว 1-2 หมื่นล้านบาท ก่อนที่นโยบายเรือธงแจกเงินดิจิทัล จะออกมาก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีมาตรการอะไรออกมากระชากความรู้สึกของประชาชนคนไทย
อย่างไรก็ตามแม้ว่า “หวยเกษียณ” ณ เวลานี้ ยังไม่สามารถคำนวณตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่า รัฐบาลจะสามารถระดมเงินเข้าไปใส่ในระบบเศรษฐกิจเท่าใดกันแน่
แต่การประกาศให้เห็นแนวทางเบื้องต้น ก็ย่อมทำให้คนไทยมีความหวังมากขึ้นไม่น้อย
โดยโครงการนี้ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง บอกว่า เป็นนวตกรรมเชิงนโยบายที่รวมเอาเรื่องของความชื่นชอบในการเสี่ยงดวงของคนไทย มาเป็นแรงจูงใจในการเก็บออม ที่สามารถถอนเงินที่ซื้อสลากทั้งหมดออกมาได้ตอนเกษียณอายุ 60 ปี
ที่สำคัญ…เหตุใหญ่ใจความที่คลอดโครงการนี้ออกมา ก็เพราะทุกวันนี้ ไทยมีปัญหาประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณแต่ไร้เงินเก็บ และปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ด้วยการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็วของไทย
ขณะเดียวกันปัญหานี้ หากใช้เงินงบประมาณเข้าไปแก้ปัญหาแต่เพียงอย่างเดียว มีหวัง หาเงินได้เท่าใด ก็ไม่พอ!!
แน่นอน!! เพราะล่าสุดจากข้อมูลของกรมการปกครอง พบว่า ปี 66 ที่ผ่านมา ไทยมีประชากรผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 13 ล้านคน ของประชากรไทยทั้งประเทศ 66,057,967 คน
ดังนั้นแนวทาง การส่งเสริมการออมผ่าน “กอช.” จึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะเข้ามาแบ่งเบาภาระในครั้งนี้ เพราะตามเงื่อนไขของ “หวยเกษียณ” นี้ ในแต่ละปีจะใช้เงินสำหรับจ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลเพียงแค่ 720 ล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม…“หวยเกษียณ” ของรัฐบาลครั้งนี้ ถือเป็นแรงกระตุ้นแรงดึงดูดให้คนเข้ามาออมเงินกับ “กอช.” เพิ่มมากขึ้น โดยจะครอบคลุมบรรดาแรงงานอิสระ และผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เท่านั้น
……………………………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
