การพบโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน” กำลังกลายเป็นคำถามของคนไทยทั้งประเทศว่า…รัฐบาลจะสกัดอยู่หรือไม่? หรือซ้ำรอยไวรัส “เดลต้า” ที่ทุบทั้งชีวิตคนไทย ทุบทั้งเศรษฐกิจไทย อีกหรือเปล่า !!
เพราะที่ผ่านมา…รัฐบาลเคยการันตีอย่างแข็งขันกับการล้อมคอก “เดลต้า” แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า “คอกแตก” สารพัดสารพันปัญหา เกิดขึ้นตามมามากมาย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร!! หากคนที่เคยเจ็บปวดใจจนปางตายกับพิษร้ายของไวรัสเดลต้า จะเกิดอาการอกสั่นขวัญหาย ตื่นตระหนกกับข่าวคราวของโอไมครอน
ที่สำคัญ…ข้อมูลของ “โอไมครอน” ยังไม่มีความชัดเจน แน่นอน ทุกคนรู้เพียงแค่ว่า…แพร่เชื้อเร็ว แถมยังหลบภูมิคุ้มกันได้ดีอีกต่างหาก ส่วนติดแล้วถึง “ตาย” หรือเปล่า ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดอย่างเป็นทางการ
สิ่งเหล่านี้ จึงกลายเป็นคำถาม จึงกลายเป็นความกังวลของภาคเอกชน
อย่าง “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่บอกชัดเจนว่า เอกชนกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโอไมครอนมาก
ขณะเดียวกันก็ต้องการให้รัฐบาลให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งไม่ต้องการ “เจ็บตัว” จากการประกาศล็อคดาวน์ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นอีก เพราะถือว่าสาหัสสากรรจ์มากเกินพอแล้ว
อย่าลืมว่า…ตลอดเวลากว่า 2 ปี ที่คนไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ไม่ใช่เพียงแค่การเจ็บป่วย การสูญเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของเศรษฐกิจที่กระทบต่อปัญหาปากท้องเข้าให้ด้วย
นอกจากนี้ ไทยเพิ่งเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่หวังกันไว้มากว่า จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยโงหัว ออกจากพิษของโควิดได้
มีการคาดหมายกันไว้ว่า… หลังจากเปิดประเทศแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทย 1.1 ล้านคนในช่วงไฮซีซั่น หรือในช่วง 5 เดือนจากนี้ไป
แม้ตัว “บิ๊กตู่” เอง ได้ประกาศไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่ายัง “ไม่ปิดประเทศ” ในเวลานี้แน่นอน เพราะทุกฝ่ายได้ร่วมมือได้วางแผนรองรับ ทั้งการคัดกรองแบบ RT-PCR การกักตัวชั่วคราว จนกว่าจะรู้ผลตรวจ
รวมทั้งให้เร่งส่งมอบวัคซีนรุ่นใหม่ ที่ปรับปรุงเพื่อรองรับการกลายพันธุ์ของโควิด-19 การเตรียมความพร้อมเรื่องของ “ยา” สำหรับการรักษา การเตรียมความพร้อมระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับการระบาดระลอกใหม่
หรือแม้แต่การ “ควานหาตัว” ชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทย โดยเฉพาะจากแอฟริการวม 783 ราย ตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานตัวเลขไว้ก็ตามรวมไปถึงการ “ห้าม” ผู้คนที่มาจาก 8 ประเทศ ไม่ให้เดินทางเข้าไทยโดยเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้โอไมครอน บินเข้ามาในเมืองไทยได้
แต่ก็อย่าลืมว่า… ครั้งที่แล้วในเรื่องของ “เดลต้า” ที่คุ้มกันอย่างหนาแน่น แต่ปรากฎว่าเชื้อเดลต้ากลับเดินผ่านเข้ามาทางตะเข็บชายแดนหลายจังหวัดจนกลายเป็นปัญหาใหญ่
ณ เวลานี้ ทุกฝ่ายยืนยันชัดเจนว่า ในไทยยังไม่มีการติดเชื้อโอไมครอนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ก็อย่าลืมว่า “ความเสี่ยง” นั้นมีอยู่จำนวนไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “แรงงานต่างด้าว” ที่กำลังเป็นที่ต้องการของเอกชนไทยอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งแรงงานเมียนมา แรงงาน สปป.ลาว หรือแม้แต่แรงงานกัมพูชา ต่างเดินทางกลับภูมิลำเนาไปแล้วกว่า 2 ล้านคน
ด้วยเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้น ภาคการผลิต ภาคบริการ ต้องการแรงงานกันมาก เหตุการณ์ลักลอบนำเข้า “แรงงานเถื่อน” ก็มีเข้ามาให้เห็นกันอยู่ทุกวัน
สารพัดสารพันปัญหา ที่ “วนเวียน” เข้ามาอยู่ในเวลานี้ กำลังกลายเป็นความท้าทาย เพื่อวัดฝีมือของรัฐบาลอีกครั้ง ว่าสามารถบริหารจัดการปัญหาได้แค่ไหน?
ยิ่งในช่วงนี้อยู่ในช่วงเวลาของการ “หาเสียง” เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจเข้าสู่การ “เลือกตั้ง” ครั้งใหม่ ถ้าทุกอย่างล้มเหลว ซ้ำรอยประวัติศาสตร์เดลต้า เข้าให้อีก นั่น…ก็หมายถึง “ความนิยม” ที่จะหมดไปจากหัวใจคนไทย!!!
…………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
