วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSแบงก์“กัดฟัน”ต่อลมคนไทยประคอง“เศรษฐกิจ”เดินหน้า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แบงก์“กัดฟัน”ต่อลมคนไทยประคอง“เศรษฐกิจ”เดินหน้า

ไม่เหนือความคาดหมายใด ๆ กับการตัดสินใจ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อีก 0.25% เป็น 0.75% ของคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ต่อให้เป็นการตัดสินใจที่เรียกว่า “เสียงแตก” ก็ตามทีเถอะ

เพราะ…ตลาดสามารถคาดเดาท่าทีของ “แบงก์ชาติ” ได้ตรงตามเป้าหมาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้!! แบงก์ชาติเองก็ได้พยายามส่งสัญญาณออกมาอย่างต่อเนื่อง แบบชัดถ้อยชัดคำ

ที่สำคัญตลาดยังคาดเดาต่อไปอีกว่า แบงก์ชาติจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเพียงแค่นี้ แต่จะขยับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก โดยมีโอกาสมาก…ว่าจนถึงสิ้นปี 65 นี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอาจไปหยุดอยู่ที่ 1-1.25%

ขณะที่ในปี 66 ทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ยังอยู่ในภาวะ “ขาขึ้น” อย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ากนง.จะทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพื่อให้ไปจบที่ 2%

อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า การขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสะกัดเงินเฟ้อ แต่ผลกระทบก็ต้องตกมาอยู่ที่ผู้บริโภคชาวไทยกันถ้วนหน้า ทั้งที่ยามนี้…ทุกคนต่างก็เดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่

ต่อให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะทะยานเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาเป็นเดือนที่ 2 แล้วก็ตาม แต่ในอนาคตข้างหน้ายังไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของ “สงครามเก่า” ที่ยืดเยื้อ แถมยังมีวี่แววที่ “สงครามใหม่” จะก่อหวอดขึ้นมาอีกครั้ง

หรือ!! แม้แต่เรื่องราว การวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสร้ายโควิด ที่ยังไม่จบไม่สิ้นซากกันเสียที แถมยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศทั่วโลก

ปัจจัยเหล่านี้ ยังคงเป็นความเสี่ยง ที่คนไทยทั้งประเทศต้องจับตาและเกาะติดอย่างใกล้ชิด รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่กำลังเข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น สำทับเข้าอีกชั้น

แต่การขยับของการใช้นโยบายการเงินเข้ามาดูแลภาวะเงินเฟ้อ ในรอบนี้ ต้องเรียกได้ว่า ทุกฝ่ายต่างตื่นตัว บรรดานายแบงก์ ทั้งแบงก์รัฐแบงก์เอกชน ต่างยอมกันฟันช่วยกัน “ตรึง” ดอกเบี้ยกันไว้สักระยะก่อน

ขณะที่บางแบงก์ ก็ขยับดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้น ก่อนเงินจะไหลออกไปสู่ตลาดพันธบัตรแทน ล่าสุด… แบงก์ออมสิน ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน และ 6 เดือน อีก 0.15% ขณะที่เงินฝากประจำ 12 เดือน ปรับขึ้น 0.20% และเงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือนปรับขึ้น 0.30%

แต่เอาเข้าจริง ณ เวลานี้ ต้องถามว่า บรรดารากหญ้ารากแก้วนั้นมีเงินฝาก!! มากน้อยเพียงใด แค่มีรายได้ให้เพียงพอกับการใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็แทบแย่

ดังนั้น…การขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากก็คงหนีไม่พ้น “ผู้มีเงิน” ที่ได้รับประโยชน์ไปแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ต้องยอมรับว่าการ “ตรึงดอกเบี้ยเงินกู้” ก็เท่ากับว่าช่วยต่อลมหายใจให้กับคนไทยได้อีกไม่น้อยทีเดียว ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับทั้ง “ขุนคลัง-อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” และ “ดร.นก-เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าแบงก์ชาติ ที่ต่างงัดสรรพกำลัง งัดกลยุทธ์ หว่านล้อม ให้บรรดานายแบงก์ ช่วยกันต่อลมให้กับคนไทยออกไปก่อน

แต่ที่น่าติดตาม!! อยู่ที่ว่า การต่อลมหายใจครั้งนี้ จะเป็นเวลานานเท่าใด เพราะสุดท้าย เมื่อถึงเวลา ก็ไม่มีใครที่จะต้านทานพายุดอกเบี้ยแพงได้แน่

นั่นหมายความว่า “ต้นทุน” การใช้ชีวิตของคนไทย ตั้งแต่รากหญ้า ไปจนถึงมหาเศรษฐี ก็ย่อมต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดยปริยาย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหนี้

แม้เวลานี้รัฐบาลได้งัดเอามาตรการคนละครึ่งเฟส 5 ที่กำลังจะเปิดให้ยืนยันสิทธิ์ ในสัปดาห์หน้า เข้ามาช่วยบรรเทาเบาบางภาระค่าใช้จ่าย แต่…ก็มีวงเงินเพียงน้อยนิด ด้วยข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด

ขณะที่การช่วยบรรเทาเรื่องค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น ก็ยังไม่มีความชัดเจน ว่ากันว่า ณ เวลานี้ “กระทรวงพลังงาน” กำลังหัวหมุน ว่าจะเลือกใช้แนวทางไหนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ ระหว่างบ้านที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน อาจไม่ต้องเสียค่าไฟเพิ่ม กับการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟในหน่วยที่ 301-500

หันมาที่ผลการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ ที่จัดประชุมเป็นครั้งแรก ก็ไม่มีมาตรการใหม่อะไรออกมาชะโลมใจ

เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ ทุกคนต้องวางแผนหาทางให้รอดพ้นจากภาวะดอกเบี้ยแพง ด้วยฝีมือตัวเองเป็นการดีที่สุด!!

…………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)


- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img