ภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้า รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้คนไทยเจอกับภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า คนไทย 25.5 ล้านคน หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรไทยมีหนี้ มูลค่าหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 539,291 บาทต่อคน มีหนี้เกิน 1 ล้านบาทอยู่ 13.5% และส่วนใหญ่ 67% ของหนี้สินเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต มีคนไทยเพียง 22.4% ที่มีเงินออมเผื่อฉุกเฉินในระดับที่เหมาะสม รองรับการหยุดงาน 6 เดือนขึ้นไปได้ ขณะที่เกือบ 50% ของคนไทยมีเงินออมเผื่อฉุกเฉินไม่เพียงพอ แต่ละคนต้องก่อหนี้เพื่อรองรับเหตุที่ไม่คาดคิด
อีกตัวเลขที่น่าสนใจ คือ 25.7% ของคนที่เกษียณแล้ว หรืออายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปยังคงใช้หนี้ไม่หมด มีหนี้เฉลี่ย 419,915 บาทต่อคน แล้วประเทศไทยก็มีผู้สูงอายุมากขึ้นหนี้ครัวเรือนก็เลยพุ่งขนาดนี้ ตอนนี้เรามีผู้สูงวัยอยู่ 13.9 ล้านคนคิดเป็น 21.58 % จากประชากรไทยทั้งหมด 64.8 ล้านคน
หนี้ล้นแบบนี้และเศรษฐกิจแบบนี้ เราจะพบว่ามีผู้สูงวัยจำนวนมากต้องการทำงานต่อไปแม้จะอายุเลย 60 ปีแล้วก็ตาม เพราะยังมีภาระ ยังต้องใช้หนี้ บางคนไปไม่ไหวจริงๆก็กลายเป็นคนไร้บ้าน ซึ่งการแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องคิดหลายชั้น รัฐต้องดึงคนที่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาช่วย นั่นก็คือบริษัทห้างร้านต่างๆ
ที่ผ่านมาหลายกิจการก็เข้ามาสนับสนุน เพราะรัฐก็มีมาตรการจูงใจอยู่ และถ้ากิจการไหนมาทำก็กุศลแรงเพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัวของรายครัวเรือนแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาสังคมด้วย ทั้งยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้ขับเคลื่อนไปได้ไม่ติดหล่ม
จากข้อมูลจากกองส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุล่าสุดในปี 2568 พบว่ามีมากกว่า 6 บริษัทรับผู้สูงวัยอายุเกิน 60 ปีเข้าทำงาน และน่าจะมีอีกหลายๆบริษัทรับผู้สูงวัยเข้าทำงานมากขึ้น จากแรกเริ่มเลย เมื่อปี 2563 ตอนนั้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เริ่มทำโครงการรับผู้สูงวัยทำงาน หลังจากที่กรมกิจการผู้สูงอายุ และหน่วยงานอื่นๆมองเห็นตัวเลขผู้สูงอายุที่มีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างชัดเจน
โดย OR เข้ามานำร่องทำ “บาริสต้าวัยเก๋า” ประจำที่ ร้าน “Café Amazon for Chance” จากนั้นพอเริ่มนำร่องเห็นลุงๆป้าๆทำงานได้อย่างดี ก็เริ่มรับมาเรื่อยๆ ซึ่งบัดนี้เราก็ยังเห็นป้าลุงยังทำงานที่ร้านอยู่ ก็แปลว่าผู้สูงอายุยังทำงานได้ยาวๆหากออกแบบให้ดี ทำให้บริษัทห้างร้านอื่นทำตามกันมา
นอกจากกลุ่มผู้สูงวัยที่มีที่อยู่แล้ว สถานการณ์ผู้สูงวัยที่เป็นคนไร้บ้านก็น่าเป็นห่วง ข้อมูลทางการของกรุงเทพมหานคร ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2567 มีสถิติคนไร้บ้านอยู่ 1,271 คน ตัวเลขจริงๆน่าจะมากกว่านั้น ซึ่งเอาจริงๆ หลายคนก็อยากมีบ้าน แต่ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ทำให้การมีบ้าน หรือแค่มีห้องเช่ากลายเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม แต่หากปล่อยให้มีจำนวนมากขึ้นๆโดยไม่หาวิธีแก้ไขใดๆ จะกลายเป็นปัญหาสังคมรุงรัง
หลายหน่วยงานกำลังหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนจากคนไร้บ้านเป็นคนมีบ้าน ในส่วนของ OR ก็มาสนับสนุนอีก นอกจากรับผู้สูงวัยมาทำที่ Café Amazon แล้วยังทำต่อกับผู้ไร้บ้าน เริ่มไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ เป็น โครงการ “หนึ่ง-ก้าว” เปิดพื้นที่ให้ “คุณลุงไร้บ้าน” ได้ทำงาน มีรายได้ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำร่วมกับ องค์กรเพื่อสังคมอีกหลายแห่ง เพื่อสร้างระบบสนับสนุนที่ครบวงจร ตั้งแต่ที่พัก อาหาร การดูแลสุขภาพ จนถึงการฟื้นฟูศักยภาพ
เป็นโครงการที่เรียกว่า หนึ่งป้าย = หนึ่งชีวิตที่เริ่มใหม่ โดยจ้างงานคนไร้บ้านสูงวัยในบทบาท “พนักงานเดินป้าย” นำมาผนวกเข้ากับการรณรงค์เรื่องก๊าซหุงต้ม ปตท. ภายหลังจากมีถังก๊าซหุงต้ม ปตท.ปลอมบ้าง ไม่ได้มาตรฐานบ้างระบาด เรียกว่าได้ทั้งโครงการช่วยเหลือสังคม สร้างการรับรู้เรื่องก๊าซหุงต้มมาตรฐานมีหน้าตาอย่างไร และตอกย้ำเรื่องแบรนด์ก๊าซหุงต้ม ปตท. ซึ่งการเดินรณรงค์ของลุงไร้บ้านช่วยให้เข้าถึงชุมชนฐานรากที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ครัวเรือนในชุมชนรับรู้ถึง “สรีระ”ชัดๆของถังก๊าซที่ถูกต้องได้มาตรฐาน
ทำไมต้องสรรหากลยุทธ์ เพื่อทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค ก็ตอนนี้คนที่ภักดีในแบรนด์หายากลงไปทุกวัน การชิงการตลาดอยู่ที่ใครทำสิ่งใด “โดนใจผู้บริโภค” มากกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นยักษ์แค่ไหนก็ชะล่าใจไม่ได้ โดนล้มได้ทุกเมื่อ ยิ่งตอนนี้กำลังมีแบรนด์ก๊าซหุงต้มอื่นๆกำลังมาแรง แต่ละแบรนด์ที่อยู่ในตลาดอยู่แล้วก็ยิ่งต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆมาครองใจผู้บริโภค
ไม่ว่าจะแบรนด์ไหน ขายอะไร ตอนนี้คู่แข่งมากันตรึม และแบรนด์ใหญ่ก็ใช่ว่าจะครองตลาดตลอดไปได้เห็นเรื่องตลาดกาแฟเป็นตัวอย่างได้ดีว่ากาแฟร้านเล็กๆก็ล้มยักษ์ได้ หากกิจการใดไม่คิดกลยุทธ์ใหม่ๆเหนือชั้นก็อาจไปไม่ได้ยาว
เอาเป็นว่าในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดที่คนต้องการหาที่พึ่งทั้งกายภาพ และจิตใจแบบนี้ ต้องการ “ความจริงใจ” แบบนี้ แบรนด์ไหนจะครองใจผู้บริโภคได้มากกว่ากันคงต้องนำการตลาดมาประกบกับโครงการเพื่อสังคม ใครก็ได้ที่มีมาตรฐานพอประมาณ ไม่ต้องหล่อหรือสวยมาก ไม่ต้องอร่อยมากมาย แต่สินค้านั้นทำโดยคนที่ประชาชนไว้ใจ พร้อมอยู่ข้างประชาชนจริงๆ คนไทยก็พร้อมสนับสนุน
……….
คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน
โดย…”ศรัญญา ทองทับ”
สนับสนุนโดย…บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน)







































