Renewable Energy : Future Growth Projections
“….พลังงานหมุนเวียนในอนาคต ได้รับการคาดหมายว่า ภายในปี 2567 กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโลกอย่างเดียว จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 600 GW ซึ่งเท่ากับเกือบ 2 เท่าของกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งทั้งหมดของญี่ปุ่น ..”
พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ซึ่งหมายถึง พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และ พลังงานหมุนเวียน Renewables คือ พลังงานที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ Natural Sources ที่เติมเต็มความต้องการพลังงาน Energy Demand ด้วยอัตราที่สูงกว่าในระบบเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติ ตัวอย่างเช่น แสงแดด Sunlight และลม Wind เป็นต้น .. แหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Sources เหล่านี้ มีอยู่อย่างมากมายรอบตัวเรา พวกมันสะอาดกว่า และส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานที่มนุษยชาติใช้บริโภคเป็นหลักมาก่อนหน้านี้นานนับศตวรรษ ..
เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ที่เป็น ถ่านหิน Coal น้ำมัน และก๊าซ Oil & Gas นั้น ต่างออกไป พวกมัน คือ แหล่งทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียน Non-Renewable Resources ซึ่งใช้เวลาหลายร้อยล้านปีในการก่อตัวขึ้น .. เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels เมื่อถูกเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงาน จะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นอันตราย Harmful Greenhouse Gas Emissions เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 และมลพิษอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นต้น ..
การสร้างพลังงานหมุนเวียน Generating Renewable Energy นั้น ปล่อยมลพิษต่ำกว่ามากเทียบกับการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล Far Lower Emissions than Burning Fossil Fuels .. การเปลี่ยนจากการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิล Transitioning from Fossil Fuels ซึ่งปัจจุบันเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมลพิษต่าง ๆ ไปเป็นการบริโภคพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy เป็นหลัก คือ กุญแจสำคัญในการจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ Climate Crisis ..
ปัจจุบัน พลังงานหมุนเวียน Renewables มีราคาถูกกว่าในประเทศส่วนใหญ่ และได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถสร้างงานได้มากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล 3 เท่า ..
ทรัพยากรพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Resources คิดเป็น 26% ของการผลิตกำลังไฟฟ้าของโลกในปัจจุบัน .. แต่จากข้อมูลของ International Energy Agency : IEA คาดว่าจะเพิ่มเป็น 30% ภายในปี 2567 .. การฟื้นตัวเกิดขึ้นหลังจากการชะลอตัวทั่วโลกในปี 2562 เนื่องจากต้นทุนด้านเทคโนโลยี Technology Costs ที่ลดลง และความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น Rising Environmental Concerns ..
พลังงานหมุนเวียนในอนาคต Renewable Energy in the Future ได้รับการคาดหมายว่า ภายในปี 2567 กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโลกอย่างเดียว จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 600 GW ซึ่งเท่ากับเกือบ 2 เท่าของกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งทั้งหมดของญี่ปุ่น .. โดยภาพรวมแล้ว กำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity ทั้งหมดทั่วโลก คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1,200 GW ภายในปี 2567 ซึ่งเทียบเท่ากับกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของสหรัฐฯ ..
การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน Renewable Power Capacity ทำลายสถิติใหม่ เมื่อปี 2564 และความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuels Demand ก็เกือบจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดแล้วตั้งแต่ปลายปี 2565 แม้จะมีความท้าทายด้านระบบส่งกำลัง Logistical Challenges และราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Increasing Prices ก็ตาม .. อย่างไรก็ตาม การบุกยูเครนของ รัสเซีย ทำให้เกิดคลื่นกระแทกแรง Shock Waves ไปยังตลาดพลังงาน และการเกษตร Energy & Agriculture Markets ส่งผลให้เกิดวิกฤตพลังงานทั่วโลก Global Energy Crisis อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ..
ภาครัฐในหลาย ๆ ประเทศ พยายามปกป้องผู้บริโภคจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากรัสเซีย และกำลังเสนอนโยบายเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีพลังงานสะอาด Transition to Clean Energy Technologies ซึ่งพลังงานหมุนเวียน Renewables คือ คำตอบที่กระจ่างชัด ..
พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการทำให้ราคาพลังงานที่มนุษยชาติต้องการใช้ในภาพรวมลดลงได้ และสามารถลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งในระยะสั้น และระยะยาว แม้ว่าต้นทุนสำหรับการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ และพลังงานลมใหม่ ๆ อาจจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่กลับพบแนวโน้มภาพรวมการลดต้นทุนลงได้เรื่อย ๆ มานานกว่าทศวรรษแล้ว ในขณะที่ ราคาก๊าซธรรมชาติ Natural Gas, น้ำมัน Oil และถ่านหิน Coal ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ามาก .. ดังนั้น จึงช่วยปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity ได้เป็นอย่างดี ..
อย่างไรก็ตาม พลังงานหมุนเวียน Renewables จะสามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ได้รวดเร็วเพียงใดนั้น ยังขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นอีกหลายประการ .. แหล่งกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity Sources จะยังคงท้าทายวิกฤตพลังงาน Global Energy Crisis บนโลกใบนี้ และขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อเนื่องต่อไป พร้อมกับความไม่แน่นอนทางการเมือง และเศรษฐกิจมหภาค .. ในขณะเดียวกัน การเติบโตของความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuels Demand ต้องเผชิญกับกระแสอุปสงค์ที่ผันแปรของตลาดวัตถุดิบที่ราคาอาจลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ รวมทั้งราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuel Prices ที่อาจยังสูงอยู่ต่อไป .. อย่างไรก็ตาม หากมนุษยชาติ มุ่งมั่นที่จะยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels และลดการปล่อยมลพิษจากการบริโภคพลังงานเพื่อรักษาโลกใบนี้ไว้ แต่ยังสามารถเพิ่มผลผลิตมวลรวมในระบบเศรษฐกิจและสังคมไว้ให้ได้นั้น ก็เป็นที่แน่นอนว่า พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy คือ โอกาสที่ดีที่สุดโอกาสเดียว เพื่อไปสู่จุดนั้นให้สำเร็จได้ในที่สุด ..
พลังงานหมุนเวียน Renewables โอกาสสำหรับอนาคตแหล่งพลังงานหลักที่ยั่งยืน 7 ประเภท ..
นักวิจัยคาดการณ์ว่า สังคมมนุษย์จะใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuel Energy Sources จนหมดสิ้นไป ภายในปี 2603 แม้ว่าสิ่งนี้อาจดูห่างไกล แต่เรายังคงเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล Burn Fossil Fuels ต่อไป และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change ..
แหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Sources ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ Air Pollutants ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สัตว์ และประชากรมนุษย์ในลักษณะเดียวกับการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล Burning Fossil Fuels ..
พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy or Renewables กำลังเพิ่มขึ้น โดยคิดเป็น 26% ของการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเป็นศูนย์สุทธิ Net-Zero Targets ซึ่งมนุษยชาติ จำเป็นต้องเร่งความก้าวหน้าเหล่านี้โดยเร็ว ..
นักวิจัย และผู้กำหนดนโยบายหลายคน สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ว่ามีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และการปฏิวัติพลังงานสะอาดไปพร้อมด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแหล่งเชื้อเพลิงที่เป็นวัตถุดิบของยูเรเนียม Uranium : 92U และพลูโตเนียม Plutonium : 94Pu ในทางเทคนิคแล้ว อาจถือว่ามิใช่ทรัพยากรที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ Non-Renewable Resources .. ดังนั้น ตามเอกสารอ้างอิงทางวิชาการบางฉบับ จึงถือว่า ในทางเทคนิค นิวเคลียร์ไม่ใช่หนึ่งในประเภทของพลังงานหมุนเวียน ..
ทั้งนี้ แหล่งพลังงานที่ยั่งยืนเหล่านี้ มักถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พลังงานทางเลือก Alternative Energy” เพราะถือว่าเป็นทางเลือกทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิม Traditional Fossil Fuels เช่น น้ำมัน Oil และถ่านหิน Coal เพียงเพราะแหล่งพลังงานหมุนเวียนไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม 100% ตัวอย่างเช่น เขื่อนควบคุมพลังของน้ำที่เคลื่อนไหว แต่ก็สามารถทำร้ายปลา และสัตว์ป่าได้เช่นกัน .. กังหันลม และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตกำลังไฟฟ้าที่สะอาดได้ก็จริง แต่ในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยังอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่บ้างอีกด้วยเช่นกัน .. อย่างไรก็ตาม พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewables รูปแบบต่าง ๆ ใน 7 ประเภท สำหรับเป็นแหล่งพลังงานแห่งอนาคตนั้น สามารถแจกแจงเป็นตัวอย่างได้ดังนี้
พลังน้ำทั่วโลก HydroPower Worldwide หรือ ไฟฟ้าพลังน้ำ Hydroelectric ..
เขื่อน Dams คือ สิ่งที่คนส่วนใหญ่เชื่อมโยงถึงพลังงานเมื่อพูดถึงไฟฟ้าพลังน้ำ Hydroelectric Power .. น้ำไหลผ่านกังหันของเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า ไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ Pumped-Storage Hydropower .. กำลังไฟฟ้าพลังน้ำที่ไหลจากแม่น้ำ Run-of-River Hydropower ส่งน้ำผ่านช่องทางแคบแทนที่จะส่งพลังงานผ่านเขื่อนเพื่อผลิตกำลังไฟฟ้าในลักษณะเดียวกัน ..
เอเชีย คือ ผู้นำในการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังน้ำ Hydroelectric Power ด้วยขนาดกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 511 GW เป็นผลให้ภูมิภาคนี้มีปริมาณไฟฟ้าพลังน้ำมากกว่ายุโรปเกือบ 2 เท่า ..
โรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก World’s Largest Hydropower Plant ได้แก่ เขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ Three Gorges ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำแยงซีในประเทศจีน .. ทั้งนี้ Three Gorges เปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2553 และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 22,500 MW ซึ่งมากกว่าเขื่อนฮูเวอร์ Hoover Dam ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในสหรัฐฯ ถึง 20 เท่า ..
ไฟฟ้าพลังน้ำ Hydroelectric Power มีความหลากหลายมาก และสามารถสร้างขึ้นได้จากทั้งโครงการขนาดใหญ่ยักษ์ เช่น เขื่อนฮูเวอร์ Hoover Dam และโครงการขนาดเล็ก Small Scale Projects เช่น กังหันใต้น้ำ Underwater Turbines และเขื่อนด้านล่างในแม่น้ำ และลำธารขนาดเล็ก Lower Dams on Small Rivers & Streams .. ไฟฟ้าพลังน้ำ Hydroelectric Power ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ดังนั้น พวกมันจึงเป็นทางเลือกพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า ..
พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy ..
พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy ได้มาจากการดักจับ รวมทั้งเก็บเกี่ยวพลังงานรังสีจากแสงแดด Energy from Sunlight และแปลงให้เป็นความร้อน พลังงานไฟฟ้า หรือน้ำร้อน .. ระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ Solar Photovoltaic : PV สามารถเปลี่ยนแสงแดด Sunlight โดยตรงให้เป็นกำลังไฟฟ้าผ่านการใช้เซลล์แสงอาทิตย์ Solar Cells ..
ประวัติของพลังงานแสงอาทิตย์ย้อนกลับไปได้หลายทศวรรษ ทุกวันนี้ เราสามารถได้รับประโยชน์จากกำลังไฟฟ้าที่ผลิตโดยแผงโซลาร์เซลล์ Solar Panels หรือ Photovoltaics : PV .. วิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power Technology กำลังวางตำแหน่งพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy ให้เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนหลักไปพร้อมด้วยสำหรับอนาคตจากนี้ไป ..
พลังงานหมุนเวียนประเภทนี้ อาศัยพลังงานจากดวงอาทิตย์ โดยอาศัยผลกระทบจากเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อดูดซับโฟตอน Photons และเปลี่ยนพวกมันให้เป็นกำลังไฟฟ้า Electricity ..
พลังงานแสงอาทิตย์ ยังมีอีกหลายรูปแบบ .. Solar Thermal รวบรวมความร้อนจากดวงอาทิตย์ไว้ในหลอดของเหลวจัดเก็บพลังงาน จากนั้นเราสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่จัดเก็บไว้ในภายหลังเพื่อผลิตกำลังไฟฟ้า และให้ความร้อนในครัวเรือน และอาคารสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ..
ปัจจุบัน พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy คือ หนึ่งในแหล่งพลังงานสีเขียว Green Energy Sources ที่เชื่อถือได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีแสงแดดร้อนจัด .. อย่างไรก็ตาม การผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ และการใช้ที่ดินไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ..
พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy สนับสนุนนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก .. สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA ประเมินไว้ว่า พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy จะให้พลังงานแก่โลกได้มากกว่า 25% ภายในปี 2593 .. การบรรลุเป้าหมายนี้ จะแสดงบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ทั่วโลก และมีส่วนสำคัญในการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy เพื่อทดแทนแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels จากนี้ไป ..
หลายประเทศมีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์จำนวนมาก จีนเป็นผู้นำตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา .. จีนมีกำลังการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์รวม 176,100 MW .. ญี่ปุ่น เยอรมนี และอินเดีย ตามมาติด ๆ เนื่องจากทุกชาติกำลังมองหาข้อไขพลังงานสะอาด ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy คือ คำตอบที่ไปถึงได้ไม่ยาก ..
พลังงานลม Wind Power ..
พลังงานลม Wind Power คือ หนึ่งในแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีราคาแพงกว่า .. ปัจจุบัน การปรับปรุงเทคโนโลยี และความต้องการที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนลดลง ..
ภายในปี 2593 คาดว่า กำลังไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นได้มากถึง 35% ในสหรัฐฯ อาจมาจากพลังงานลม Wind Power .. ทั้งนี้ พลังงานลม Wind Power สามารถมีส่วนร่วมมากถึง 25-30% ของการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลกภายในปี 2593 ..
ปัจจุบัน พลังงานลม Wind Power มีความคุ้มค่า Cost-Effective มากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels บางชนิด โดยมีราคาประมาณ 30-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ MWh ซึ่งต่ำกว่าก๊าซธรรมชาติ Natural Gas ซึ่งมีราคาอยู่ระหว่าง 43-78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ MWh ..
กำลังการผลิตพลังงานลมที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่องานสีเขียว Green Jobs ด้วย .. การเติบโตของพลังงานหมุนเวียนประเภทนี้ต้องมีการจ้างงานเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างฟาร์มกังหันลม Wind Farms ผลที่ตามมา คือ ความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ และการสร้างงานใหม่ ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Targets ..
พลังงานลม Wind Power เป็นแหล่งพลังงานที่สะอาด Clean Energy Source ซึ่งหมายความว่าจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศเหมือนพลังงานรูปแบบอื่น ๆ .. พลังงานลมไม่ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือปล่อยผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ เช่น หมอกควัน ฝนกรด หรือก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ .. การลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานลม Investment in Wind Energy Technology ยังสามารถเปิดช่องทางใหม่สำหรับงาน และการฝึกงาน เนื่องจากระบบกังหันผลิตกำลังไฟฟ้าในฟาร์มกังหันลม Turbines on Wind Farms จำเป็นต้องได้รับการบริการ และบำรุงรักษาเพื่อให้ทำงานต่อเนื่องต่อไปได้ ..
พลังงานชีวมวล Biomass Energy หรือพลังงานชีวภาพ Bioenergy ..
ชีวมวล Biomass เคยเป็นแหล่งพลังงานทดแทน Renewable Energy Source ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมาก่อน .. เราสามารถเปลี่ยนสารอินทรีย์ Organic Materials เป็นพลังงานชีวมวล Biomass Energy ได้ .. แน่นอนว่าไม่ใช่แนวคิดใหม่ มนุษยชาติ เผาฟืนเพื่อสร้างพลังงานมาหลายศตวรรษแล้ว ..
กระบวนการทางชีวภาพ Biological Processes สร้างวัตถุดิบชีวมวล Raw Biomass Materials .. วัตถุดิบต่าง ๆ สามารถปลูกขึ้นได้ในพื้นที่เกษตรกรรม หรือผลิตขึ้นได้จากขยะอินทรีย์ของเหลือทิ้งการเกษตร มูลสัตว์ มูลมนุษย์ น้ำเสีย น้ำมันเสีย เศษยางรถยนต์เก่า และขยะพลาสติกในชุมชน ในทางกลับกัน กระบวนการทางธรณีวิทยาก่อให้เกิดวัตถุดิบสำหรับพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายพันปี หรือหลายล้านปี .. ดังนั้น พลังงานชีวมวล Biomass Energy จึงแตกต่างสิ้นเชิงเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล .. ชีวมวล Biomass ได้รับประโยชน์จากแหล่งวัตถุดิบที่รวดเร็ว และสะอาดกว่า ..
ทุกวันนี้ เชื้อเพลิงพลังงานชีวมวล Biomass Energy Fuels ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewable Source เพื่อผลิตกำลังไฟฟ้า Generate Electricity เท่านั้น แต่เชื้อเพลิงพลังงานชีวมวล Biomass Energy Fuels เช่น เชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuels หลากหลายรูปแบบ ยังสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานสำหรับรถยนต์ และระบบการขนส่งของมนุษยชาติได้เป็นอย่างดี ..
ชีวมวล Biomass ให้พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ได้มากถึง 38% ในสหราชอาณาจักร และมีส่วนร่วมประมาณ 11% ของการผลิตพลังงาน Energy Production โดยรวม ..
พลังน้ำขึ้นน้ำลง คลื่น และพลังน้ำในมหาสมุทร Tidal Power, Wave & Ocean Energy ..
มหาสมุทร Ocean สามารถผลิตพลังงานได้ 2 ประเภท ได้แก่ ความร้อน Thermal และพลังงานกล Mechanical .. พลังงานความร้อนของมหาสมุทร Ocean Thermal Energy อาศัยอุณหภูมิพื้นผิวของน้ำอุ่น เพื่อสร้างพลังงานผ่านระบบต่าง ๆ ที่หลากหลาย .. พลังงานกลของมหาสมุทร Ocean Mechanical Energy ใช้การขึ้นลง และกระแสน้ำ Flows of the Tides to Generate Energy เพื่อสร้างพลังงาน ซึ่งเกิดขึ้นจากการหมุนของโลก และแรงโน้มถ่วงจากดวงจันทร์ตามธรรมชาติ ..
ต่างจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ ตรงที่พลังงานคลื่น Wave Energy สามารถคาดเดาได้ และง่ายต่อการประมาณการปริมาณพลังงานที่จะผลิตขึ้นได้ แทนที่จะพึ่งพาปัจจัยต่าง ๆ เช่น แสงอาทิตย์ และลม .. พลังงานของคลื่น Wave & Tidal Energy จะมีความสม่ำเสมอมากกว่า .. พลังงานหมุนเวียนประเภทนี้มีอยู่มากมาย ชุมชนเมืองที่มีประชากรมากที่สุดมักจะอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล และท่าเรือ ทำให้ง่ายต่อการควบคุมพลังงานนี้ .. สำหรับประชากรในท้องถิ่น ศักยภาพของพลังงานคลื่น คือ ทรัพยากรพลังงานที่น่าประหลาดใจ แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนัก โดยมีความสามารถในการผลิตประมาณ 2,640 TWh ต่อปี .. ทั้งนี้ พลังงานเพียง 1 TWh ต่อปี สามารถจ่ายกำลังไฟให้กับครัวเรือนได้โดยเฉลี่ยประมาณ 93,850 หลังคาเรือนในสหรัฐฯ ที่มีการใช้กำลังไฟต่อปี หรือประมาณ 2 เท่าของจำนวนบ้านที่มีอยู่ในสหรัฐฯ ปัจจุบัน ..
ฝรั่งเศส สร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขึ้นน้ำลงแห่งแรกของโลก World’s First Tidal Power Plant ในบริตตานี Brittany เมื่อปี พ.ศ.2509 นั่นคือ Rance Tidal Power Station นอกจากนี้ ยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปี 2554 Rance มีกำลังการผลิต 240 MW และเมื่อเร็ว ๆ นี้ถูกแซงโดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำขึ้นน้ำลง Sihwa Lake ในเกาหลีใต้ ด้วยกำลังการผลิตขนาด 254 MW ..
อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขึ้นน้ำลง Tidal Power Plants อาจมีต้นทุนสูง การพึ่งพาช่วงน้ำขึ้นน้ำลงสูง และความเร็วการไหลของกระแสน้ำ ทำให้มีความท้าทายอย่างมาก และแม้จะมีข้อจำกัดที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ แต่การปรับปรุงในการออกแบบ ได้ช่วยเพิ่มความพร้อมของพลังงานน้ำขึ้นน้ำลง Availability of Tidal Power ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งในพื้นที่เฉพาะบางแห่ง ..
พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy ..
พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy ไม่ได้มีอยู่ทั่วไปเหมือนกับแหล่งพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่น ๆ แต่มีศักยภาพที่สำคัญสำหรับการจัดหาพลังงาน เนื่องจากสามารถสร้าง และรวบรวมจากใต้ดินได้ จึงทิ้งร่องรอยไว้บนบกน้อยมาก .. พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy ถูกเติมเต็มตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่เสี่ยงต่อการใช้แล้วหมดสิ้นไป ..
พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy มาจากใต้ผวโลก .. พวกมันถูกดึงมาจากพลังงานตามธรรมชาติของโลกเพื่อให้ความร้อนแก่พื้นที่เป้าหมาย และการผลิตกำลังไฟฟ้า ซึ่งทั้งเป็นธรรมชาติ และยั่งยืน Natural & Sustainable อย่างไร้ขีดจำกัด .. ความร้อนใต้พิภพ Geothermal คือ แหล่งพลังงานธรรมชาติ เช่น น้ำพุร้อนร่วมกับแหล่งอื่น ๆ รวมถึงการไหลหมุนเวียนของหินหลอมเหลว Magma และความร้อน Hydrothermal Circulation ซึ่งอยู่ใต้พิภพ ..
ในขณะที่เทคโนโลยีพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy Technology กำลังพัฒนาขึ้น พลังงานความร้อนใต้พิภพเอง ก็กระจายตัว เราสามารถพบได้ในสถานที่เฉพาะเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ไอซ์แลนด์ Iceland ทำน้ำร้อนโดยใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพมานานหลายศตวรรษแล้ว .. ปัจจุบัน คอสตาริกา Costa Rica, เคนยา Kenya และเอลซัลวาดอร์ El Salvador ผลิตกำลังไฟฟ้าได้มากกว่า 15% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมดของพวกเขาจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy เป็นต้น ..
ไฮโดรเจน Hydrogen ..
ไฮโดรเจน Hydrogen : H2 คือ ธาตุที่เบาที่สุด อีกทั้งมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในเอกภพ Universe และสามารถพบไฮโดรเจนในสารประกอบอินทรีย์หลายชนิด รวมทั้งน้ำ Water : H2O .. ในความเป็นจริง พวกมันเป็นองค์ประกอบที่พบมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้มีอยู่โดยธรรมชาติของมันเอง เช่นเมื่อรวมกับออกซิเจนจะทำให้เกิดน้ำ เมื่อเราแยกไฮโดรเจนออก เราสามารถเผามันเพื่อผลิตพลังงานทดแทนได้ .. ทั้งนี้ ไฮโดรเจนที่เผาไหม้สะอาด ต้องการพลังงานเพื่อแยกมันออกจากกัน เช่นเดียวกัน การปรับปรุงในกระบวนการนี้ชี้ให้เห็นว่า ไฮโดรเจน Hydrogen : H2 กำลังมีบทบาทมากขึ้นในอนาคตพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Future ของมนุษยชาติอย่างแน่นอนไม่มีข้อสงสัย ..
ไฮโดรเจน Hydrogen : H2 สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ที่สะอาด Clean Burning Fuel ซึ่งนำไปสู่ภาพรวมการปล่อยมลพิษน้อยลง และสภาพแวดล้อมที่สะอาดขึ้น .. นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับเซลล์เชื้อเพลิง Fuel Cells ซึ่งคล้ายกับแบตเตอรี่ Batteries และสามารถใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่ต้องการกำลังสูง หรือการกระชากของพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม ..
ความโดดเด่นของ Hydrogen : H2 นั้น คือ ศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการขจัดคาร์บอนออกไปจากภาคเศรษฐกิจการผลิต และระบบการขนส่งซึ่งต้องการแหล่งพลังงานที่มีพลังงานจำเพาะ Specific Energy สูงมากพอ โดยพื้นฐานแล้ว มักหมายถึง อุตสาหกรรมหนัก ซีเมนต์ การผลิตเหล็กกล้า การขนส่งระยะไกล เรือเดินสมุทร อากาศยาน และกิจการอวกาศ หรือสำหรับงานหนักอื่น ๆ เป็นต้น ..
คาดหมายได้ว่า ในอีกไม่นานนี้ หากต้นทุนของไฮโดรเจนสีเขียว Green Hydrogen ลดลงได้อีกอย่างน้อย 2-3 เท่าจากนี้ไป เชื่อว่า “ไฮโดรเจน Hydrogen : H2 และเซลล์เชื้อเพลิง Fuel Cells จะเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษยชาติ และหากเราจริงจังกับการลดคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ในบรรยากาศ เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากไฮโดรเจน Hydrogen : H2” ..
Hydrogen Society & Hydrogen Economy คือ ทางเลือกที่ฉลาดที่สุดของเรา ซึ่งหมายถึง ระบบเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติ จะไม่ถูกผูกขาดโดยเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ที่เป็นน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และ Shale Gas & Oil ที่เป็นอันตรายต่อโลกของเราเช่นในปัจจุบันอีกต่อไป ..
กำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity เติบโตสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ด้วยวงจรพัฒนาการใช้งานใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น ..
แม้จะมีความท้าทายในห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง การสู้รบในยูเครน ความล่าช้าในการก่อสร้าง ราคาวัตถุดิบ และสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewables เพิ่มขึ้น 6% ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา และทำลายสถิติใหม่อีกครั้ง โดยแตะที่เกือบ 295 GW .. การเติบโตนี้สูงกว่าการคาดการณ์เมื่อปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ในรายงานเรื่องพลังงานหมุนเวียน Renewables ของ International Energy Agency : IEA ทั่วโลก ..
อัตราการเพิ่มกำลังการผลิตของพลังงานลม ประจำปีที่ลดลง 17% ในปี 2564 ถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของพลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์ Solar PV และการเติบโตของการติดตั้งไฟฟ้าพลังน้ำ Hydropower Installations .. การขยายตัวของพลังงานชีวภาพ Expansion of Bioenergy, พลังงานแสงอาทิตย์รวมแสงเข้มข้น Concentrated Solar Power : CSP และพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy มีเสถียรภาพอย่างยิ่ง ในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2563 ในแง่ของความรวดเร็วของการเติบโต .. กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนปีต่อปี Renewable Capacity’s Year-on-Year ที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของปีที่ผ่านมาแล้ว พบว่า พวกมันช้าลง หลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี 2563 เมื่อจีน ยุติการอุดหนุนการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะพลังงานลมบนบก Onshore Wind Energy .. อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่า ตั้งแต่ปี 2566 ไปจนถึงปี 2573 กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewables Growth โดยรวมทั่วโลกจะมีอัตราเติบโตต่อปีสูงขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องอย่างน้อย อยู่ที่ค่า CAGR 16.6% ด้วยวงจรพัฒนาการใช้งานใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น และราคาที่ลดลง ..
การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Power Capacity ทำลายสถิติใหม่ในปี 2565 ซึ่งนำโดยกำลังไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ Solar PV .. พวกมัน หมายถึง Global Electricity Production from Solar PVs เพิ่มขึ้นมากกว่า 8% ทั่วโลกในปี 2565 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทะลุขนาด 300 GW เป็นครั้งแรก .. Solar PV คาดว่าจะคิดเป็น 60% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Capacity ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยมีการใช้งาน 190 GW ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% จากปีที่แล้ว โครงการระดับสาธารณูปโภคคิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของการขยายตัวของ Solar PV โดยรวมในปี 2565 ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากสภาพแวดล้อมด้านนโยบายที่เข้มแข็งในจีน และสหภาพยุโรปที่ผลักดันให้มีการติดตั้งใช้งานระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solar PV Power System ให้เร็วขึ้น ..
หลังจากการลดลง 32% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2564 การติดตั้งกังหันลมบนบกทั่วโลกใหม่ New Global Onshore Wind Installations คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย และแตะระดับเกือบ 80 GW .. การเติบโตของกำลังไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งทั่วโลก Global Offshore Wind Power คาดว่าจะลดลง 40% ในปี 2565 หลังจากเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในปีที่แล้วในประเทศจีนเนื่องจากเส้นตายการยุติการอุดหนุนระดับชาติ แม้จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นที่ลดลงก็ตาม แต่การเพิ่มกำลังการผลิตลมนอกชายฝั่งทั่วโลกในปี 2565 ยังคงเพิ่มเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากแรงจูงใจที่ต่อเนื่องในจีน และการขยายตัวในสหภาพยุโรป ส่งผลให้คาดว่า จีนจะมีกำลังการผลิตลมสะสมพลังงานลมนอกชายฝั่ง Offshore Wind Capacity สะสมมากที่สุดในโลก และแซงหน้าสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร รวมกัน ภายในสิ้นปี 2566 นี้ ..
เว้นแต่จะมีการดำเนินนโยบายใหม่ และแข็งแกร่งขึ้นในปี 2566 .. การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Power Capacity คาดว่าจะยังคงมีเสถียรภาพต่อไปเมื่อเทียบกับปี 2565 ในขณะที่เซลล์แสงอาทิตย์ Solar PV คาดว่าจะทำลายสถิติใหม่อีกครั้งในสิ้นปี 2566 ซึ่งสูงถึงเกือบ 200 GW และด้วยการขยายตัวของพลังงานลม และพลังงานชีวภาพ ที่ยังคงมีเสถียรภาพไปพร้อมด้วย และแม้ว่าการเพิ่มกำลังไฟฟ้าพลังน้ำ Hydropower จะลดลง 40% เนื่องจากโครงการที่ลดลงในจีน อาจชะลอการเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market .. อย่างไรก็ตาม แม้อัตราการเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่จะลดลง แต่กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในตลาด ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อทดแทนการผลิตกำลังไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Electricity ที่กำลังจะต้องจบลงในที่สุด ..
การเติบโตของกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Power’s Growth กำลังถูกขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พยายามที่จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน Energy Security ของชาติตนอย่างมุ่งมั่น รวมทั้งให้ความสำคัญยิ่งต่อความร่วมมือในระดับนานาชาติเพื่อการจำกัดภาวะโลกร้อน อยู่ที่จุดเล็ง 1.5oC ให้สำเร็จไปพร้อมด้วยเช่นกัน ..
อ้างอิงข้อมูลของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA พบว่า วิกฤตการณ์ด้านพลังงานทั่วโลก Global Energy Crisis กำลังผลักดันให้เกิดการติดตั้งพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว โดยกำลังการผลิตรวมทั่วโลก ได้รับการคาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า แซงหน้าถ่านหิน Coal ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดไปพร้อมกัน และช่วยรักษาความเป็นไปได้ของการจำกัดภาวะโลกร้อน ..
ความกังวลด้านความมั่นคงด้านพลังงาน Energy Security ที่เกิดจากการบุกยูเครนของรัสเซีย ได้กระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกหันมาใช้พลังงานทดแทน Renewables เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และลม Solar & Wind Energy มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ซึ่งราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก .. ขณะนี้ กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Power Capacity คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,400 GW ในช่วงปี 2565-2570 ซึ่งเป็นจำนวนปริมาณพลังงานที่เท่ากับกำลังการผลิตกำลังไฟฟ้าทั้งหมดของจีนในปัจจุบัน ตามรายงานประจำปีของ International Energy Agency : IEA Renewables 2022 ฉบับล่าสุด เช่นกัน ..
การเพิ่มขึ้นอย่างมากที่คาดการณ์ไว้นี้ สูงกว่าจำนวนการเติบโตที่คาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้วถึง 30% ซึ่งเน้นย้ำว่า รัฐบาลของแต่ละประเทศ ได้ให้น้ำหนักนโยบายพลังงานภาครัฐเพิ่มเติมที่อยู่เบื้องหลังความต้องการพลังงานหมุนเวียน Policy Weight Behind Renewables ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงใด .. International Energy Agency : IEA คาดหมายว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables จะมีสัดส่วนมากกว่า 90% ของการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งแซงหน้าถ่านหิน Coal และกลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกภายในต้นปี 2568 ..
Fatih Birol ผู้อำนวยการบริหารของ IEA กล่าวว่า “พลังงานหมุนเวียน Renewables มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แต่วิกฤตพลังงานทั่วโลก Global Energy Crisis ได้ผลักดันให้พวกมันถูกเร่งให้เข้าสู่ช่วงแผนงานใหม่ที่ไม่ปกติของการเติบโตที่เร็วขึ้นอีก ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ พยายามที่จะใช้ประโยชน์จากต้นทุนด้านความมั่นคงทางพลังงานของตน หมายถึง โลก ได้ถูกกำหนดให้เพิ่มกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewables ให้ได้มากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับเมื่อ 20 ปีก่อน” .. ทั้งนี้ Fatih Birol ยังชี้ให้เห็นอีกว่า “นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า วิกฤตพลังงาน Energy Crisis ในปัจจุบัน สามารถเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ Historic Turning Point ไปสู่ระบบพลังงานที่สะอาด และปลอดภัย Cleaner & More Secure Energy System มากขึ้นได้อย่างไร .. การเร่งความเร็วสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพลังงานหมุนเวียน Renewables มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเปิดประตูสู่การจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่จุดเล็ง 1.5oC ให้สำเร็จได้ในที่สุด” ..
คาดการณ์ตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market ..
ขนาดธุรกิจในตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market มีมูลค่า 768.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 และคาดหมายว่า อัตราการเติบโตต่อปี Compound Annual Growth Rate : CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับการลงทุนในตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน อยู่ที่ค่า CAGR 16.6% ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2565-2573 ..
การเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ Low-Carbon Fuels และการมีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม Environmental Regulations ที่เข้มงวดในประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ซึ่งได้ให้การสนับสนุนอย่างมากต่อภาคส่วนพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Sector .. ตลาดการผลิตพลังงาน Energy Generation Market มีการเติบโตสูงมากในแง่ของกำลังการผลิตติดตั้งของแหล่งพลังงานทดแทนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับแรงกดดันในการลดผลกระทบที่เป็นอันตรายของก๊าซเรือนกระจก Harmful Effects of Greenhouse Gasses : GHG .. และนี่คือ ปัจจัยหลักในการขยายตัวของภาคพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Expansion of Solar & Wind Energy Sectors ..
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นานาประเทศ ได้ลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตกำลังไฟฟ้าที่ต่างออกไป Unconventional Power Generation Technologies เพื่อลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานรูปแบบเดิม ๆ เช่น น้ำมันดิบ Crude Oil ถ่านหิน Coal และอื่น ๆ รวมทั้งเป็นพลังงานรูปแบบพอเพียงในตัวมันเอง Energy Self-Sufficient ด้วยการลงทุนในสัดส่วนที่สูงมากในการผลิตกำลังไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน Renewable Power Generation .. ตลาดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power Generation Market เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตด้วยความเร่งในช่วงที่คาดการณ์ไว้ .. ตัวอย่างอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ที่กำลังเติบโต Growing Solar Industry ในเยอรมนี คาดว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ .. พวกมัน คือ แหล่งพลังงานสำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งช่วยให้แต่ละชาติสามารถผลิตพลังงานได้อย่างเพียงพอ โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากตลาดระหว่างประเทศ รวมถึงการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหนือชั้นกว่า เช่น การผลิตน้ำดื่มสะอาด การสนับสนุนงานด้านการชลประทาน การผลิตกำลังไฟฟ้าต้นทุนต่ำคาร์บอนต่ำ และความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนกว่า เมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานอื่น ๆ ..
ภาคส่วนกำลังไฟฟ้าพลังน้ำ Hydropower Segment มีสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดกว่า 29.25% ในปี 2564 และจะขยายตัวต่อไปในอัตราการเติบโตต่อปี อยู่ที่ค่า Compound Annual Growth Rate : CAGR คงที่ อยู่ที่ค่า CAGR 5.9% ตั้งแต่ปี 2565-2573 .. ไฟฟ้าพลังน้ำ Hydropower ได้มอบข้อได้เปรียบแก่ชุมชน และมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้บริการจัดเก็บพลังงาน และความยืดหยุ่น .. ส่วนกำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power Segment คาดว่าจะเติบโตที่ค่า Compound Annual Growth Rate : CAGR ที่เร็วที่สุดในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ .. พวกมัน มีต้นทุนต่ำ สะอาดสีเขียวเหมาะสำหรับบ้าน อาคารสถานที่ ชุมชน หรือธุรกิจ ลดการชะงักงันของระบบไฟฟ้า และอื่น ๆ ..
โครงข่ายระบบสายส่ง Grid Electricity อาจมีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง และแม้แต่กำลังไฟฟ้าพลังน้ำ Hydroelectric ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดไฟฟ้าดับ Power Outages ระหว่างการส่งผ่านระบบสายส่ง อย่างไรก็ตาม ระบบพลังสุริยะ Solar Systems มีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อพูดถึงการส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าในรูปแบบกระจายแยกย่อย หรือระบบแยกเดี่ยว Stand Alone Power Systems .. ทั้งนี้ ในส่วนของพลังงานลม และพลังงานชีวภาพ Wind Power & Bioenergy Segments คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่คาดการณ์ เนื่องจากแหล่งพลังงานดั้งเดิม Traditional Energy Sources ถูกแทนที่ด้วยพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ..
ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา จีน คือ ผู้นำด้านพลังงานลม Wind Energy ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 221 GW ตามมาด้วยสหรัฐฯ 96.4 GW เยอรมนี 59.3 GW อินเดีย 35 GW สเปน 23 GW และอีกหลายชาติซึ่งกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยราคาที่ลดลง .. ปัจจัยเหล่านี้รวมกับความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels คาดว่าจะผลักดันความต้องการพลังงานลมในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ .. นอกจากนี้ พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ได้จากความร้อนใต้ผิวโลก ยังสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน Renewable Electricity รวมทั้งสำหรับการทำความเย็น และความร้อน Cooling & Heating Applications ในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี ..
สหรัฐฯ คือ ผู้นำด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy ของโลกด้วยกำลังการผลิต 3.7 GW .. นอกจากนี้ โรงงานพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ใหญ่ที่สุดในโลก World’s Largest Geothermal Plant ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้รับการยอมรับจากภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อย่างแข็งแกร่ง.. พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy คาดว่าจะตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้า 10% ของสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้นี้ .. ปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับภาคส่วนนี้ ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ..
สำหรับในภาคส่วนพลังน้ำขึ้นน้ำลง คลื่น และพลังน้ำในมหาสมุทร Tidal Power, Wave & Ocean Energy นั้น ตลาดพลังงานคลื่นและกระแสน้ำทั่วโลก Global Wave & Tidal Energy Market มีมูลค่า 527.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปี อยู่ที่ค่า CAGR 27.4% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ ..
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นเพื่อแทนที่แหล่งพลังงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ถ่านหิน Coal, ก๊าซ Gas และน้ำมัน Oil ควบคู่ไปกับการระดมทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการสร้างการจ้างงาน ตำแหน่งต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคงด้านพลังงาน และสภาพอากาศ คือ ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดโลก เช่นเดียวกับภาคส่วนพลังงานหมุนเวียน Renewables อื่น ๆ ..
ตลาดไฮโดรเจนสีเขียวทั่วโลก Global Green Hydrogen Market ก็มีลักษณะเดียวกัน พวกมัน ถูกใช้เป็นหนึ่งในระบบจัดเก็บพลังงาน Energy Storage และการผลิตกำลังไฟฟ้าผ่านเซลล์เชื้อเพลิง Fuel Cells รวมทั้งการส่งไปจุดระเบิดในเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน Internal Combustion Engines: ICEs .. ทั้งนี้ ขนาดธุรกิจตลาดไฮโดรเจนสีเขียวทั่วโลก Global Green Hydrogen Market มีมูลค่า 0.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 และได้รับการคาดหมายว่าจะสูงแตะ 9.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2571 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี Compound Annual Growth Rate : CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับการลงทุนในตลาดไฮโดรเจนสีเขียว Global Green Hydrogen Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน อยู่ที่ค่า CAGR 54.7% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ปี 2564-2571 ..
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมการผลิตกำลังไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนคาร์บอนต่ำ Low Carbon Renewable Electricity Generation นั้น บนพื้นฐานของกรอบการใช้งานทั่วโลก ยังแบ่งออกเป็น ภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิตสินค้าและบริการเชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย .. กลุ่มอุตสาหกรรม คือ ผู้นำตลาดในปี 2564 ที่ผ่านมา และคิดเป็นส่วนแบ่งสูงสุดมากกว่า 62.40% ของรายได้โดยรวม .. ความต้องการกำลังไฟฟ้าสะอาดที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะเพิ่มจำนวนโครงการสาธารณูปโภค และกระตุ้นการเติบโตของตลาดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรม .. การเติบโตของกำลังไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ถือว่าโดดเด่นที่สุดเทียบกับกำลังไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewable Sources อื่นๆ ..
อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy Industries Association ชี้ว่า โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ Solar Power Plants ขนาดมากกว่า 37 GW ที่เปิดดำเนินการใหม่ในสหรัฐฯ ชาติเดียว ในปี 2563 โดยมีกำลังมีการพัฒนาก่อสร้างเพิ่มอีก 112 GW ซึ่งจะเริ่มเปิดใช้งานได้ในปีต่อ ๆ ไป .. ปัจจัยเหล่านี้ คาดว่าจะผลักดันความต้องการแผงโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ Solar PV Panels ในกลุ่มแอปพลิเคชันอุตสาหกรรมในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ ..
ทั้งนี้ เอเชียแปซิฟิก Asia Pacific มีส่วนแบ่งรายได้มากที่สุดกว่า 40.40% ทั่วโลก ในปี 2564 .. ความต้องการพลังงานหมุนเวียน Renewables ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียแปซิฟิก เป็นผลมาจากการติดตั้งโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นในจีน และอินเดีย .. ชาติเหล่านี้ คือ ตลาดหลักสำหรับแผงโซลาร์เซลล์ Key Markets for Solar Panel ทั่วโลก และในเอเชียแปซิฟิก .. นอกจากนี้ ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น มีศักยภาพในการเติบโตสูงสำหรับตลาดพลังงานหมุนเวียน Renewables Market เนื่องจากพวกเขาได้ลงทุนส่วนใหญ่ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการพัฒนาการผลิตกำลังไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุน Renewables ประเภทอื่น ๆ ผนวกกับระบบจัดเก็บพลังงาน Energy Storage Systems รูปแบบต่าง ๆ ไปพร้อมด้วย .. ตลาดในอเมริกาเหนือ และยุโรป คาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน ..
สรุปส่งท้าย ..
ปัจจุบัน ทั่วโลกใช้พลังงานสีเขียว Green Energy ที่เป็นพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy น้อยมากอย่างยิ่งด้วยสัดส่วนการบริโภคพลังงานจากแหล่งพลังน้ำ Hydro, พลังงานแสงอาทิตย์ Solar และพลังงานลม Wind รวมกันแล้วเพียงประมาณ 12.6% ของความต้องการพลังงานทั้งหมดในภาพรวมเท่านั้น .. มนุษยชาติ ยังคงใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels เป็นหลักคิดเป็นมากกว่า 83% ในระบบเศรษฐกิจ และสังคมของพวกเขา ..
ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ Natural Energy Resources เช่น น้ำ Water, ลม Wind, ความร้อนใต้พิภพ Geothermal, คลื่น Wave, น้ำขึ้นน้ำลง Tidal, ชีวมวล Biomass, ไฮโดรเจน Hydrogen และแสงแดด Sun ซึ่งสามารถให้พลังงานที่เราเปลี่ยนพวกมันให้เป็นกำลังไฟฟ้า Electricity อย่างเพียงพอได้เป็นอย่างดี .. ทั้งนี้ แหล่งพลังงานสีเขียว Green Energy แต่ละประเภทมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน การประยุกต์ใช้งานพวกมันยังขึ้นอยู่กับสภาพภูมิสังคมที่เหมาะสมในพื้นที่ต่าง ๆ แต่สามารถเชื่อมต่อผนวกการทำงานร่วมกันในลักษณะแหล่งพลังงานแบบผสมผสาน Hybrid รูปแบบกระจาย Distributed Energy Resources : DER หรือเครือข่ายโรงไฟฟ้าเสมือน Virtual Power Plant : VPP บนโครงข่ายระบบสายส่ง นอกระบบสายส่ง และระบบไฟฟ้าแยกย่อยแยกเดี่ยว Stand Alone Power Systems ขนาดต่าง ๆ ในครัวเรือน พื้นที่ชุมชน และพื้นที่ห่างไกล รวมทั้งการติดตั้งระบบจัดเก็บพลังงาน เช่น ชุดแบตเตอรี่ Battery Packs ไว้พร้อมด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานในระบบเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติทดแทนแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuel Sources ทั้งหมดได้อย่างยอดเยี่ยมจากนี้ไป ..
วิกฤตการณ์พลังงานโลก Global Energy Crisis ในปัจจุบัน ได้เพิ่มความเร่งด่วนใหม่เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และตอกย้ำอีกครั้งถึงบทบาทสำคัญของพลังงานหมุนเวียน Renewables .. สำหรับกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity นั้น นโยบายภาครัฐของนานาประเทศหลังวิกฤตพลังงาน ได้นำไปสู่การเติบโตที่รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังงานลม และเซลล์แสงอาทิตย์ Wind & Solar PV ซึ่งมีศักยภาพที่โดดเด่น รวมทั้งเข้าถึงได้ง่าย เพื่อการลดการพึ่งพาภาคพลังงานของสหภาพยุโรปต่อก๊าซธรรมชาติ Natural Gas ของรัสเซีย ภายในปี 2566 นี้ เป็นต้น ..
ในขณะเดียวกัน อาจยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น และการคาดการณ์เป้าหมายขนาดพลังงานที่ต้องการซึ่งประกาศใหม่ในปี 2565 และปี 2566 หลังจากการบุกยูเครนของรัสเซีย หากไม่มีการดำเนินนโยบายภาครัฐอย่างรวดเร็วจากนี้ไป ..
การเพิ่มขนาดกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนประจำปี Annual Renewable Capacity ทำลายสถิติใหม่ในปี 2564 โดยเพิ่มขึ้น 6% เป็นเกือบ 295 GW แม้ว่าจะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องในห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19, ความล่าช้าในการก่อสร้าง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำหรับวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม ..
