วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSไทยกำลัง“บอบช้ำ”หนัก!! รัฐต้องชั่งน้ำหนัก“กู้วิกฤติ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ไทยกำลัง“บอบช้ำ”หนัก!! รัฐต้องชั่งน้ำหนัก“กู้วิกฤติ”

ตายคาถนน!!! ตายคาบ้าน!!! กลายเป็นปัญหาใหญ่ ของประเทศไทยในเวลานี้ ด้วยพิษของไวรัสโควิด “เดลต้า” ที่ยังคร่าชีวิตคนไทยไปทุกวันทุกวัน

ขณะที่ “การเมือง” ก็ใช้ทุกวิถีทาง นำชีวิตของคนไทยมาปลุกระดม ปลุกกระแส เพื่อสร้างประชาธิปไตยใบใหม่ให้เกิดขึ้นให้ได้ ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนคนไทยตาดำ ๆ

ณ เวลานี้ ต่อให้รัฐบาล ให้หน่วยงานรัฐ ออกมาตอบโต้ ออกมาชี้แจงอย่างไร? เชื่อเถอะ ด้วยอารมณ์ ด้วยความรู้สึก ด้วยความเป็นความตายทุกวินาที ณ เวลานี้ ย่อมไม่มีผล!!

การใช้มาตรการ “ล็อคดาวน์” การปิดการ ทำให้บรรดาพ่อค้า แม่ขาย ผู้ประกอบการต้อง “เจ็บหนัก”  ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ “ไม่ได้ลดลง” ตามที่ฝ่ายบริหารคาดหวังไว้ กลับกลายเป็น “กว้างงูไม่พ้นคอ”

สารพัดสถาบันวิจัยทั้งไทย ทั้งเทศ ต่างเฮโล พากันหั่นคาดการณ์จีดีพี ลดลงต่ำกว่า 1% บางสำนักก็มองไปว่าอาจไม่ขยายตัว หรือหดตัวติดลบด้วยซ้ำไป

อย่างแบงก์ชาติ ก็ยังหวาดหวั่นกับพิษของไวรัสโควิด ที่อาจกดทับเศรษฐกิจดิ่งลงไปอีก เบื้องต้นก็เชื่อว่าโควิดได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้หดตัวติดลบ 0.8% ถึงติดลบ 2% กันทีเดียว

ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้รัฐบาล เร่งใช้เงินกู้ตามพ.ร.ก.กู้เงิน ในวงเงิน 5 แสนล้านบาท ออกมาดูแลแก้ไขปัญหาโดยเร็ว แต่การแก้ไขปัญหา ก็ต้องทำให้ถูกที่ถูกทางถูกคน เพื่อให้เงินที่ลงไปแต่ละบาทเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจ

ไม่เพียงเท่านี้ !!จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ได้เริ่มลุกลามไปยังสารพัดโรงงาน ที่ทำให้ต้องปิดกิจการ พนักงานเป็นร้อยเป็นพัน ต้องหยุดรักษาตัว ต้องหยุดกักตัว

นั่นก็หมายความว่า…บรรดาสินค้าอุปโภค บริโภค อาจกระทบกระเทือน เพราะโรงงานถูกปิด หรือไม่ก็มีพนักงงานไม่พอที่จะผลิตสินค้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ที่มองข้ามกันไม่ได้เด็ดขาด

ด้วยจุดอ่อนสารพัดที่ “รัฐบาล” ยังไม่สามารถแก้ไขหรือจัดการกับไวรัสโควิดได้ แถมยังหนักขึ้น หนักขึ้น ทุกวัน ทุกวัน ทำให้ “ความศรัทธา” เข้าสู่จุด “วิกฤติ”

ขณะเดียวกันพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารัฐบาล ได้ยืนยันเดินหน้าเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน ในการตั้งวงถกกับบรรดา 40 ซีอีโอ พลัส ขณะที่บรรดาซีอีโอ ต่างบอกไม่เอา “อู่ฮั่นโมเดล” ด้วยเพราะแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจจะหนักหนาสาหัสเข้าไปอีก

นอกจากนี้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ รัฐบาลก็เตรียมเปิดจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์) และจังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่) เพื่อต่อยอดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

ภูเก็ต

ประเด็นก็คือ…เป็นการเปิดทางให้นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เดินทางไปเที่ยวพื้นที่อื่นที่เชื่อมโยงกับจังหวัดภูเก็ตได้  มีเงื่อนไขคือ นักท่องเที่ยวต้องพักอยู่ในภูเก็ต 7 วันก่อน

อย่าลืมว่า จังหวัดภูเก็ต ได้ถูกนิยามว่าเป็น “พื้นที่เฝ้าระวังสูง” ภายใต้คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และตั้งแต่วันที่ 1-21 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ประมาณ 130 ราย โดยติดเชื้อในพื้นที่ 111 ราย และอีก 19 ราย เป็นการติดเชื้อของนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

แม้เวลานี้…ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่องและมียอดสะสมแล้ว 9,358 คน สร้างรายได้แล้วประมาณ 534.31 ล้านบาท ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทางจังหวัดภูเก็ตมีการควบคุมดูแลโครงการนี้ อย่างเข้มงวดและรัดกุม

แต่อย่าลืมว่า หากขยายพื้นที่ท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ โดยคนในพื้นที่ ยังไม่พร้อม หรือเตรียมตัวไม่ทัน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วง น่ากังวล เพราะถ้าแผนบับเบิ้ล แผนป้องกัน แตกขึ้นมา

สุดท้าย!! ก็หนีไม่พ้นที่แรงกระแทกจะไปตกอยู่ที่รัฐบาลเข้าให้อีก และยิ่งตอกย้ำให้เกิดวิกฤตศรัทธามากขึ้น!!

…………………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img