วันพฤหัสบดี, มีนาคม 20, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTSลุ้นกิจการพลังงานในมือ...ฯพณฯ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ลุ้นกิจการพลังงานในมือ…ฯพณฯ

ตอนนี้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำผิดปกติ และไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ ไม่ว่าใครจะแซะอย่างไร นอกจากสื่อสารทางเดียวผ่านเฟซบุ๊ก ถ้าจะถามสารทุกข์สุขดิบถึง “รมว.พลังงาน” และความคืบหน้าของงานที่ทำอยู่ ต้องถามจาก “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รมว.อุตสาหกรรม เป็นงั้นไป

เรื่องค่าไฟ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังรุกไล่ต้อน โดยเอาค่าไฟเป็นตัวชูโรงหนัก โดยได้พูดในงานฉลองครบรอบ 50 ปีของ MFC เมื่อวันที่ 14 มี.ค.68 หัวข้อ “The World Next Opportunities and Beyond” ว่า จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีบล็อกเชน และมีแนวคิดในการออกสเตเบิลคอยน์ (stablecoins) ที่อ้างอิงกับพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งการสนับสนุนตลาดนี้ให้เติบโตต้องพัฒนา Eco-System ดิจิทัลของประเทศ โดยเฉพาะในด้านดาต้าเซ็นเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คลาวด์ และพลังงานสะอาด แต่สิ่งที่จะดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามา เขา ย้ำว่านักลงทุนทั่วโลกมอง 1-2 บาทต่อหน่วยอาจยากไป “ขอควบคุมไม่ให้เกิน 2.5 บาทต่อหน่วยน่าจะเป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นไปได้” ตามสไตล์คือพูดไปก่อนทำได้ไม่ได้อีกเรื่อง

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

คนทำงานของกระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็ลุ้นแล้วลุ้นอีกว่า ในส่วนของ “รมว.พีระพันธุ์” จะฟันธงเท่าไหร่ ซึ่งท่านก็ซุ่มทำงานกับทีมงาน แทบจะไม่มีใครรู้เห็นใดๆ เอาเข้าจริงคนทำงานกระทรวงพลังงานต้องหูตากว้างไกล หูดีๆ เพราะอีกด้านก็ต้องรอฟัง “นายใหญ่” ที่กำกับทิศทางด้วยว่าจะไปทางไหน

สำหรับค่าไฟ การกดให้ต่ำเป็นเรื่องท้าทายมาก เพราะกดจนต่ำกว่าต้นทุนจริงๆ ก็ต้องมีเดอะแบกแน่ๆ อยู่แล้ว ตัวเลขภาระคงค้างจากการตรึงค่าไฟฟ้าในช่วง 3 ปี ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับไปจำนวน 71,740 ล้านบาท และ ปตท. ที่รับภาระค่าก๊าซฯไปก่อนจำนวน 15,084 ล้านบาท ดังนั้นค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) เดือน พ.ค.-ส.ค.68 ทำได้เต็มที่คือ ลดได้ราวๆ 20 สตางค์ เพราะต้นทุนประจำงวดลดไปจากเงินบาทที่แข็งค่า ราคาเชื้อเพลิงถูกกว่าคาดการณ์ และการใช้ไฟฟ้ามากกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ทำให้ต้นทุนประจำงวดอยู่ที่ 16.39 สตางค์ต่อหน่วย ลดลงจากงวดก่อนที่อยู่ในระดับ 16.52 สตางค์ต่อหน่วย

ดังนั้น ค่าไฟที่เรียกเก็บจากประชาชนก็จะลดลงไปได้หน่อย จาก 4.15 บาท เหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย คนทำงานบอกว่าค่าไฟกดยังไงก็จะอยู่ประมาณนี้ นี่ขนาดแขวนหนี้ของ “กฟผ.” และ “ปตท.” ไว้ก่อนนะ แต่จะให้ลดลงฮวบฮาบเหลือ 2 บาทกว่า ตามที่ “อดีตนายกฯ” ประกาศต้องมีงบมาสนับสนุนเป็นเรื่องเป็นราว จะทิ้งภาระคงค้างกับรัฐวิสาหกิจโดยไม่ให้ได้รับคืนเลยนานๆ จะเป็นปัญหาต่อเครดิต ต้นทุนทางการเงิน สภาพคล่องในที่สุด และทำไปทำมาในที่สุดรัฐบาลก็ต้องเข้ามาดูแลรัฐวิสาหกิจในวันข้างหน้า

นอกจากค่าไฟอีกเรื่องสำคัญที่อุบไว้กับรมว.พลังงานและทีมงาน คือ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ฉบับใหม่ ที่คนทำงานก็ไม่รู้ว่าท่านจะลงล็อกไหน ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับวางแผนผลิตไฟฟ้าเข้าระบบในระยะยาว ทั้งก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียนจะเข้าปีไหนอย่างไร จะให้โรงไฟฟ้าเอกชนเข้าระบบเท่าไหร่ ของกฟผ.เท่าไหร่ และการนำพลังงานหมุนเวียนเข้าระบบจะใช้วิธีไหนประมูลราคาเลยไหม

ถือว่าตอนนี้ท่านดึงเรื่องต่างๆ มาทำเอง แบบว่าขอ “เป็นศูนย์กลางอำนาจ” แบบเบ็ดเสร็จ ใครจะพูดอะไรมองยังไงไม่ใคร่สนใจ ราวกับว่าตำแหน่งคลอนแคลน

“ท่าน” ขอดูเองหมดแล้วก็ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปด้วย หลายเรื่องก็เดินหน้าหยุด…เดินหน้าหยุด…อยู่เช่นนี้ ล่าสุด “ท่าน” ยังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ปริมาณรวม 3,668.5 เมกะวัตต์เองด้วย ซึ่งได้รายชื่อคนผ่านการพิจารณาแล้วแต่ให้ชะลอการลงนามสัญญากับ 3 การไฟฟ้าไว้ก่อน ขอตรวจสอบความถูกต้องจากที่ต้องประกาศรายชื่อเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ผ่านมา 2 เดือนกว่าๆไม่แน่ใจว่า จะลงเอยเหมือนกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการประมูลว่าจ้างการขุดขนถ่านหินเหมืองแม่เมาะ 7,250 ล้านบาทไหมที่สอบไปสอบมาเดินหน้าเหมือนเดิม

กรณีโครงการขุดเหมืองแม่เมาะที่ชะลอโครงการไปเพื่อสอบสวนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ผ่านมา 2 เดือนกว่าๆ ผลการสอบข้อเท็จจริงสิ้นสุดแล้ว “ไม่มีเรื่องทุจริต หรือการประพฤติมิชอบ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ” ซึ่งก่อนที่ผลการสอบข้อเท็จจริงจะประกาศออกมาไม่กี่วัน สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงพลังงานได้ออกหนังสือเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ติติงการทำงานของกฟผ.ว่า การจัดซื้อจัดจ้างมีความหละหลวม แต่สุดท้ายก็ลงเอยว่าไม่มีอะไรทำต่อไปได้.. งงกันไป

งานร่างกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ “ท่าน” ก็ทำเอง ก็ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริง หรือ ระบบ COST PLUS มาใช้แทน จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง ให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง และกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง (Strategic Petroleum reserve : SPR) ที่กำหนดให้สำรองน้ำมันขั้นต่ำ 90 วัน ร่างเองยังไม่แล้วเสร็จเช่นกัน ต้องบอกได้ว่า ตอนนี้กิจการพลังงานขับเคลื่อนโดย “ฯพณฯ” แต่เพียงผู้เดียว จะไหวหรือ? ประชาชนเป็นห่วง

……………

คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน

โดย : ศรัญญา ทองทับ

สนับสนุนคอลัมน์ โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img