ต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์ Solar PV Energy และพลังงานลม Wind Energy คาดว่าจะยังคงสูงกว่าในปี 2566 ซึ่งมากกว่าระดับก่อนการเกิดโรคระบาด เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และค่าขนส่งที่สูงขึ้น .. อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการแข่งขันของพวกเขาดีขึ้นจริง ๆ เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติ Natural Gas และถ่านหิน Coal สูงขึ้นอย่างมาก ..
กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewable Capacity เพิ่มขึ้นมากกว่า 8% ในปี 2565 สูงแตะขนาดระดับเกือบ 320 GW .. อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายภาครัฐใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การเติบโตจะยังคงมีเสถียรภาพในปี 2566 แม้ว่าการขยายตัวของกำลังไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ Solar PV Expansion อาจยังไม่สามารถชดเชยการเติบโตของไฟฟ้าพลังงานน้ำ Hydropower ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของพลังงานลมที่สม่ำเสมอปีต่อปี Steady Year-on-Year Wind Additions ได้อย่างเต็มที่ ..
ทั่วโลก การปรับประมาณการเพิ่มเติมใหม่สำหรับปี 2565 และ 2566 ชี้ว่า กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewable Capacity เพิ่มขึ้นมากกว่า 8% จากเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา เนื่องจากการสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่แข็งแกร่งในสาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพยุโรป และในละตินอเมริกา และแม้ว่าสหรัฐฯ จะได้รับการคาดการณ์ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นจะลดลง ..
ความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuels ฟื้นตัวขึ้น ตั้งแต่ปี 2564 จากระดับต่ำสุดเป็นระดับใกล้ปี 2562 ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การเติบโตสำหรับความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพ Biofuels ขยายตัว 5% ในปี 2565 และคาดหมายว่าจะขยายตัวขึ้นอีก 3% ในปี 2566 .. ในทางกลับกัน ราคาวัตถุดิบตั้งต้นที่เพิ่มขึ้น และปฏิกิริยาของนโยบายจากหลายประเทศ มีการชะลอการเติบโตในระยะสั้น นำไปสู่การปรับลดลง 20% จากการคาดการณ์การเติบโตของความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพก่อนหน้านี้ .. การบุกยูเครนของรัสเซีย ยังเพิ่มแรงกดดันต่อสภาพแวดล้อมที่มีราคาสูงอยู่แล้วสำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพ High-Price Environment for Biofuel Feedstocks โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันพืช Vegetable Oils ..
ในขณะที่ความไม่แน่นอนของตลาดที่ปรากฏขึ้น เพิ่มความท้าทายในประเด็นใหม่ ๆ เกี่ยวกับความมั่นคงด้านพลังงาน Energy Security โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหภาพยุโรป ซึ่งกระตุ้นให้เกิดแรงผลักดันของนโยบายใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเร่งประสิทธิภาพพลังงาน Energy Efficiency และพลังงานหมุนเวียน Renewables .. ท้ายที่สุดแล้ว การคาดการณ์ของตลาดพลังงานหมุนเวียน Renewable Markets ในปี 2566 และหลังจากนั้นจะขึ้นอยู่กับการอุดหนุนภาครัฐส่วนหนึ่ง และการบังคับใช้นโยบายใหม่ ๆ รวมทั้งความเข้มงวดมากขึ้นสำหรับมาตรการต่าง ๆ ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าหรือไม่จากนี้ไปนั่นเอง ..
ทั้งนี้ การเปลี่ยนผ่านระบบพลังงาน Energy Transition จากการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก ไปเป็นการใช้แหล่งเชื้อเพลิงพลังงานสีเขียว Green Energy Sources ที่เป็นพลังงานหมุนเวียน Renewables เป็นหลักในระบบเศรษฐกิจ และสังคมนั้น จำเป็นต้องเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น จะปล่อยให้เกิดความชะงักงันขึ้นนั้นไม่ได้ .. เชื้อเพลิงจากแหล่งพลังงานทางเลือก Alternative Energy Sources ในระดับราคาที่ไม่แพงเกินไป สามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่สำคัญ ๆ ที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และภาคพลังงานในแต่ละประเทศดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปลี่ยนระบบพลังงานรูปแบบรวมศูนย์ Centralize เดิมไปสู่รูปแบบกระจาย Decentralize ตั้งแต่บริการสาธารณะในระบบสาธารณูปโภค การขนส่งสาธารณะ และส่วนบุคคล ไปจนถึงความสะดวกสบายในสังคม ชุมชน และในครัวเรือน ..
ราคาพลังงานหมุนเวียนสีเขียว Green Renewable Energy Cost ยังคงเป็นประเด็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน ซึ่งพวกมันจะแพงเกินไปนั้นไม่ได้ .. อย่างไรก็ตาม Green Energy หรือพลังงานหมุนเวียน Renewables จะช่วยให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่เป็นนวัตกรรม และรูปแบบใหม่ของ Valued Chain การกระจายทางเศรษฐกิจ Redistribute Economic Power และการบริหารจัดการรูปแบบใหม่ ๆ ที่มีผู้คนเป็นศูนย์กลาง People-Centered Ways มากขึ้น ..
ทั้งนี้ ด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เหมาะสม พลังงานสีเขียว Green Energy หรือพลังงานหมุนเวียน Renewables คือ แหล่งพลังงานเพียงแหล่งเดียวที่เปิดโอกาสให้ทุกประเทศในโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ได้รับอิสระภาพทางพลังงาน และไม่ตกเป็นทาสการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ที่เป็นน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินลึกลงไปใต้เปลือกโลก หรือ Shale Gas & Shale Oil จากต่างประเทศที่ผูกขาดโดยเพียงบางชาติยักษ์ใหญ่เท่านั้นอีกต่อไป ซึ่งส่งผลให้ระบบพลังงานของแต่ละประเทศทั่วโลกจากนี้ไป จะได้ถูกปลดล็อคให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง หมายถึง ความมั่นคงทางพลังงาน Energy Security จะได้รับการประกันเพื่อไปสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืนได้สำเร็จในที่สุด ..
………………………………..
คอลัมน์ : Energy Key
By โลกสีฟ้า ..
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
ขอบคุณเอกสารอ้างอิง :-
What is Renewable Energy? | UN :-
The Future of Renewable Energy: Growth Projections :-
Types of Renewable Energy | Trvst World :-
https://www.trvst.world/renewable-energy/different-types-of-renewable-energy/
The Global Renewable Energy Market | Grand View Research :-
https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/renewable-energy-market
Renewable Energy Market Update – May 2022 – Analysis | IEA :-
https://www.iea.org/reports/renewable-energy-market-update-may-2022
Energy Transition : A Significant Structural Change in an Energy System :-
https://photos.app.goo.gl/Qnj3eGJobkzRHx7a9
The Renewable Energy & How to Save the World Documentary :-