หนักหนาสาหัส!! เข้าทุกวันกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เชื่อได้ว่า…กว่าคนไทยจะเคยชินเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้คงต้องสูญเสียชีวิตไปอีกจำนวนไม่น้อยทีเดียว
แต่ในเมื่อทุกฝ่ายต่างพยายามแก้ปัญหา ต่างพยายามป้องกันอย่างที่สุด สุดท้าย!! ก็ยังเอาไม่อยู่ ก็ต้องพึ่งตัวเองดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าวันไหนเกิดเชื้อขึ้นมา ก็ถือว่า “ซวย” เหมือนคำกล่าวที่ว่า ดวงจะซวยก็ช่วยไม่ได้แล้ว นอกจากทำใจยอมรับ
เหมือนกับที่… สภาพัฒน์ ได้ออกมาหั่นตัวเลขการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเหลือเพียง 1.5 แสนคนในปีนี้ และสร้างรายได้เพียง 1.2 แสนล้านบาท
ทั้งที่รายได้จาก “การท่องเที่ยว” ถือเป็นหนึ่งในรายได้ของประเทศในสัดส่วนเกือบ 20% ของจีดีพีกันทีเดียว
ด้วยพิษร้ายของโควิดที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ย่อมส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกลดลง ขณะที่การแพร่ระบาดในไทยกลับรุนแรงมากขึ้น มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น จนทำนิวไฮกันแทบทุกวันทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต
แม้ว่า “บิ๊กตู่” ยังคงยืนยันและเดินหน้าเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วัน โดยเริ่มทำโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัส เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดประเทศ
ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่บรรเทาเบาบางลง การหวังพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยว ก็ดูจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แม้รายได้จากการส่งออกเริ่มกลับมาพลิกฟื้น และเชื่อว่าภายในปีนี้จะเติบโตมากถึง 16.3% ก็ตาม
ความหวังครั้งนี้จะเป็นไปได้หรือไม่? ก็ต้องขึ้นอยู่กับการลุกลามของโควิด จะเข้าไปถึงภาคผลิตมากน้อยเพียงใด เพราะสารพัดโรงงานก็มีไม่น้อยเช่นกันที่ถูกพิษโควิดเล่นงานอยู่เวลานี้
ถึงขนาดที่ว่าศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือศบค. ได้กำหนดให้บรรดาโรงงานต้องใช้มาตรการบับเบิ้ลแอนด์ซีล รวมไปถึงการจัดทำคอมพานี ไอโซเลชั่น พร้อม
ตรวจหาเชื้อด้วยเอทีคี ทุกสัปดาห์ เพื่อหยุดยั้งปัญหา
ขณะเดียวกันศบค.ก็ผ่อนผันให้เปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เชื่อมต่อจังหวัดนำร่องอื่น (7+7) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
พูดง่าย ๆ ก็คือให้นักท่องเที่ยวที่เข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่ออยู่ในภูเก็ต 7 วันแล้วตรวจไม่พบเชื้อโควิด สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยังเกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หรือจะไปที่เกาะพีพี เกาะไหง หรือไร่เล ที่จังหวัดกระบี่ หรือไปเที่ยวที่เขาหลัก เกาะยาวน้อย หรือเกาะยาวใหญ่ ที่จังหวัดพังงา ได้ 7 วัน แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ขณะที่!!! ในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐ อียู หรือฮ่องกง ได้ “ขึ้นลิสต์” ประเทศไทย เป็นประเทศที่ “เสี่ยง” ในการเดินทางไป
ในด้านของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท.เบื้องต้นได้คาดการณ์ว่าในปี 64 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 1.2 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 85,000 ล้านบาท จากการฝากความหวังไว้ที่การเปิดประเทศในพื้นที่นำร่องแบบไม่กักตัว โดยเฉพาะโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ไม่เพียงเท่านี้ ล่าสุด ทางหอการค้าไทยและสภาหแห่งประเทอการค้าศไทย โดย “สนั่น อังอุบลกุล” โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่าได้เสนอให้ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พิจารณาแนวทางการ “เปิดเมืองปลอดภัย”
“สนั่น” เสนอให้ทำ กรุงเทพแซนด์บ็อกซ์ โดยให้เปิดกิจการค้าปลีก เป็นการนำร่อง แต่พนักงาน-ประชาชน ที่จะเข้ามาใช้บริการ ต้องฉีดวัคซีน หรือมีผลตรวจไม่พบเชื้อ โดยเชื่อมข้อมูลประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วผ่าน “ไทยร่วมใจ” กับ “หมอพร้อม” ก่อนขยายผลไปกิจการอื่น
นอกจากนี้ยังมีอีกสารพัดมาตรการ ด้วยเพราะในเชิงธุรกิจแล้ว ก็ต้องการให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อให้ได้ กลับมาเปิดประเทศให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทะลายลงไปต่อหน้าต่อตา
แม้ตัว “บิ๊กตู่” จะออกมาการันตีว่า…ตัวเองยังไม่ท้อแท้ จะร่วมแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด ที่สำคัญจะทำอย่างไร? ให้ประเทศไทยอยู่กับโควิด ให้ได้ด้วยความสงบ เพราะหากไม่สงบอย่างไรก็อยู่ไม่ได้ วุ่นวายไปหมด และจะเกิดปัญหาในการทำงาน
เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการ “บริหารจัดการ” การชั่งน้ำหนัก เพราะการเลือกรักษาเพียงด้านใดด้านหนึ่งคงทำไม่ได้แน่นอน เพราะเลือกเพียงแค่ด้ายสุขภาพ เศรษฐกิจก็เจ๊ง ถ้าเลือกแค่เศรษฐกิจ ชีวิตคนไทยก็เสี่ยง!!
…………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo