เรื่องราวการตั้ง “เดอะโต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็น “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” กลับกลายมาเป็นประเด็นร้อนในกระแสสังคมอีกระลอก หลังมีข่าวหลุด-ข่าวรั่วออกมาว่า “เดอะโต้ง” ต้องตกเก้าอี้ตัวนี้ซะแล้ว!!
การแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ถูกต่อต้านจากบรรดา “อีลิท” ที่มีทั้ง “นักวิชาการ-นักเศรษฐศาสตร์-อดีตผู้บริหารแบงก์ชาติ” หรือ “บรรดาลูกศิษย์หลวงตามหาบัว” มาตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
หลังมีกระแสข่าว คณะกรรมการคัดเลือกประธานบอร์ดและกรรมการแบงก์ชาติ ที่มี “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” เป็นประธาน ได้เลือก “โต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง เป็น “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ”
แม้การตัดสินต้องเลื่อนต้องชะลอออกไปถึง 2 ครั้ง กว่าจะตัดสินใจฝ่าแรงต้านของกระแสสังคม กระแสอีลิท ออกมาได้ โดยไม่สนใจแรงเสียดทาน
แต่จนแล้ว…จนรอด!! จนถึง ณ เวลานี้ เรื่องการเสนอชื่อ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ก็ยังไม่ได้รับไฟเขียวจาก “ครม.แพทองธาร ชินวัตร” ด้วยเหตุปัจจัยในเรื่องของคุณสมบัติ ที่ขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่?
โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า… ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” และตำแหน่ง “ประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย” ถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่?
ทั้ง 2 ตำแหน่งที่ “กิตติรัตน์” เคยเป็นในสมัย “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” จะกลายเป็น “เงื่อน” สำคัญ ต่อการดำรงตำแหน่ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” อีกหรือเปล่า
เพื่อความชัวร์ถูกต้องและแน่นอน กระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด จึงถูกส่งไปให้ “กฤษฎีกา” ตีความว่า เป็นคุณสมบัติต้องห้ามหรือไม่? ทั้งหลายทั้งปวง ก็เพื่อ ไม่ให้ “นายกฯอิ๊งค์” ต้องมาตายน้ำตื้น เหมือนกรณีของ “เศรษฐา ทวีสิน” อีก
พอใกล้เวลาที่ “กฤษฎีกา” ต้องให้คำตอบ กลายเป็นว่า กระแสข่าว “เดอะโต้ง” ถูกปัดตกเก้าอี้ ก็หลุดออกมาซะอย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้รองนายกฯและขุนคลัง “พิชัย ชุรหวชิร” ได้เปรยๆ ไว้ว่า ในอีก 3-4 วันจากนี้จะเรียบร้อย
เมื่อข่าวหลุดออกมาอย่างนี้ ถึงขนาดที่เจ้าตัวเองก็ต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ขอบคุณที่มีการเสนอชื่อตัวเอง และเคารพการตัดสินใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ “กฤษฎีกา” เองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน เพราะต้องรอมติของที่ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 คณะ คือ คณะที่ 1 (กฎหมายเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง), คณะที่ 2 (กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน) และ คณะที่ 13 (กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐ) เพราะกรณีนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ
แม้ว่าข่าวที่ปล่อยหลุดออกมานี้ หลายฝ่ายการันตีว่า ไม่ใช่ “ข่าวปล่อย” เพราะได้มีการตีความกันไปแล้วตามกระแสข่าวที่หลุดออกมา เพียงแต่…มีการสะกิดสะเกากันไว้
เพราะไม่ใช่แค่ “เดอะโต้ง” เท่านั้น ที่เป็น “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” แต่ในสมัยรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ผู้ว่าฯนก-เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤชาติ” ผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบันนี้ ก็เคยเป็น “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี”
ทั้งนี้ “ผู้ว่าฯนก-เศรษฐพุฒิ” ได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 55/2562 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.62 และเป็นหนึ่งใน “ดรีมทีมด้านเศรษฐกิจ” ของ “ลุงตู่-ประยุทธ์” ด้วยซ้ำ
หากการตีความของ “กฤษฎีกา” ถือว่า “โต้ง-กิตติรัตน์” ขาดคุณสมบัติ เพราะเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่สามารถเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติได้
ก็หนีไม่พ้น!! ที่สังคมจะตั้งคำถามว่า ในมาตรฐานเดียวกันเช่นนี้ แล้วมีเหตุผลกลใดที่ “ผู้ว่าฯนก-เศรษฐพุฒิ” ยังคงอยู่ในตำแหน่ง “ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” จนทุกวันนี้ได้
ด้วยเหตุนี้… เรื่องราวจึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น ก็ต้องรอดูว่า ผลของที่ประชุม 3 คณะของกฤษฎีกา ที่จะส่งไปถึงมือกระทรวงการคลังนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร
หาก “เดอะโต้ง” มีอันต้องตกเก้าอี้จริงๆ แคนดิเดตคนต่อไปอย่าง “กุลิศ สมบัติศิริ” ก็ย่อมต้องขาดคุณสมบัติเช่นกัน เพราะเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา เหมือนกัน
ขณะที่รายชื่อของ “ดร.สุรพล นิติไกรพจน์” อาจารย์กฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ จากม.ธรรมศาสตร์ ที่แบงก์ชาติเป็นผู้นำเสนอเข้ามานั้น กระทรวงการคลังจะเห็นด้วยหรือไม่
หรือ!!ทั้งหมดต้องไปเริ่มต้นใหม่ โดยให้มีการเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมจากแบงก์ชาติ และกระทรวงการคลัง เข้ามาใหม่ เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้คัดเลือก
ที่สำคัญ… คณะกรรมการสรรหาฯ ที่มี “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” เป็นประธาน ก็ยังคงมีอำนาจในการสรรหา ได้เหมือนเดิม เช่นกัน ขณะที่อดีตประธานบอร์ดแบงก์ชาติอย่าง “ปรเมธี วิมลศิริ” จะรักษาการแทนต่อไปได้ถึง 18 ม.ค.68
แต่ก็เชื่อว่าไม่มีปัญหา!! หากกระบวนการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ต้องเริ่มต้นขึ้นใหม่ เพราะผู้ว่าการแบงก์ชาติ ในฐานะรองประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ก็ยังสามารถทำหน้าที่รักษาการแทนประธานบอร์ดแบงก์ชาติต่อไปได้
ปัญหาคือ…ใครจะเข้ามาแทนที่ “เดอะโต้ง” หรือเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว “เดอะโต้ง” ยังสามารถนั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้!!
…………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo