วันศุกร์, พฤษภาคม 9, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTSรัฐบาลดันกาสิโนตัดหน้าญี่ปุ่น...คำถามคือกันคอร์รัปชันได้แค่ไหน?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รัฐบาลดันกาสิโนตัดหน้าญี่ปุ่น…คำถามคือกันคอร์รัปชันได้แค่ไหน?

สถานบันเทิงครบวงจร!! ยังคงเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์มาโดยตลอดทั้งสัปดาห์ หลังครม.เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….

เป้าหมายหลักของรัฐบาล ก็เพื่อต้องการสร้างรายได้เข้าประเทศในทุกทาง ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการลงทุนจริงเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท ทั้งการสร้างงานเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 9,000-15,300 ตำแหน่ง หรืออัตราการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 0.03-0.05% พร้อมทั้งช่วยพัฒนาศักยภาพแรงงานในประเทศและการจ้างงานจากธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งด้านออกแบบ ด้านขนส่งสิ่งของ ด้านโดยสาร

หรือแม้แต่การจ้างงานเพิ่มเติมในสถานบันเทิงครบวงจรเอง รวมไปถึงบรรดาธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องซึ่งจะเกิดขึ้นโดยรอบ รวมไปถึงตำแหน่งระดับบริหารจัดการ

ที่สำคัญ!! ยังสร้างรายได้ให้รัฐปีละอย่างน้อย 12,037-39,427 ล้านบาท โดยมาจากรายได้ภาษีจากกิจการอื่น ๆ เช่น โรงแรม 5 ดาว สวนสนุก ปีละ 8,773-35,093 ล้านบาทต่อปี


ขณะเดียวกันยังมีรายได้จากกิจการกาสิโน เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ภาษีการเล่นพนัน อย่างน้อยปีละ 3,264 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงมีรายได้จากค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโนอีกอย่างน้อย ปีละ 3,700 ล้านบาท
เรียกง่าย ๆ ว่า การเปิดทางให้เกิดสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทยครั้งนี้ จะช่วยดึงให้จีดีพีของประเทศเติบโตได้อีกปีละ 0.7% ทีเดียว เรียกได้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแต่ทะยานขึ้น ทะยานขึ้น เติบโตเกินกว่า 5% ดั่งที่อดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” ฝันไว้

รัฐบาลพยายามหมายมั่นปั้นมือที่จะให้สถานบันเทิงครบวงจร ครั้งนี้เกิดขึ้นให้ได้ภายในปี 2572 นี้ แม้การเปิดจะไม่เต็มรูปแบบก็ตาม แต่ก็ต้องการชิงตัดหน้า “ญี่ปุ่น” ที่กำลังจะเปิด “โอซาก้า อิมดิสทริก รีสอร์ท” ในปี 2573
เพราะหากไทยไม่พยายามแซงหน้าให้ได้ ก็จะสูญเสียโอกาสมหาศาล!!

รัฐบาลพยามเปิดตัวเลขให้เห็นว่า ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีสถานบันเทิงครบวงจร อย่าง เวียดนาม มีรายได้ปีละ 1.8 แสนล้านบาท อินโดนีเซีย 1.4 แสนล้านบาท ฟิลิปปินส์ 2.2 แสนล้านบาท

หรือจะเป็นสิงคโปร์ ปีละ 4.3 แสนล้านบาท เกาหลี ปีละ 3.2 แสนล้านบาท หรือแม้แต่ “มาเก๊า” ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีของชาวโลก โดยมีรายได้ปีละ 1.2 ล้านล้านบาททีเดียว

เมื่อยกตัวเลขออกมาให้เห็นเช่นนี้ เชื่อได้เลยว่า ประชาชนคนไทย “ตาลุกวาว” แน่ เพราะดีดลูกคิดไปมาแล้ว เอาเท่าที่เห็นแบบใสๆ ขาวๆ ไม่ต้องคิดไปไกล กระเป๋าตังค์ตุงแน่!!

ไม่มีใครเถียง…หากเศรษฐกิจของประเทศเจริญขึ้น ดีขึ้น รากหญ้าปลายแถว ย่อมได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเงินจำนวนมหาศาลก็ตาม

แต่!! อย่าลืมว่า นับสิบปีที่ผ่านมา คนไทยตาดำ ๆ ต้องเผชิญความยากลำบากมาอย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะเมื่อโดนโรคร้ายโควิด-19 รุมกระหน่ำ ไม่เพียงแค่ต้องสูญสียเสียชีวิตจากการติดโรคเท่านั้น

การสูญเสียชีวิต ความเป็นอยู่ ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน จนถึงทุกวันนี้ หลายคน หลายราย ยังไม่ฟื้นเลยก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย!!


ดังนั้น…ความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการทำให้สิ่งที่อยู่ใต้ดิน กลับขึ้นมาอยู่บนดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็น่าสนับสนุน เพราะเท่ากับว่าช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้นในทุกทาง ดูอย่างการทำหวยบนดิน ที่เริ่มต้นงวดแรกวันที่ 1 ส.ค.46 ก็สามารถแย่งรายได้จากใต้ดินมาอยู่บนดินได้ถึง 36,692 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 ทำรายได้ 76,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 108%  ปี 48 มีรายได้รวม 82,718 ล้านบาท ขณะที่ปี 49 มีรายได้รวม 92,764 ล้านบาท

อย่างที่บอกถ้าดูเฉพาะตัวเลข!! ก็สวยหรู !!

แต่…ปัญหาอยู่ที่ว่า อีกสารพัดสารพันปัญหา โดยเฉพาะทางด้านสังคม จะดูแลแก้ไขกันอย่างไร แม้ทุกวันนี้จะมีปัญหาอยู่แล้วก็ตาม

ส่วนที่หนักที่สุด!! การทุจริตคอร์รัปชัน ที่เชื่อได้เลยว่ามีมากกว่า 1,000% ด้วยซ้ำ จะทำอย่างไร? นี่สิ… คือสิ่งที่คาใจของทุกคน…

………………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img