Negative Emissions Technologies Could Slow Climate Change
“…..การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR ได้รับการคาดหมายว่าจะกำจัด CO2 ได้ประมาณ 2 Gigatons ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับ 4% ของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาต่อปีโดยกิจกรรมของมนุษย์….”
การบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net-Zero Emissions Targets ในปี ค.ศ.2050 หรือปี พ.ศ.2593 นั้น เหนือสิ่งอื่นใด จำเป็นต้องลดการปล่อยคายมลพิษ Emissions Reductions อย่างรวดเร็ว และจริงจัง ซึ่งคาดว่าจะมาจากความพยายามต่างๆ เช่น การเปลี่ยนเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuel Replacement ไปใช้เชื้อเพลิงสีเขียว Green Fuels รูปแบบต่างๆ แทน และการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency Improvement ..
อย่างไรก็ตาม มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ออกไปจากชั้นบรรยากาศ Removing Carbon dioxide : CO2 from the Atmosphere กลายเป็นความจำเป็นยิ่งยวดที่ขาดไม่ได้ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะโลกร้อน ซึ่งอุณหภูมิสูงเกินจุดเล็งที่ค่าแตกต่างกันประมาณ 1.5-2oC และสถานการณ์ด้านสภาพอากาศ ชี้ให้เห็นว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุเป้าหมายที่กำหนดตามข้อตกลงปารีส Paris Agreement โดยไม่ใช้ประโยชน์จากข้อไขการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Remova l: CDR .. ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net-Zero Emissions Targets ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs มาพร้อมด้วย จึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักวิจัย รัฐบาล นักลงทุน ผู้ประกอบการ และองค์กรต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายที่มุ่งมั่นทะเยอทะยานด้านสภาพอากาศ ..
โดยมาตรฐานทั่วไป การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR หรือที่เรียกว่า การกำจัดคาร์บอน Carbon Removal, การกำจัดก๊าซเรือนกระจก Greenhouse Gas Removal : GGR หรือ การปล่อยก๊าซมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions นั้น คือ กระบวนการที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ถูกกำจัดออกไปจากชั้นบรรยากาศด้วยกิจกรรมของมนุษย์โดยเจตนา และจัดเก็บไว้อย่างถาวรในทางธรณีวิทยา ใต้ชั้นหิน บนบก หรืออ่างเก็บน้ำ ในมหาสมุทร หรือในผลิตภัณฑ์อื่นๆ .. ในบริบทของเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ Greenhouse Gas Emissions Targets นั้น Carbon Dioxide Removal : CDR หรือการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions ถูกรวมเข้ากับนโยบายสภาพอากาศภาครัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change Mitigation Strategies .. การบรรลุการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Emissions นั้น ต้องการทั้งการลดการปล่อยมลพิษ และการใช้ Negative Emissions Technologies : NETs ไปพร้อมด้วย .. การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR สามารถถ่วงดุลการปล่อยมลพิษที่กำจัดได้ยากในทางเทคนิคเฉพาะบางกรณี เช่น การปล่อยมลพิษในภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม Agricultural & Industrial Emissions เป็นต้น ..
วิธีการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR รวมถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้, การปลูกป่า, การปฏิบัติทางการเกษตรที่กักเก็บคาร์บอนในดิน Agricultural Practices that Sequester Carbon in Soils หรือ Carbon Farming, การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ Wetland Restoration และแนวทางสู่คาร์บอนสีน้ำเงิน Blue Carbon Approaches เช่น หญ้าทะเล Sea Grasses, ป่าชายเลน Mangroves และหนองน้ำเค็ม Salt Marshes ตามชายฝั่ง .. พวกมัน “ดักจับ Capture & Hold” คาร์บอน Carbon ซึ่งทำหน้าที่เป็นสิ่งที่เรียกว่า “อ่างกักเก็บคาร์บอน Carbon Sink” รวมทั้ง พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับ และจัดเก็บคาร์บอน Bioenergy with Carbon Capture & Storage : BECCS, การขุนบำรุงเลี้ยงมหาสมุทร Ocean Fertilization, การเพิ่มความเป็นด่างของมหาสมุทร Ocean Alkalinity Enhancement และการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศโดยตรง Direct Air Capture : DAC และผนวกรวมระบบการจัดเก็บ CO2 Storage ไว้พร้อมด้วย เพื่อประเมินว่า กระบวนการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions นั้น จะสามารถดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่ รวมทั้งต้องทำการวิเคราะห์วงจรชีวิตที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการ Comprehensive Life Cycle Analysis of the Process อีกด้วย ..
ในปี 2566 นี้ การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR ได้รับการคาดหมายว่าจะกำจัด CO2 ได้ประมาณ 2 Gigatons ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับ 4% ของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาต่อปีโดยกิจกรรมของมนุษย์ .. ทั้งนี้ ในอนาคตนั้น มีความเป็นไปได้มากที่จะสามารถกำจัด และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 10 Gigatons of Carbon Dioxide : CO2 ต่อปีได้ด้วยการใช้เทคนิค และวิธีการ Carbon Dioxide Removal : CDR ที่มีอยู่แล้ว รวมถึงเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs ซึ่งสามารถนำไปใช้ดำเนินการได้อย่างปลอดภัย และประหยัดให้บรรลุความสำเร็จได้ในที่สุด ..
เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs ทำงานอย่างไร และสิ่งที่ภาคธุรกิจจะได้รับประโยชน์นั้น คือ อะไร ..
มุมมองที่ครอบคลุมของอุตสาหกรรมการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR Industry ที่เกิดขึ้นใหม่ พร้อมการวิเคราะห์เชิงลึกในด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ กฎระเบียบ และสิ่งแวดล้อมที่กำลังสร้างตลาดนี้นั้น มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs ที่ดึงกระชากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ออกไปจากชั้นบรรยากาศ และแยกพวกมันออกไปกักเก็บลงไว้ในอ่างกักเก็บคาร์บอน Carbon Sinks ด้วยรูปแบบต่าง ๆ ที่เรียกกันว่า Sequester it into Carbon Sinks ซึ่งมีหลากหลายเทคนิค และวิธีการที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ :-
1.เทคโนโลยีการดักจับ และจัดเก็บคาร์บอนในอากาศโดยตรง Direct Air Carbon Capture & Storage : DACCS Technology ซึ่งใช้ประโยชน์จากกระบวนการทางเคมีในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 จากอากาศโดยตรง และแยกไว้ในชั้นหินทางธรณีวิทยา หรือผลิตภัณฑ์ที่ทนทานถาวร Geologic Formations or Durable Products ..
2.เทคโนโลยีชีวมวลที่มีการกำจัด และกักเก็บคาร์บอน Biomass with Carbon Removal & Storage : BiCRS Technology ซึ่งใช้ชีวมวล Biomass เพื่อผลิตพลังงาน หรือผลิตภัณฑ์ที่ทนทาน Durable Products เช่น ถ่านชีวภาพ Biochar และวัสดุก่อสร้าง Construction Materials ในขณะที่ล็อคคาร์บอนส่วนใหญ่ที่จับได้ไว้ในระหว่างการสังเคราะห์ด้วยแสง Locking Most of the Carbon Captured during Photosynthesis .. ซึ่งรวมไปถึงการฉีดน้ำมันชีวภาพลงไปใต้ดิน Bio-Oil Underground Injection ..
3.วิธีการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนบก Land-Based Carbon Dioxide Removal : CDR Methods ที่ใช้ประโยชน์จากกระบวนการทางชีวภาพ เพื่อเพิ่มปริมาณคาร์บอนในดิน ป่าไม้ และระบบนิเวศบนบกอื่น ๆ เช่น การปลูกป่า Afforestation, การฟื้นฟูป่า Reforestation และเทคนิคการกักเก็บคาร์บอนในดิน Soil Carbon Sequestration Techniques เป็นต้น ..
4.เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิด้วยการทำให้เป็นแร่ธาตุ Mineralization Negative Emission Technologies : NETs หมายถึง การปรับปรุงกระบวนการของแร่ธาตุธรรมชาติที่ผูก CO2 จากชั้นบรรยากาศอย่างถาวร ด้วยหินซึ่งผ่านการปรับสภาพที่เรียกว่า Rock Weathering, Carbonation of Mineral Wastes & Oxide Looping ..
การทำให้เป็นแร่คาร์บอน Carbon Mineralization คือ รูปแบบการกักเก็บ CO2 ที่ถาวร และปลอดภัยที่สุด เนื่องจากการเปลี่ยน CO2 จากสถานะก๊าซให้เป็นแร่ของแข็งนั้น สามารถลด หรือกำจัดความเสี่ยงของการรั่วไหล และกระจายสู่บรรยากาศได้อย่างมาก .. การก่อตัวของหินบาซอลต์ Basalts และมาฟิก Mafic ที่มีความสามารถในการดักจับกับธาตุอื่นโดยธรรมชาติ สามารถนำมาใช้ให้เป็นตัวกักเก็บคาร์บอน Carbon Sinks ที่จัดเก็บ CO2 ที่เสถียรได้สำหรับทั้งเทคโนโลยีการปล่อยคาร์บอนจากแหล่งกำเนิด Carbon Source Emissions และเป็นทั้งตัวกักเก็บคาร์บอน Carbon Sinks โดยเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs ด้วยแร่ธาตุ Mineralization ซึ่งก็คือ หน่วยดักจับอากาศโดยตรง DAC ที่สามารถรับรู้การกำจัด CO2 สุทธิจากชั้นบรรยากาศ นั่นเอง ..
