โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการ “เรือธง” ของ พรรคเพื่อไทย และยังเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร”
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อ “เพิ่มรายได้” เป็นหนึ่งในแหล่งเงินสำคัญของรัฐบาล ที่จะนำมาขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เพื่อเดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
จนถึงเวลานี้!! เรียกได้ว่า ความชัดเจนเริ่มในโครงการ เริ่มเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าบรรดานักลงทุน บรรดาภาคเอกชน จำนวนไม่น้อยที่ต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อขับเคลื่อนอภิมหาโปรเจ็กต์
รัฐบาลมองว่า…หากโครงการนี้เดินหน้าได้สำเร็จ จะช่วยสร้างเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลต้องมีข้อกำหนดให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการมอมเมาประชาชนเริ่มชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด!! ร่างกฎหมายทั้งหมด ยังอยู่ที่กระทรวงการคลัง เพื่อสรุปรายละเอียดหลังเปิดประชาพิจารณ์ ไปแล้ว ได้รับการตอบรับมาถึง 82%
แม้จะเป็นอีกหนึ่งโครงการ “เรือธง” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า…“ต้องรีบร้อน” จนเกินเหตุ เพราะต้องดูในรายละเอียดอย่างรอบคอบ ว่ากันว่า…อย่างเร็วสุดก็น่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาได้ภายในปลายปีนี้
จากนั้น… ก็ดำเนินกันไปตามกระบวนการ กว่าจะผลักดันกฎหมายโครงการนี้ออกมาได้ ก็เชื่อได้ว่า ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยเช่นกัน และก็ไม่สามารถกำหนดได้ว่า ต้องเสร็จภายในกี่เดือน ภายในเดือนไหน?
เอาเป็นว่า… ก็ต้องดูกันอย่างรอบคอบ ถ้วนถี่ เพราะหากเกิดใดๆ ขึ้น ปัญหาย่อมบังเกิดขึ้นแน่นอน ในสารพัดเรื่อง อย่างที่หลายๆ ฝ่ายต่างตั้งแง่
ทั้งในเรื่องของ “ความเหมาะสม” เป็นการ “มอมเมา” หรือไม่ มีการ “เล่นพรรค-เล่นพวก” หรือไม่ มีการ “จ่ายเงิน-จ่ายทอง” แค่ไหน สุดท้ายใครจะได้ประโยชน์กันแน่?
เพราะอย่าลืมว่า ในเงื่อนไขแล้ว รัฐบาลกำหนดไว้ว่า เอกชนที่จะเข้ามาลงทุนต้อง มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ได้อายุใบอนุญาต 30 ปี ต่อได้คราวละ 10 ปี มีค่าใบอนุญาตใบละ 5,000 ล้านบาท และค่ารายปีอีกปีละ 1,000 ล้านบาท รวมถึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาข้อเสนอของเอกชน
ขณะเดียวกันยังกำหนดประเภทธุรกิจของสถานบันเทิง ที่แนบท้ายไว้ ซึ่งก็มีทั้ง ห้างสรรพสินค้าครบวงจร, โรงแรมระดับ 5 ดาว, ร้านอาหารและบาร์, ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมี ศูนย์สุขภาพครบวงจร, สนามกีฬา, ยอร์ซและครูซซิ่งคลับ, สถานที่เล่นเกม, สระว่ายน้ำและสวนน้ำ, สวนสนุก, พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าโอท็อป และกิจการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
แถมล่าสุดยังมีกระแสข่าวหลุดออกมาอีกว่า พื้นที่ที่รัฐบาลจะเคาะให้ตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มี 5 แห่ง แบ่งเป็น กทม. 2 แห่ง, พัทยา 1 แห่ง, ภูเก็ต 1 แห่ง และ เชียงใหม่ อีก 1 แห่ง
แม้ว่า “กฎหมายเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ยังไม่คลอดออกมาอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ก็พบว่า บรรดาเอกชน องค์กรเอกชน ทั้งไทยทั้งเทศ ต่างเดินหน้าเปิดตัวแสดงทีท่าสนใจกันเป็นจำนวนไม่น้อย
อย่างรายล่าสุดที่เปิดตัว ก็คือ “สวนสยาม” ที่เสนอตัวและพร้อมดำเนินการ หากรัฐบาลเลือกพื้นที่ของตัวเองเป็นที่ตั้งโครงการฯ บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของตนเองและพันธมิตร มีเงินลงทุนรวมกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจสวนน้ำ-สวนสนุก ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีสถานบันเทิงแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็ประกาศร่วมกับ บริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ RSC และ 4 พันธมิตรต่างชาติ อย่างเกาหลี เล็งใช้พื้นที่ หนองจอก 3,000 ไร่ เป็นที่ตั้ง
เช่นเดียวกับ กลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่นำโดย “ศุภลักษณ์ อัมพุช” ที่แสดงความเห็นพร้อมซัพพอร์ทเต็มที่ ทำให้หลายฝ่ายจับจ้องไปที่ “แบงค๊อกมอลล์” ย่านบางนา 100 ไร่
หรือจะเป็น บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ร่วมทุนระหว่าง บมจ.การบินกรุงเทพ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ผู้รับสัมปทานพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก 6,500 ไร่
ด้าน “พราว กรุ๊ป” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงท่องเที่ยว บริหารธุรกิจโรงแรม สวนสนุก สวนน้ำ ก็แสดงความสนใจไม่น้อย เพียงแต่ต้องการความชัดเจนจากรัฐบาล พร้อมหาพาร์ทเนอร์ที่สนใจ
ก่อนหน้านี้กลุ่มทุนต่างชาติหลายราย ก็แสดงความสนใจไม่น้อย ทั้ง เอ็มจีเอ็ม รีสอร์ตส อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์, กาแลกซี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์, แซนด์ส ไชน่า, วินน์ มาเก๊า รวมไปถึง กลุ่มลาสเวกัส แซนด์ คอร์ปอเรชั่น
ทั้งหมด!! คงต้องอดใจรอกันอีกระยะหนึ่ง ว่าโครงการเรือธงที่รัฐบาลวางไว้เป็นแหล่งเงินสำคัญอีกหนึ่งแหล่ง จะเป็นไปตามคาดหมายมากน้อยอย่างไร?
……………………………………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo