การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) จากแหล่งพลังงานแบบดั้งเดิม มาเป็นการใช้พลังงานรูปแบบใหม่จากแหล่งพลังงานที่แตกต่างออกไป เป็นสิ่งที่ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทดแทน ไฮโดรเจน (Hydrogen) เป็นเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับการผลิตพลังงาน โดยมีจุดเด่น คือ การเผาไหม้ที่สะอาด ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) หลายประเทศเริ่มพัฒนาเป็นเชื้องเพลิงพลังงานสำหรับยานยนต์ และการผลิตไฟฟ้า ซึ่งที่คาดการณ์ว่าจะเป็นเชื้อเพลิงมีความสำคัญในอนาคต
บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของไทยก็ได้เริ่มรุกลงทุนในธุรกิจได้ ไฮโดรเจน โดยในระยะเวลาไม่ถึงปี ปตท. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับพันธมิตรแล้วอย่างน้อย 3 ราย ก่อนหน้านั้นได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนาและลงทุนในโครงการไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง (Derivatives) เพื่อตอบสนองการใช้พลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงโอกาสการส่งออกไปยังภูมิภาคใกล้เคียง ระหว่าง ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท แอควา พาวเวอร์ จำกัด (ACWA Power) ประเทศซาอุดีอาระเบีย
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการร่วมกันศึกษาโอกาสการลงทุนด้านพลังงานสะอาด เพื่อจัดตั้งโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ ในการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย และมีเป้าหมายผลิตไฮโดรเจนสีเขียวในประเทศไทยประมาณ 2.25 แสนตันต่อปี หรือเทียบเท่ากรีนแอมโมเนีย 1.2 ล้านตันต่อปี ด้วยเงินลงทุนประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตอบรับเทรนด์การใช้พลังงานสะอาดที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก รวมถึงตอบสนองความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และศึกษาโอกาสในการส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง บริษัทแอควา พาวเวอร์ และ กฟผ. เพื่อศึกษาและลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีผลิตไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และเป็นพลังงานสะอาดที่เกิดจากการนำพลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม มาแยกก๊าซไฮโดรเจนจากน้ำโดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตให้เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยพร้อมสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน พัฒนาสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตพร้อมกันอย่างยั่งยืนได้ต่อไป
ขณะเดียวกันการลงทุนในธุรกิจผลิตไฮโดรเจนสีเขียวยังเป็นการช่วยผลักดันให้ ปตท. ไปสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 15 ภายในปี ค.ศ.2030 บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ.2040 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ.2050
นอกจากนี้แล้ว ปตท. ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG), บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM), บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT),บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) นำร่องทดลองใช้สถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง(Fuel Cell Electric Vehicle: FCEV) แห่งแรกของประเทศไทย (Hydrogen Station) ณ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยการนำรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงรุ่นมิไร (Mirai) ของโตโยต้า มาเพื่อทดสอบการใช้งานในประเทศไทย ให้บริการในรูปแบบรถรับส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี (U-Tapao Limousines) สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารในพื้นที่พัทยา-ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย
ทั้งนี้ล่าสุด ปตท. ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท JERA Co., Inc. (JERA) ดำเนินโครงการริเริ่มการขยายห่วงโซ่อุปทานและการใช้ประโยชน์จากไฮโดรเจนและแอมโมเนีย เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งศึกษาแนวทางการพัฒนาธุรกิจ การใช้ไฮโดรเจนและแอมโมเนียในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนในอนาคต และเมื่อยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานอย่างปตท.เริ่มรุกลงทุนในธุรกิจไฮโดรเจน จึงมีแนวโน้มสูงที่ธุรกิจนี้จะเติบโตในอนาคตที่จะถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้า และเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนอกจากลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์แล้ว ปตท. ยังมุ่งหวังที่เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมพลังงานที่ยั่งยืนอีกด้วย
…………………………..
คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน
โดย ..“ไรวินทร์”
สนับสนุนคอลัมน์ โดย : บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