5.วิธีการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในมหาสมุทร Ocean-Based Carbon Dioxide Removal : CDR Methods ที่ใช้มหาสมุทรซึ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับปั๊มคาร์บอนในมหาสมุทร Ocean Carbon Pump ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคนิค ได้แก่ การทำให้เป็นด่างของมหาสมุทร Ocean Alkalinity Enhancement, การดักจับคาร์บอนของมหาสมุทรโดยตรงด้วยเคมีไฟฟ้า Electrochemical Direct Ocean Capture, การขึ้น/ลงเทียมของน้ำทะเล Artificial Upwelling/Downwelling, คาร์บอนสีน้ำเงินตามแนวชายฝั่ง Coastal Blue Carbon เช่น การเพาะเลี้ยงสาหร่าย/การเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเล Algae Cultivation/Marine Permaculture และการขุนบำรุงเลี้ยงมหาสมุทรด้วยสารอาหาร Nutrients บางประเภท เพื่อสร้างการกระชากสภาวะการเติบโตของแพลงก์ตอนพืช Phytoplankton Bloom เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 และปล่อยคายก๊าซออกซิเจน Oxygen : O2 ปริมาณมหาศาลออกสู่ชั้นบรรยากาศ หรือที่นิยมเรียกกันว่า Ocean Fertilization เป็นต้น ..
สำหรับวิธีการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในมหาสมุทร Ocean-Based Carbon Dioxide Removal : CDR นั้น มีหลายวิธีในการแยกคาร์บอนออกมาจากศักยภาพของมหาสมุทร Sequestering Carbon from the Ocean โดยที่คาร์บอเนตที่ละลายในรูปของกรดคาร์บอนิก Carbonate in the Form of Carbonic Acid จะอยู่ในสภาวะสมดุลกับคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ Equilibrium with Atmospheric Carbon Dioxide .. ซึ่งรวมถึงการขุนบำรุงเลี้ยงมหาสมุทร Ocean Fertilization ด้วยสารอาหาร Nutrients หรือการนำธาตุอาหารพืชไปสู่มหาสมุทรตอนบนอย่างมีจุดมุ่งหมาย ซึ่งถือเป็นวิธีการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal: CDR ที่ได้รับการวิจัยมาอย่างดีวิธีหนึ่ง แม้ว่า การขุนบำรุงเลี้ยงมหาสมุทร Ocean Fertilization อาจจะแยกคาร์บอนในช่วงเวลา 10-100 ปีเท่านั้น ..
ในขณะที่ความเป็นกรดของมหาสมุทรบนพื้นผิว อาจลดลงอันเป็นผลมาจากการปฏิกิริยาสารอาหาร Nutrient Fertilization โดยสารอินทรีย์ Organic Matter ที่จมอยู่จะคืนแร่ธาตุ และเพิ่มความเป็นกรดของมหาสมุทรลึก รายงานปี 2564 เกี่ยวกับ CDR ระบุว่ามีความเชื่อมั่นปานกลางถึงสูงว่า เทคนิคนี้อาจมีประสิทธิภาพ และปรับขนาดได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ โดยมีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมปานกลาง .. การขุนบำรุงเลี้ยงมหาสมุทร Ocean Fertilization คาดว่าจะสามารถแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ออกไปจากบรรยากาศได้ 0.1-1 Gigatonnes of Carbon Dioxide ต่อปี ด้วยค่าใช้จ่ายเพียง 8-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันเท่านั้น ..
การปรับปรุงความเป็นด่างของมหาสมุทร Ocean Alkalinity Enhancement ก็เช่นเดียวกัน พวกมันเกี่ยวข้องกับการบดแตกตัว กระจายตัว และการละลายแร่ธาตุ เช่น โอลิวีน Olivine, หินปูน Limestone, ซิลิเกต Silicates หรือแคลเซียมไฮดรอกไซด์ Calcium Hydroxide เพื่อตกตะกอนคาร์บอเนตที่แยกตัวบนพื้นมหาสมุทร .. ศักยภาพในการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ของการเพิ่มความเป็นด่างในมหาสมุทรนั้น ไม่แน่นอน และประมาณการไว้ที่ระหว่าง 0.1-1 Gigatonnes of Carbon Dioxide ต่อปีในราคา 100-150 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ..
