ณ เวลานี้!! เชื่อได้ว่าคนไทยทั้งประเทศ กำลัง “งงงวย” กำลัง “สับสน” กับเรื่องราวของการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทั้งเรื่องของการลงทะเบียน ทั้งเรื่องของชนิดของวัคซีน หรือแม้แต่กระแสข่าว “วัคซีนหาย”
อย่าลืมว่า… นาทีนี้ “วัคซีน” ได้กลายเป็น “อัศวิน” ที่จะช่วยให้คนทั้งประเทศ “ไปต่อ” ได้ในทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของ “เศรษฐกิจ” ที่ทั่วโลกเวลานี้กำลังดีวันดีคืน
เมื่อเศรษฐกิจโลกดีขึ้น การค้าโลกดีขึ้น ก็หนีไม่พ้น ที่สถานการณ์ “การส่งออก” ของไทยจะดีขึ้นตามไปด้วย นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจไทยย่อม “ผงกหัว” ดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันประเทศไทยพึ่งพิงรายได้จากการส่งออกประมาณ 70-75% ของจีดีพี จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากเศรษฐกิจโลก หากการค้าโลกซบเซา เศรษฐกิจไทยย่อมซบเซาตามไปด้วย
แม้ประเทศไทยยังไม่พ้นวิกฤติ “ไวรัสโควิด-19” แต่ด้วยเหตุที่ว่าเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ได้ส่งผลให้การส่งออกของไทยผงกหัวขึ้นตามไปด้วย เพราะจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุด พบว่าการส่งออกในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงที่สุดในรอบ 3 ปี โดยอยู่ที่ 21,429 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราขยายตัวสูงถึง 13.09%
ที่สำคัญ!! หากไม่นับรวมสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำและยุทธปัจจัย การส่งออกไทยจะขยายตัวสูงถึง 25.70% ทีเดียว รวมทั้งมูลค่าการส่งออกของไทยก็มีมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แล้ว!!
หากดูตัวเลขชัด ๆ ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา คือตั้งแต่ม.ค.-เม.ย.64 พบว่า มีมูลค่าสูงถึง 85,577.30 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.78% และถ้านำไปเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด -19 ในปี 62 ถือว่าการขยายตัวของการส่งออกของไทยครั้งนี้ ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ระดับ 6.09%
นอกจากนี้มูลค่าการส่งออกช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีมูลค่าการส่งออก 80,664.7 ล้านดอลลาร์ แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์เอง ยังมองแบบระมัดระวัง และยังไม่ปรับการคาดการณ์การส่งออกใหม่ โดยยืนอยู่ที่ 4%
แต่ในแง่ของสำนักวิจัยอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สภาพัฒน์” เชื่อว่า การส่งออกไทยในปีนี้จะกลายเป็นเครื่องยนต์หลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถขจยายตัวได้ 10.3% เพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 5.8%
ขณะที่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า จะขยายตัวได้สูงถึง 13-15% จากเดิมที่คาดว่าขยายตัวได้ 8.6% เพราะการส่งออกฟื้นตัวเร็วกว่าคาด และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวดีในช่วงครึ่งหลังของปี
ไม่เพียงเท่านี้..ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.นี้ แนวโน้มการขยายตัวอาจยิ่งสูงขึ้นมากกว่าเดิม เพราะฐานของปีก่อน ค่อนข้างต่ำมาก หากนำมาคำนวณแล้ว ก็จะกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมที่ทำให้อัตราขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ด้วย “แสงสว่าง” ของการส่งออก ที่กำลังสาดส่องให้เห็นอยู่ในเวลานี้ จึงทำให้…สภาพัฒน์ ได้เรียกร้อง (ในการแถลงข่าวตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรก และทั้งปี 64 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา) ให้รัฐบาลคำนึงถึงการกระจายวัคซีน ให้กับภาคผลิตที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมและทั่วถึง
ส่วนจะทันและทั่วถึงหรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป เพราะเวลานี้เชื้อไวรัสร้ายก็ลามไปถึงโรงงานต่าง ๆ เข้าให้แล้ว อย่างที่เห็นข่าวกันอยู่ทุกวันนี้
อย่าลืมว่า…โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย ยังพึ่งพิงรายได้จากต่างประเทศเป็นส่งใหญ่ ทั้งการส่งออกสินค้า และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อโลกฟื้น…ไทยก็ฟื้น!! เมื่อโลกซบ…ไทยก็ซบ !!
ในปี 63 ที่ผ่านมา ทั้งไทยและโลก ต้องเผชิญโรคอุบัติใหม่อย่าง ไวรัสโควิด-19 ทำให้มูลค่าการส่งออกไทย หดตัวติดลบไป 6.01% ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 58 ที่หดตัวติดลบ 5.78% ขณะที่ในปี 62 ติดลบ 2.65% จากเรื่องของสงครามการค้า เรื่องของการค้าโลก เรื่องเศรษฐกิจ รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ในเมื่อเวลานี้!! สถานการณ์การส่งออกของไทย ได้สะท้อนให้เห็นว่า…โอกาสของเศรษฐกิจ “ไม่ได้ริบหรี่” แต่ “มีแสงสว่าง” ให้เห็นกันบ้างแล้ว
แต่ปัญหาอุปสรรคใหญ่…คือ เรื่องของการกระจาย “วัคซีน” ที่ยัง “สับสน” ยังอีรุงตุงนัง…อยู่ในเวลานี้ เพราะหากยิ่งฉีดได้ช้า ไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคผลิต ภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ ที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จนไม่สามารถกลับมาเดินหน้าธุรกิจได้เหมือนเดิม
รัฐบาล… จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมองให้เห็น “แสงสว่าง” ที่เกิดขึ้น พร้อม “หยิบฉวย” ให้ได้ เพื่อประคองเศรษฐกิจให้เดินฝ่า…วิกฤติไวรัสโควิด-19 ออกไปให้จงได้!!
……………………………………..
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo