วันเสาร์, มิถุนายน 7, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTSลุ้นรัฐหารายได้ปี 69 โปะงบฯขาดดุล หวั่น“เศรษฐกิจ”ไม่พ้นแรงกระแทก!!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ลุ้นรัฐหารายได้ปี 69 โปะงบฯขาดดุล หวั่น“เศรษฐกิจ”ไม่พ้นแรงกระแทก!!!

เมื่อการพิจารณา งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผ่านที่ประชุม “สภาผู้แทนราษฎร” ใน วาระแรก ไปเรียบร้อยแล้ว กระบวนการขั้นต่อไป ก็ต้องตั้ง “คณะกรรมาธิการ” ขึ้นมาเพื่อพิจารณาในรายละเอียด งบตรงไหนควรตัด-งบตรงไหนไม่ควรตัด

จากนั้นก็ต้องรอเข้าสู่ที่ประชุมใน วาระ 2-วาระ 3 เข้าสู่การพิจารณาของ “วุฒิสมาชิก” ก่อนเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้งบประมาณตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป

ในเมื่อกระบวนการจัดทำงบประมาณแล้วเสร็จ กระบวนการ “เขย่าเก้าอี้รัฐบาล” ก็จะตามมาเป็น “สูตรสำเร็จ” ส่วนจะปรับเล็ก ปรับใหญ่ ปรับแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง ถ้าทุกอย่าง “สมประโยชน์” ก็ฉลุย

หันกลับมาที่เรื่องของ งบประมาณ ปี 2569 ที่ยังคงเป็น งบประมาณแบบขาดดุลที่ 8.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดดุลงบประมาณหลายสิบปี

นั่นหมายความว่า… รัฐบาลยังคงต้องกู้เงินเพื่อบริหารประเทศ เพราะการจัดเก็บรายได้ ยังไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่กำหนด โดยรัฐบาลคาดหวังว่าในปีงบประมาณ 69 นี้ จะสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ ที่ประมาณ 2.92 ล้านล้านบาท และยังเป็นการจัดเก็บที่เพิ่มขึ้นราว 1.8%

ที่น่าสนใจ… อยู่ที่ว่า การจัดเก็บรายได้ที่คาดหวังไว้นั้น จะทำได้มาก-น้อยแค่ไหน ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังซวนเซ จนทำให้เศรษฐกิจไทยต้องออกอาการ “เป๋” ตามไปด้วยเช่นกัน

แม้รัฐบาลจะคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 69 จะสามารถขยายตัวในช่วง 2.3–3.3% ก็ตาม แต่ปัญหาจากผลกระทบของ “มาตรการภาษีตอบโต้” ของ ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ก็ยังคงอยู่

เช่นเดียวกับ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง

ปัญหาคือ…จากสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้…ได้แค่ไหน? ท่ามกลางปัญหา “หนี้ครัวเรือน” ที่ยังคงสูงอยู่มาก เช่นเดียวกับ “หนี้ภาคธุรกิจ” ที่มีมากขึ้นทุกวัน จากต้นทุนการเงินที่สูง และอีกหลากหลายปัญหา ที่ทำให้เศรษฐกิจในประเทศอ่อนแอลงทุกวัน

ตาม แผนการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 69 กระทรวงการคลังได้วางไว้ ใน 3 ส่วน ส่วนแรก ก็มาจากการจัดเก็บของกรมภาษีทั้ง 3 กรม ทั้ง “กรมสรรพากร-กรมสรรพสามิต-กรมศุลกากร” ที่ตั้งไว้ 3.14 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 43,000 ล้านบาท

ส่วนที่สอง เป็น รายได้จากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่ตั้งไว้ 1.82 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,100 ล้านบาท และสุดท้าย ส่วนที่สาม เป็น รายได้จากส่วนราชการอื่นๆ 1.64 แสนล้านบาท เช่น รายได้จากกรมธนารักษ์ รายได้อื่นๆ จากค่าประมูลสัมปทาน ค่าคลื่นความถี่ เป็นต้น

สำหรับ “กรมสรรพากร” ที่เป็นรายได้หลัก นั้นถูกวางเป้าหมายไว้ที่ 2.44 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 74,600 ล้านบาท ถามว่า? โอกาสการจัดเก็บภาษีเป็นไปได้มาก-น้อยแค่ไหน

อย่าลืมว่า… ถ้าเศรษฐกิจดี โอกาสเก็บรายได้ ก็มีมาก ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการบริโภค หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่กำลังยักแย่ยักยันจากแรงกระแทกของเศรษฐกิจโลก

ที่สำคัญในปัจจุบัน รัฐบาลยังคงเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 7% ซึ่งต่ำกว่าเพดาน ที่กำหนดไว้ที่ 10% และหากจะเก็บเพิ่ม ที่จะได้รายได้เพิ่มทันทีก็แทบเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าทุก 1% ที่เพิ่มขึ้น จะมีรายได้เข้าเพิ่มขึ้น 70,000-80,000 ล้านบาทก็ตาม

เพราะหากรัฐบาลยอมเสี่ยงขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมทันที ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ ราคาข้าวของแพงขึ้น และเกิดแรงต้านจากภาคประชาชนอย่างแน่นอน

หรือจะเป็น ภาษีสรรพสามิต ที่ตั้งเป้าหมายรายได้ 5.78 แสนล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากน้ำมัน ที่เชื่อได้ว่าปีนี้น่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับ ภาษีเบียร์ ภาษีสุรา ที่น่าจะเติบโตได้ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

ส่วน ภาษีรถยนต์ ที่เคยเชิดหน้าชูตา จากที่จัดเก็บได้ปีละกว่า 1.3 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 40,000-50,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งคงได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด เพื่อแลกกับการส่งเสริมลงทุนและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ

ขณะที่ การรื้อภาษีใหม่แบตเตอรี่ใหม่ คงไม่ได้ส่งผลต่อรายได้มากนัก หรือการเก็บภาษีใหม่ๆ อย่าง ภาษีความเค็ม ภาษีความมัน คงไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เช่นกัน

หรือจะเป็น รายได้ภาษีศุลกากร ที่ถูกตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.22 แสนล้านบาท ก็ยังมีปัญหาใหญ่ จากปัญหาสงครามการค้า และกำแพงภาษีทรัมป์ ที่ทำให้ยอดส่งออก การนำเข้าชะลอตัว

ส่วน รายได้จากรัฐวิสาหกิจ 1.82 แสนล้านบาท โดยมีรายได้หลักมาจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมถึง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ครองแชมป์นำส่งรายได้

แต่รัฐบาลก็อาจเผชิญความเสี่ยงจากเงินนำส่งของ “แบงก์รัฐ” ที่น้อยลง เพราะต้องโอบอุ้มนโยบายของรัฐบาลในการแก้หนี้ เสริมสภาพคล่อง จนอาจกระทบต่อผลกำไร

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้!! ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายรัฐบาลไม่น้อย ว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถฝ่าฟันพายุเศรษฐกิจไปได้มากน้อยเพียงใด

…………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img