คาร์บอนสีน้ำเงินตามแนวชายฝั่ง Coastal Blue Carbon คือ อีกเทคนิควิธีการหนึ่งสำหรับการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ในอากาศจากศักยภาพของทะเลชายฝั่ง ด้วยเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Targets ที่น่าสนใจ และให้ผลที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ..
คาร์บอนสีน้ำเงิน Blue Carbon ถูกกำหนดโดยธรรมชาติว่า คือ คาร์บอนอินทรีย์ที่ถูกดักจับ และกักเก็บไว้โดยมหาสมุทร และระบบนิเวศชายฝั่ง Organic Carbon Captured & Stored by the Ocean & Coastal Ecosystems .. ตามแนวคิด Blue Carbon Initiative ชี้ให้เห็นว่า พื้นที่แหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตตามชายฝั่งครอบคลุมพื้นที่เพียง 2% ของพื้นผิวมหาสมุทร Ocean’s Surface แต่สามารถเก็บกักคาร์บอนไว้ 50% ในตะกอนของพวกมัน ซึ่งคิดเป็นอ่างกักเก็บคาร์บอน Carbon Sink ประมาณถึง 75 Gigaton หรือเทียบเท่ากับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuel-Related CO2 Emissions เป็นเวลา 8 ปี ..
อย่างไรก็ตาม อ้างอิงรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Intergovernmental Panel on Climate Change พบว่า ระบบนิเวศเหล่านี้ กำลังถูกคุกคามรุนแรง ชายฝั่งระหว่าง 25-50% หายไปในศตวรรษที่ผ่านมา .. ทั้งนี้ การปลดล็อกกฎระเบียบภาครัฐบางประเด็นเพื่อการจัดหาเงินทุนสำหรับคาร์บอนเครดิต Carbon Credit เฉพาะในเรื่องนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องรักษาแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตตามแนวชายฝั่ง Key to Saving These Habitats เหล่านี้ทั่วโลกได้เป็นอย่างดีด้วยการแทรกแซงโดยตรงจากกิจกรรมของมนุษย์สำหรับการฟื้นฟูชายฝั่งสู่คาร์บอนสีน้ำเงินตามแนวชายฝั่ง Coastal Blue Carbon ..
ในขณะที่ป่าชายเลน Mangroves คือ โครงการฟื้นฟูคาร์บอนสีน้ำเงินประเภทที่พบได้มากที่สุด แต่แนวทางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปกป้อง และฟื้นฟูหญ้าทะเล Seagrass, บึง Marshes และป่าสาหร่ายทะเล Kelp Forests กำลังเริ่มได้รับการพัฒนามากขึ้น .. สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น คือ กระบวนการกักเก็บคาร์บอน Process of Carbon Sinking โดยการนำสาหร่ายทะเล Seaweed ไปย่อยสลายทางชีวภาพที่พื้นมหาสมุทร Biodegrade on the Ocean Floor เพื่อแยกคาร์บอนออก แทนที่จะปล่อยให้มันย่อยสลายทางชีวภาพใกล้ชายฝั่ง หรือบนบก Biodegrade near Shorelines or on Land ได้กลายเป็นเทคนิคการกำจัดคาร์บอนถาวร รวมทั้งมีการปล่อยคายออกซิเจน Oxygen : O2 ปริมาณมากสู่บรรยากาศมาพร้อมด้วยแนวคิดการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions ที่ยอดเยี่ยม ..
เทคนิคเคมีไฟฟ้า Electrochemical Techniques เช่น กระบวนไดอะไลซิส Electrodialysis ด้วยกำลังไฟฟ้า สามารถกำจัดคาร์บอเนตออกจากน้ำทะเลโดยใช้กำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity ได้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าเทคนิคที่ใช้ในการแยกดังกล่าวจะถูกประเมินว่าสามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 0.1-1 Gigatonnes of Carbon Dioxide ต่อปี โดยมีราคาอยู่ที่ 150-2,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน แต่วิธีการเหล่านี้ จะมีราคาถูกลงมาก เมื่อใช้ร่วมกับกระบวนการแปรรูปน้ำทะเล เช่น การกลั่นน้ำทะเล หรือการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล Seawater Desalination ที่ซึ่งเกลือ และคาร์บอเนต Salt & Carbonate จะถูกกำจัดออกไปพร้อมกัน .. ทั้งนี้ การประมาณการเบื้องต้น ชี้ให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการกำจัดคาร์บอนดังกล่าว Cost of Such Carbon Removal สามารถจ่ายเป็นส่วนใหญ่ได้ด้วยรายได้จากการขายน้ำสะอาดที่ผลิตขึ้นจากน้ำทะเล ซึ่งเป็นผลพลอยได้ทั้งหมดจากกระบวนการ เป็นต้น ..
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs หรือ การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR เหล่านี้ อยู่ในขั้นตอนความพร้อมที่แตกต่างกันอย่างมาก .. บางส่วนเกือบพร้อมสำหรับการใช้งานขนาดใหญ่แล้ว เช่น ระบบดักจับ และจัดเก็บคาร์บอน Carbon Capture & Storage System และต้นไม้ประดิษฐ์ Artificial Trees ดูดซับ CO2 เป็นต้น ในขณะที่บางส่วนยังต้องการการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานเพิ่มเติมอีกมาก ..
เป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก ซึ่งทำได้โดยวิธีต่างๆ เช่น การเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ไปเป็นพลังงานหมุนเวียน และการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า คือ สิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการตระหนักรู้ถึงวิถีทางสู่การบรรเทาภาวะโลกร้อนที่จุดเล็ง 1.5°C นั้น จะเกี่ยวข้องกับการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ Removing Carbon Dioxide from the Atmosphere มาพร้อมด้วย ..
เทคโนโลยี และวิธีการบางอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ “การปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions” มีให้บริการแล้วในปัจจุบันด้วย 2 รูปแบบหลักที่เป็นข้อไขเชิงวิศวกรรม เช่น การดักจับอากาศโดยตรง Direct-Air Capture : DAC และพลังงานชีวภาพด้วยการผนวกรวมกับระบบดักจับ และกักเก็บคาร์บอน Bioenergy with Carbon Capture & Storage : BECCS รวมทั้งการแก้ปัญหาภูมิอากาศตามธรรมชาติ เช่น การปลูกป่า Reforestation .. แม้ว่าการวิจัยชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุการกำจัดคาร์บอนจำนวนมากด้วยโซลูชันการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative-Emissions Solutions แต่จะต้องมีการลงทุนจำนวนมากเพื่อสร้างตลาด และโครงสร้างพื้นฐานตามขนาดที่คาดไว้ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ร้อนแรงขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า การบรรเทาภาวะโลกร้อนที่จุดเล็ง 1.5°C นั้น เป็นไปได้ ..
ด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ พบว่า หากมนุษยชาติไม่สามารถหยุดการปล่อยคาร์บอนได้ทั้งหมด ก็ถือเป็นความจำเป็นที่จะต้องถ่วงดุลกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 บางส่วนกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศ และนี่คือ สิ่งจำเป็นเพื่อให้บรรลุการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net-Zero Emissions .. ทั้งนี้ เพื่อให้ภาพรวมการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net-Zero Emissions ประสบความสำเร็จ ภายในปี 2593 นั้น จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีบางอย่างที่เรียกว่า “การปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions” หรือสิ่งที่จะดูดซับ หรือกระชาก CO2 ออกจากอากาศ เพื่อชดเชยการปล่อย CO2 ในระบบเศรษฐกิจและสังคมของมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง ..
เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs นำ CO2 ออกจากชั้นบรรยากาศมากกว่าที่ใส่เข้าไป ซึ่งไม่มีเทคโนโลยีหนึ่งเดียวใด ๆ ที่สามารถแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ แต่ต้องผนวกหลายเทคโนโลยีที่สามารถช่วยลด CO2 ในชั้นบรรยากาศได้เข้าด้วยกัน เพื่อให้ทำงานพร้อมกันไป จึงจะบรรลุความสำเร็จในภาพรวมได้ ..
อย่างไรก็ตาม แนวคิดเหล่านี้ คือ รูปแบบหนึ่งของภูมิวิศวกรรม Geoengineering และบางครั้งเรียกว่า การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากจากนักวิจัย รัฐบาล นักลงทุน ผู้ประกอบการ และองค์กรต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายที่มุ่งมั่นทะเยอทะยานด้านสภาพอากาศ เนื่องจาก เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs คือ โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อพลังงานสะอาด Clean Energy กำลังจะเข้ามาแทนที่อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuel Industries ซึ่งพวกมัน ได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ และตำแหน่งงานใหม่ๆ ได้มากกว่าธุรกิจพลังงานรูปแบบดั้งเดิมหลายเท่าในอนาคต รวมทั้ง คาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ที่จัดเก็บไว้ สามารถนำไปใช้งาน CO2 Use or Upcycle CO2 ด้วยมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูง และเป็นวัตถุดิบสำหรับหลากหลายผลิตภัณฑ์ และบริการ Products & Services อีกมากมายได้อย่างยอดเยี่ยม ..
