วันที่ 1 พ.ค.นี้ สารพัดสารเพสินค้าและบริการ ต่างพาเหรดเฮโลปรับราคาขึ้นกันเป็นแถว ตามที่มีคนเปรียบเปรยว่า…แพงทั้งแผ่นดิน!! ถามว่า? ทุกวันนี้…ประชาชนคนไทยต่างเตรียมพร้อมรับมือเรื่องนี้กันมากน้อยเพียงใด เชื่อเถอะ!! คำตอบ…ของทุกคนย่อมไปในทิศทางเดียวกันว่า จะเตรียมตัวอะไรได้!!
ในเมื่อของทุกอย่างแพงขึ้น เพราะมีเหตุผลที่ต้องขึ้น ไม่เช่นนั้น “สินค้าและบริการ” ในตลาดคงไม่มีให้เห็น ยิ่งเดือดร้อนหนักกันเข้าไปอีก
ขณะเดียวกัน หากจะถามหา “ค่าแรง” เพิ่มขึ้น ในเวลานี้คงไม่ใช่คำตอบ เพราะเท่ากับเป็นการซ้ำเติม “ผู้ประกอบการ” เพิ่มมากขึ้นไปอีก สุดท้ายยิ่งทำให้เศรษฐกิจสะดุดจนหัวคะมำเข้าได้
แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวออกมาชะโลมใจบรรดาแรงงานว่า อาจมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำที่วันละ 492 บาท แต่สุดท้าย…ก็ต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้าง ที่ว่ากันว่าจะมีการพิจารณากันในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ให้เรียบร้อยก่อน
เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ คนไทยก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมกับภาวะค่าครองชีพสูง กันไปก่อนตามสไตล์ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เพราะลำพัง “ขนหน้าแข้ง” ของรัฐบาล ขนก็ร่วงหล่นลงทุกวี่ทุกวัน ชักหน้า!!แทบไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ไม่เช่นนั้น!!
รัฐบาลคงไม่ยอม “ยกธงขาว” ให้กับราคาน้ำมัน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ที่วันนี้…รัฐบาลต้องยอมเชิดหน้า ยกอก รับความจริงว่า…ได้ใช้เงินจาก “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” หลายหมื่นล้านบาทจนหมด แม้จะ “กู้เงิน” มาเสริมก็หมดไปแล้วเช่นกัน เพื่อเข้าไปดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท
“ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุว่า น้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น 1 บาท ได้ทำให้คนไทยมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นวันละ 100 ล้านบาท จากความต้องการใช้น้ำมันวันละ 55 ล้านลิตร
ที่สำคัญ!! หากแนวโน้มราคาน้ำมันยังไม่ยอมสงบลง แล้วพุ่งพรวดไปแต่ที่ลิตรละ 35 บาท ในช่วง 2-3 เดือนหลังจากนี้ ก็เท่ากับว่าประชาชนต้องสูญเสียเงินไปกับค่าน้ำมันดีเซลสูงถึงเกือบ 30,000 ล้านบาท
แม้ว่าการประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเป็นลิตรละ 32 บาทในวันที่ 1 พ.ค.นี้ แล้วทยอยปรับขึ้น ครั้งละไม่เกินลิตรละ 1 บาท และต้องไม่เกิน 35 บาท จะมีผลทางจิตวิทยา ช่วยบรรเทาความรู้สึกของประชาชนคนไทยไปได้ระดับหนึ่งก็ตาม
แต่ปัญหาด้านราคาพลังงานนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกเป็นสำคัญ ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสงครามรัสเซียและยูเครน ที่ยังไม่รู้ว่า…ปลายทางจะไปสิ้นสุด ณ จุดใด
ทุกวันนี้…อย่างที่บอก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มีน้อย-ใช้น้อย ใช้สอยอย่างประหยัด นั่นแหล่ะ!! คือ หนทางปลอบใจคนไทยทั้งประเทศได้ดีที่สุด!!
ต่อให้หลายฝ่ายตั้งความหวังว่า การเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ช่วยทำให้ภาคท่องเที่ยวกระเตื้องเพิ่มมากขึ้น โดยตลอดทั้งปี 65 น่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมประมาณ 9 แสนล้านบาท
หรือ!! แม้ว่าผลงานการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 65 (ต.ค.64-มี.ค.65) ไปได้สวย เพราะจัดเก็บรายได้สุทธิ ได้มากถึง 1.09 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายถึง 6.7% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.8% ก็ตาม
แต่ถ้ามาย้อนดูปัญหาใหญ่ ปัญหาหนี้ จะพบว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือน ณ เวลานี้ ได้พุ่งปรี๊ดสูงถึง 217,952.59 บาท เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ เพราะทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 14 ปีที่ผ่านมา เหตุผลหลัก!! ก็มาจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในทุกด้าน ทั้งค่าสินค้าอุปโภค บริโภค ค่าน้ำมัน
เผลอ ๆ ว่ากันว่า สถิติหนี้ครัวเรือนในปี 65 นี้ อาจทะยานขึ้นไปสูงสุดถึง 95% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี กันทีเดียว!!
ส่วน ยอดหนี้ของประเทศ ล่าสุด ณ วันที่ 28 ก.พ.65สิ้นเดือนก.พ. 65 อยู่ที่ระดับ 60.17% ต่อจีดีพี โดยมีมูลค่ากว่า 9.82 ล้านล้านบาท
เชื่อได้ว่า…คนไทยในเวลานี้ คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องยอมรับสภาพ!! แล้วภาวนาในใจขอ “อัศวินขี่ม้าขาว” มาช่วยด่วน!!
…………………………………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
