วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 22, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS“ลดดอกเบี้ย”มาอีกแล้ว! ถึงเวลาวัดใจ “แบงก์ชาติ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ลดดอกเบี้ย”มาอีกแล้ว! ถึงเวลาวัดใจ “แบงก์ชาติ”

หายไปนานพอควร แถมประชาชนคนธรรมดาน่าจะลืมไปแล้ว กับเรื่องราวของ ศึกแบงก์ชาติ กับ ฟากรัฐบาล ในเรื่องของ การปรับลดดอกเบี้ย

ที่เมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัย “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” ที่เปิดศึกความเห็นในเรื่อง นโนยาบดอกเบี้ย เรื่อยกันมาจนเปลี่ยนรัฐบาลมาถึง “แพทองธาร ชินวัตร” เป็น นายกรัฐมนตรี

แถมศึกที่ว่ายังลุกลามมาจนถึงตำแหน่ง ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่ฟากรัฐบาลส่งคนของตัวเองเข้าแข่ง จนทำให้เกิดกระแสต่อต้านคัดค้าน แม้จะมีคุณสมบัติที่เข้าข่าย แต่ด้วยการเป็นคนการเมือง ชัดเจน ก็ทำให้เกิดแรงต่อต้าน

แรงต่อต้านในครั้งนั้นก็รุนแรง แบบเป็นชนิดที่ คนแบงก์ชาติไม่ต้อนรับ คัดค้าน สุดท้าย!! ก็นำไปสู่การสรรหาครั้งใหม่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า

แม้ในรอบนี้ทุกอย่างลงตัว โดยกระทรวงการคลังและรัฐบาล ส่ง “สมชัย สัจจพงษ์” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เข้าชิงตำแหน่ง แม้จะมาจากคลัง แต่ตัวของ “สมชัย” ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นคนการเมืองใดๆ

ทุกวันนี้…เรื่องราวความไม่ลงตัวในเรื่องนโยบาย ระหว่างแบงก์ชาติ กับรัฐบาล ก็ดูรอมชอม เงียบเชียบ ท่ามกลางกระแสที่ว่า “ดีลลงตัว”

แต่กลับกลายเป็นว่า ในการประชุมครม.สัญจร ที่จ.สงขลา เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “นายกฯแพทองธาร” ก็เรียกร้องให้แบงก์ชาติ เร่งปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง

ในรอบของการแถลงข่าวภายหลังประชุมครม.สัญจร แล้วเสร็จ ดูแล้วอาจยังไม่ชัดเจนมากนักว่า “นายกฯแพทองธาร” ต้องการสื่อสารอะไร

แต่ในช่วงค่ำ “นายกฯแพทองธาร” ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แถมลงภาพอินโฟกราฟิกผลประชุมครม. ที่แสดงข้อความให้เห็นชัดเจนที่ ขอให้แบงก์ชาติควรปรับลดดอกเบี้ยลง

ต่อมา…“นายกฯแพทองธาร” ก็ย้ำเตือนอีกครั้ง ในการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ที่พูดชัดเจน เรียกร้องให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยลง เพื่อลดภาระให้กับประชาชนและบรรดาเอสเอ็มอีทั้งหลาย

ด้วยเพราะปัญหาใหญ่สำหรับเศรษฐกิจไทย ที่ไปไม่ถึงไหน ก็เป็นเพราะยังก้าว “กับดักหนี้” ไปไม่พ้น แม้สัดส่วนหนี้จะลดลงไปบ้างก็ตาม

แต่จากการเป็นหนี้ จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่และมีผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยไม่น้อยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ จึงต้องสื่อสารถึงแบงก์ชาติชัดๆ กันอีกครั้ง

การสื่อสารครั้งนี้ของ “ผู้นำประเทศ” ได้รับการขานรับจากภาคเอกชนกันแบบถ้วนหน้า เพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านการเงินให้กับทุกคน

เพราะ…ต้นทุนการเงินนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทย ไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ เพราะทุกวันนี้กำลังซื้อทั้งเอกชนและประชาชน ต่างก็อ่อนแรง อัตราเงินเฟ้อก็ต่ำ

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมาตรการออกมากระตุ้น ซึ่งในฟากฝั่งของกระทรวงการคลังเอง ได้พยายามที่จะออกมาตรการมากระตุกกระตุ้นเพิ่มเติม

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ออกเรื่องของการแจกเงินหมื่นมาแล้ว หรือแม้แต่การลดหย่อนภาษีด้วยมาตรการ “อีซี่-อีรีซีฟท์” ก็ตาม

แต่!! ก็ดูเหมือนว่า แรงกระตุ้นครั้งนี้ ยังไม่มีแรงหมุนเพียงพอ ที่จะทำให้เศรษฐกิจหมุนติ้วได้ !!

ขณะที่นโยบายการเงิน ยังไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่นัก รวมทั้งต้องมีมาตรการเสริมที่สามารถช่วยให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เพราะทุกวันนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่มากมาย จึงไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยต่ำได้อย่างเต็มที่

บรรดากูรูหลายคน “ฟันธง” ไปในทิศทางเดียวกันว่า แบงก์ชาติโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงมาอีก 0.25% แน่

เพราะเห็นแล้วว่า เศรษฐกิจยังไม่สามารถผงกหันขึ้นมาดูโลกแบบเต็มตาได้ และด้วยแรงกดดัน แรงกระแทกสารพัดที่จะเกิดขึ้น จึงมีโอกาสสูง ที่ดอกเบี้ยจะลดลงไปสู่ระดับ 1.5% ในปลายปี 68 นี้

เอาเป็นว่า… ณ วันนี้ คงไม่มีใครคาดเดาได้ว่า กนง. ทั้ง 7 คน จะตัดสินใจอย่างไร?

ทั้งหมด!! คงต้องรอว่า การส่งสาส์นของนายกฯแพทองธาร ในครั้งนี้ จะโดนใจ “แบงก์ชาติ” ได้แค่ไหน!!

………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img