วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 6, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTSงดส่งพลังงานตัดตอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ORรับนโยบายหยุดส่งน้ำมันไปเมียนมา
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

งดส่งพลังงานตัดตอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ORรับนโยบายหยุดส่งน้ำมันไปเมียนมา

หลังจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ทำพิธี ปิดสวิตช์ไฟ ที่ส่งไปให้กับ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมกับ ผู้บริหารของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อตัดตอนการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามมติที่ประชุมสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 (4 กุมภาพันธ์ 2568)

อันถือเป็นคำสั่งที่ยืนยันมาอย่างชัดเจนว่า การจำหน่ายไฟฟ้าของ PEA ให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พบข้อมูลที่มีการนำไฟฟ้าไปใช้ “ไม่เป็นไปตามสัญญา” ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและและความมั่นคงของประเทศ เป็นที่มาให้ “กฟภ.” งดจ่ายไฟฟ้าจำนวน 5 จุดซื้อ-ขายไฟฟ้ารวม 20 เมกะวัตต์เป็นที่เรียบร้อย ไม่กี่วันหลังจากผู้บริหาร PEA ออกแถลงข่าวให้สัญญาณฝ่ายความมั่นคง โดยจุดที่งดจ่ายไฟ ประกอบด้วย…

1)จุดซื้อ-ขายไฟฟ้าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย เขตแดนประเทศไทยฝั่งประเทศไทย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถึงเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

2)จุดซื้อ-ขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย ถึงเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

3)จุดซื้อ-ขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยงสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

4)จุดซื้อ-ขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

5)จุดซื้อ-ขายไฟฟ้าบริเวณพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ถึงตองซู รัฐมอญ สาธารณณัฐแห่งสหภาพเมียนมา

นอกจากนี้ คำสั่งของ “สมช.” ยังครอบคลุมไปถึงการ “หยุดซัพพลายทั้งหมด” เช่น น้ำมัน สัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วย ในส่วนของการตัดการส่งน้ำมัน บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR  ก็พร้อมให้ความร่วมมือเช่นกัน

โดย “รชา อุทัยจันทร์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจต่างประเทศ OR ให้รายละเอียดว่า “OR ในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันไปเมียนมา พร้อมปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ และรอคำสั่งจาก สมช. ที่ห้ามส่งออกน้ำมันไปเมียนมา ใน 5 ด่าน ตามมติ สมช. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา”

โดยปัจจุบัน OR ส่งผ่านด่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จังหวัดตาก และเนื่องจากมีการขนส่งตามคำสั่งลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง และ “สมช.” เพิ่งมีมติเมื่อวานนี้ ดังนั้นรถที่ออกจากคลังน้ำมันเพื่อไปชายแดนจึงเดินทางล่วงหน้าไปแล้ว แต่ขณะนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2568) ยังออกไม่ได้ที่บริเวณด่าน ต้องดูสถานการณ์จริง ถ้าออกไม่ได้ก็ต้องทำการแจ้งลูกค้าต่อไป โดย OR จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมรอดูความชัดเจนของแนวทางปฏิบัติของภาครัฐ

ทั้งนี้ น้ำมันที่ OR ส่งไปเมียนมา มีทั้งกลุ่มเบนซิน และดีเซล มีปริมาณรวมประมาณ 15-20 ล้านลิตรต่อเดือน โดยลูกค้านำไปจำหน่ายให้กับสถานีบริการน้ำมันในเมียวดีและท่าขี้เหล็ก รวมถึงมะริด (Myeik) และเกาะสอง (Kawthoung)  

อย่างไรก็ตาม การตัดสาธารณูปโภคจากฝั่งไทยดังกล่าว จะส่งผลให้แก็งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานที่มั่นตามแนวชายแดนฝั่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา “ปิดฉากลงหรือไม่” หลายคนบอกว่า “อาจจะไม่” เพราะทุนหนาเหลือเกิน ก็ทุนจากเงินที่หลอกคนไทยไปนั่นละ ส่วนสำคัญคือ “ไฟฟ้า” ซึ่งหากไฟไม่มี เขาก็ปั่นไฟเองได้ จากโซลาร์ก็ได้ หรือไม่ก็ซื้อจาก “สปป.ลาว” เข้ามา รวมถึงหาซัพพลายน้ำมันจากที่อื่น ซึ่งเชื่อว่าเขาได้เตรียมพร้อมแล้ว หลังจากที่ไทยเงื้อง่าให้เตรียมตัวมาหลายวัน ที่จะกระทบกระเทือนคือ ชาวบ้านในบริเวณนั้น และโรงพยาบาล ซึ่งก็คงไม่พ้นไทย ซึ่ง “อนุทิน” บอกว่า “อาจมีการอพยพประชาชนจากฝั่งเมียนมาเข้ามา ซึ่งเราก็ต้องดูแลโดยใช้หลักมนุษยธรรมและผลักดันออกต่อไป”

“มท.1” ยังบอกว่า สำหรับวันนี้เราทำตามกำหนดในสัญญาข้อ 14 ถ้าจ่ายไฟไปแล้วกระทบความมั่นคงทางพลังงาน หรือกระทบความมั่นคงของชาติ ก็งดจ่ายไฟได้ เมื่อทางการไทยพบว่า มีการนำไฟฟ้าไปใช้ทางสแกมเมอร์ ยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ เป็นภัยต่อความมั่นคงต่อประเทศ เราต้องรักษาประโยชน์ของคนไทย เราทำตามเงื่อนไขสัญญา แต่ทั้งหมดต้องฟันธงโดย “สมช.” มาก่อน เพราะ “กฟภ.” ไม่สามารถรู้ได้ว่า เขาเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง จึงต้องมี “ข้อสั่งการ” ลงมา แต่ก็ห้ามไม่ให้คู่สัญญาฟ้องร้องได้

แต่สิ่งที่จะทำต่อไปคือ “กระทรวงมหาดไทย” และ “กฟภ.” ต้องศึกษา “มติครม.” ที่เคยอนุญาตขายไฟ เพื่อทบทวน ปรับปรุง แก้ไขนำเสนอครม. ให้มี “มติครม.ใหม่” เช่น ในอดีตยังไม่มีสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นการขายไฟฟ้าต่อจากนี้ไปก็ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

“ตอนนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง และรับข้อสั่งการของนโยบาย ไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือการทำเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยืนยันตั้งแต่วันแรกที่เป็นประเด็น เมื่อมีข้อสั่งการที่ถูกต้อง กฟภ.ก็ดำเนินการทันที และทำจริงๆ มีข้อสั่งการมาให้ตัดการจ่ายไฟ ตั้งแต่ 09.00 น. ทางทีมกฟภ.ก็ตัด ไม่ต้องรอผมมาด้วย ยืนยันว่าเราไม่ได้สนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยก็ทำตามหน้าที่ของเรา การจ่ายไฟเป็นเพียงการดำเนินการตามมติครม. เศรษฐกิจ สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น ซึ่งการตัดไฟ 5 จุดรวม 20 เมกะวัตต์ รายได้จากส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 50 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 600 ล้านบาทต่อปี กำไรจริงๆ ไม่ถึง 1%” มท.1 กล่าวย้ำ

อนุทิน ชาญวีรกูล-มท.1

เมื่อมีการดำเนินการในฝั่งของ “เมียนมา” เรียบร้อยแล้ว จะมีการดำเนินการในฝั่งของ “กัมพูชา” ด้วยหรือไม่นั้น “อนุทิน” บอกว่า เรามีสัญญาซื้อ-ขายเช่นกัน ซึ่งมั่นใจว่าจะมีหลักการเดียวกัน แต่จะเริ่มตอนไหน ต้องสอบถามไปยัง สมช.

ทั้งนี้การที่ต้องถามทางการไทยว่า ตัดไฟที่ขายไปกัมพูชาด้วยหรือไม่ เพราะเป็นไปได้สูงที่ “แก็งคอลเซ็นเตอร์” จะย้ายฐานที่มั่นบางส่วนไปที่นั่น หรืออาจมีอยู่แล้วตรงนั้นก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามการตัดสาธารณูปโภคอาจไม่พอ ต้องมีมาตรการอื่นๆ ที่ทำพร้อมกันไปด้วย โดยเฉพาะ การตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต การได้รับความร่วมมือจาก “ค่ายมือถือ” และ “สถาบันการเงิน” ที่ต้องทำเชิงรุก มากกว่าตั้งรับ เพราะผลกระทบกับประชาชนมากมายนับไม่ถ้วน หลอกเงินคนไทยไประดับแสนล้าน ต้อง “ยกระดับ” เป็น “ภัยของชาติ”

ข้อสำคัญคือ ต้องโฟกัสและแก้อย่างตรงไปตรงมามากกว่านี้ และระดมทรัพยากรแก้ไข โดยไม่มุ่งแต่รักษาหน้าตากับ “จีน” หรือรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเล่นการเมืองเป็นที่ตั้ง แต่ “จัดการกับภัย” ที่มาสร้างผลกระทบกับคนไทยเป็นที่ตั้ง ให้ไปดูการจัดการของประเทศอื่นเขาทำกันอย่างไร เขาดูแลปกป้องคนของชาติเขาอย่างไร

หน้าที่นี้ต้องนำหน้าอย่างอาจหาญโดย “ฝ่ายการเมือง” ซึ่งเป็นคนออกนโยบาย ไม่ใช่ผลักให้ “ฝ่ายปฏิบัติ” ออกหน้า และไม่ใช่ยามวิกฤตให้ “ประชาชน” ดูแลกันเอง หาทางหนีทีไล่กันเอง

การโฟกัสไปที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็เรื่องหนึ่ง แต่หากยังมีภัยใหญ่จากการ “ดูดเงินคนไทย” ก็คงไม่มีทางที่เศรษฐกิจเราจะขับเคลื่อนโดยราบรื่น เพราะคนกลัวและลังเลการกับการทำธุรกรรมทางการเงิน ขาดความไว้วางใจในการติดต่อสื่อสาร และดำเนินชีวิต ทั้งยังเป็นภัยสังคมที่น่าเจ็บปวดจากการที่ใช้คนไทยมาฆ่าคนไทยด้วยกัน

…………………………………………

คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน

โดย…“ศรัญญา ทองทับ”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img