ทั้งนี้ โอกาสใหม่ ๆ สำหรับกระบวนอัพไซเคิลคาร์บอนไดออกไซด์ Upcycle CO2 Process หรือการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Use of Carbon Dioxide: CO2 ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ Development of Products & Services เหล่านี้ กำลังดึงดูดความสนใจต่อการลงทุนภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และชุมชน Governments, Industry & the Investment Community ในหลายประเทศ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ใส่ใจต่อการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Mitigating Climate Change เช่นเดียวกับปัจจัยอื่น ๆ รวมถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Technology Leadership และการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน Supporting a Circular Economy ไปพร้อมด้วย ..
นโยบายภาครัฐสำหรับการใช้เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies: NETs & CDR ในประเด็นทางเศรษฐกิจ คือ เรื่องสำคัญจำเป็น ..
ต้นทุนของการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR Cost นั้น แตกต่างกันอย่างมากขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของเทคโนโลยีที่ใช้ ตลอดจนเศรษฐศาสตร์ของทั้งตลาดการกำจัดคาร์บอนโดยสมัครใจ และผลผลิตทางกายภาพ ตัวอย่างเช่น กระบวนการไพโรไลซิสของชีวมวล Pyrolysis of Biomass to Produce Biochar ก่อให้เกิดถ่านชีวภาพ Biochar ซึ่งให้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ที่หลากหลาย รวมถึงการฟื้นฟูดิน Soil Regeneration และการบำบัดน้ำเสีย Wastewater Treatment ..
ในปี 2564 ด้วยการใช้เทคโนโลยีการดักจับ และกักเก็บคาร์บอนในอากาศโดยตรง Direct Air Carbon Capture & Storage : DACCS Technology มีราคาตั้งแต่ 250-600 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เทียบกับ 100 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับถ่านชีวภาพไบโอชาร์ Biochar และต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับโซลูชันที่อิงกับธรรมชาติ เช่น การฟื้นฟูป่า และการปลูกป่า Reforestation & Afforestation .. ความจริงที่ว่า ถ่านไบโอชาร์ Biochar มีราคาที่สูงกว่าในตลาดการกำจัดคาร์บอน Carbon Removal Market มากกว่าโซลูชันที่เป็นข้อไขจากธรรมชาติ สะท้อนถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ถ่านชีวภาพ Biochar คือ อ่างกักเก็บคาร์บอนที่ทนทานกว่า More Durable Carbon Sink โดยมีการกักเก็บคาร์บอนเป็นเวลาหลายร้อย หรือหลายพันปี ในขณะที่โซลูชันจากธรรมชาติ Nature-Based Solutions เป็นรูปแบบที่ผันผวนมากกว่า ซึ่งมีความเสี่ยงจากไฟป่า แมลงศัตรูพืช แรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญทางการเมือง ..
โดยหลักการสำหรับการชดเชยคาร์บอน Carbon Offset ในแนวเดียวกันกับการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero ระบุว่า เพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส Paris Agreement นั้น องค์กรต่างทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม จะต้องมุ่งมั่นที่จะค่อย ๆ เพิ่มสัดส่วนของการชดเชยการกำจัดคาร์บอนที่พวกเขาจัดหาด้วยมุมมองของการจัดหาระบบที่เหมาะสมในการกำจัดคาร์บอนโดยเฉพาะในช่วงจากนี้ไป .. ความคิดริเริ่มเหล่านี้ ต้องมาพร้อมกับนโยบายภาครัฐในการการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ ๆ สำหรับการกำจัดคาร์บอน Carbon Removal เชิงวิศวกรรม เพื่อจะได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผลักดันการเติบโตของตลาดการกำจัดคาร์บอน Growth of the Carbon Removal Market ในอนาคตอันใกล้นี้ให้สำเร็จได้ ..
ตัวอย่างในสหภาพยุโรป European Union : EU นั้น แม้ว่า การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR จะไม่ครอบคลุมโดย EU Allowance ในปี 2564 แต่ปัจจุบัน คณะกรรมาธิการยุโรป The European Commission กำลังเตรียมมาตรการรับรองการกำจัดคาร์บอน และพิจารณาคาร์บอนส่วนต่างสำหรับมาตรฐานคาร์บอนเครดิต Carbon Credit และราคาคาร์บอน Carbon Price เพื่อการพาณิชย์ .. ในอนาคต คาดว่าจะมีการเพิ่มการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR ในโครงการซื้อขายการปล่อยมลพิษของสหราชอาณาจักร UK Emissions Trading Scheme .. ทั้งนี้ ตั้งแต่สิ้นปี 2564 เป็นต้นมา ราคาคาร์บอน Carbon Prices สำหรับแผนการจำกัดปริมาณ และการค้า ทั้ง 2 ประเด็นนี้ ซึ่งปัจจุบันอิงตามการลดปริมาณคาร์บอน Carbon Reductions ซึ่งตรงข้ามกับการกำจัดคาร์บอน Carbon Removals ที่ราคายังคงต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เป็นต้น ..
ณ ต้นปี 2566 การจัดหาเงินทุนยังคงมีจำนวนน้อยกว่าจำนวนเงินที่จำเป็นสำหรับวิธีการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ High-Tech Carbon Dioxide Removal : CDR Methods เพื่อมีส่วนร่วมอย่างมากในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change Mitigation .. แม้ว่าปริมาณเงินลงทุนที่มีอยู่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ของการลงทุนมาจากการริเริ่มของภาคเอกชน Private Sector Initiatives โดยสมัครใจ เช่น พันธมิตรภาคเอกชนที่นำโดยบริษัท Stripe Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน และซอฟต์แวร์ข้ามชาติสัญชาติไอริช-อเมริกัน โดยมีกลุ่มสมาชิกที่โดดเด่น ได้แก่ Meta, Google และ Shopify ซึ่งในเดือนเมษายน 2565 ได้เปิดเผยกองทุนเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่ออุดหนุน และให้รางวัลแก่บริษัทต่าง ๆ ที่สามารถดักจับ และกักเก็บคาร์บอนได้อย่างถาวร Permanently Capture & Store Carbon .. Nan Ransohoff พนักงานอาวุโสของ Stripe กล่าวว่า กองทุนนี้มีประมาณ 30 เท่าของตลาดกำจัดคาร์บอนที่มีอยู่ในปี 2564 แต่ก็ยังน้อยกว่าตลาดที่ต้องการถึง 1,000 เท่าภายในปี 2593 ..
การครอบงำของเงินทุนโดยภาคเอกชน Private Sector Funding ทำให้เกิดความกังวล เนื่องจากในอดีต ตลาดภาคสมัครใจได้พิสูจน์แล้วว่า ลำดับความสำคัญนั้น มีขนาดเล็กกว่าที่มาจากนโยบายภาครัฐ Government Policy .. อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 รัฐบาลต่าง ๆ ของชาติในยุโรป และอีกหลายประเทศ ได้เพิ่มการสนับสนุน Carbon Dioxide Removal : CDR มากขึ้น ซึ่งรวมถึงสวีเดน Sweden, สวิตเซอร์แลนด์ Switzerland และสหรัฐฯ .. กิจกรรมล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงการแจ้งเจตจำนงเมื่อกลางปี 2565 ที่จะให้เงินทุนแก่โครงการ Carbon Dioxide Removal : CDR มูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน และการลงนามในกฎหมาย Inflation Reduction Act เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งมีมาตรการทางภาษีมาพร้อมด้วย เพื่อปรับปรุงตลาดการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal : CDR Market จากนี้ไป ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตของตลาดในสหรัฐฯ ได้ในระดับดีกว่าในยุโรป ..
ดังนั้น ในประเด็นทางเศรษฐกิจนั้น นโยบายภาครัฐ Government Policy ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs & CDR ของแต่ละชาติที่ชัดเจนจริงจัง คือ ความจำเป็นยิ่งยวดที่ขาดไม่ได้ มิฉะนั้น การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ Economic Value Added ที่เป็นรูปธรรม และความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายที่กำหนดตามข้อตกลงปารีส Paris Agreement ของมนุษยชาติ และนานาประเทศ อาจเป็นไปไม่ได้ ..
คาดการณ์ตลาดการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก Global Carbon Dioxide Removal : CDR Markets ..
ขนาดธุรกิจในตลาดการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก Global Carbon Dioxide Removal Market คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 2,073.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2574 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี Compound Annual Growth Rate : CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับตลาดการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก Global Carbon Dioxide Removal Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุนอยู่ที่ค่า CAGR 17.73% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ ปี 2566-2574 ..
รัฐบาลในหลายประเทศ กำลังวางแผนลงทุนอย่างมากในการสร้างนวัตกรรมทดแทน เพื่อดักจับคาร์บอนจากแหล่งต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ .. องค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ต่างมุ่งความสนใจไปที่การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs ที่มีศักยภาพสำหรับการดักจับ จัดเก็บ และการใช้คาร์บอน Carbon และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ที่ถูกแยกออกมาให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไปพร้อมด้วย .. พวกเขาสนับสนุนการสร้างเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนอีกหลายอย่างด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น โครงการ FLExible Carbon Capture and Storage : FLECCS จะได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ US DoE จำนวน 11.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา และรวมถึงอีกหลายโครงการใหม่ๆ ในยุโรป ..
ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจดักจับ และกักเก็บคาร์บอน Carbon Capture & Sequestration Business อาจถูกขัดขวางโดยความจำเป็นในการใช้จ่ายด้านทุนจำนวนมาก เพื่อวางระบบขนาดใหญ่ให้ระบบทำงานได้อย่างดีที่สุด .. โครงการเหล่านี้ ยังต้องการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประจำปีจำนวนมาก นอกจากนี้ ความสามารถของโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูงในการดักจับ MTPA จำนวนมากของ CO2 ยังจำกัดการแพร่กระจายของเทคโนโลยีในประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ โอกาสในการเพิ่มผลผลิตไฮโดรคาร์บอนสูงสุดผ่านกิจกรรม Enhanced Oil Recovery : EOR ที่ใช้ CO2 ได้ลดลง อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่กำลังลดลงอย่างกะทันหัน ..
อย่างไรก็ตาม โอกาสใหม่ๆ สำหรับ กระบวนอัพไซเคิลคาร์บอนไดออกไซด์ Upcycle CO2 Process หรือ การนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Use of Carbon Dioxide : CO2 ที่กระชากออกจากบรรยากาศมาจัดเก็บไว้ ไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ Development of Products & Services กำลังดึงดูดความสนใจต่อการลงทุนภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และชุมชน Governments, Industry & the Investment Community ใน หลายประเทศ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ใส่ใจต่อการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Mitigating Climate Change เช่นเดียวกับปัจจัยอื่น รวมถึง ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Technology Leadership และการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน Supporting a Circular Economy ไปพร้อมด้วย ..
การวิเคราะห์ถึงศักยภาพทางการตลาดในระยะสั้น Near-Term Market Potential สำหรับผลิตภัณฑ์ และบริการ Products & Services ที่ได้จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 พบแนวโน้มโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่สำคัญ 5 ประเภท ได้แก่ เชื้อเพลิง Fuels, สารเคมี Chemicals, วัสดุก่อสร้างจากแร่ธาตุ Building Materials from Minerals, วัสดุก่อสร้างจากของเสีย Building Materials from Waste และการใช้ CO2 เพื่อเพิ่มผลผลิตของกระบวนการทางชีวภาพ Enhance the Yields of Biological Processes ..
ทั้ง 5 หมวดหมู่ สามารถปรับขยายขนาดตลาดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Use of Carbon Dioxide : CO2 ให้เพิ่มขึ้นได้อีกอย่างน้อย 10 Mt CO2 ต่อปี ซึ่งเกือบเท่ากับความต้องการคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 ทั้งหมดในปัจจุบันสำหรับการผลิตอาหาร และเครื่องดื่ม Food & Beverages Production แต่ส่วนใหญ่ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคทางการค้า และกฎระเบียบอีกมากมายมาพร้อมด้วย .. การใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 Use จะรองรับเป้าหมายด้านสภาพอากาศ Climate Goals ที่สามารถปรับขนาดแอปพลิเคชันได้ Application is Scalable, ใช้พลังงานคาร์บอนต่ำ Uses Low-Carbon Energy และเข้าไปแทนที่ผลิตภัณฑ์ที่มีการปล่อยมลพิษสูงกว่าตลอดอายุการใช้งานได้ .. ผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก CO2 บางชนิดยังเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บคาร์บอนอย่างถาวร Permanent Carbon Retention โดยเฉพาะในวัสดุก่อสร้าง Building Materials อีกด้วย ..
ทั้งนี้ ข้อมูลการตรวจสอบตลาดของ Precedence Research พบว่า ขนาดธุรกิจในตลาดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก Global Carbon Dioxide Utilization or CO2 Use Market มีมูลค่าทะลุระดับ 3.75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 และคาดว่าจะสูงแตะระดับ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2573 .. ทั้งนี้ คาดหมายว่า อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี Compound Annual Growth Rate: CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับตลาดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก Global Carbon Dioxide Utilization Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน อยู่ที่ค่า CAGR 13.8% ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2565-2573 ..
วิธีการทำให้เป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutralization Method เป็นกระบวนการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิง หรือจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม Process of Capturing Carbon Dioxide from Combustion of Fuel or From the Industrial Processes และมีการขนส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 เหล่านี้ ผ่านทางเรือ Ship หรือผ่านทางท่อระบบท่อ Pipeline เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ หรือบริการ Products or Services ที่มีคุณค่าโดยอาจจัดเก็บไว้ใต้ดินลึกลงไปในชั้นหิน .. เทคโนโลยีการใช้คาร์บอน Carbon Utilization Technologies ได้รับการประเมินว่าจะสามารถให้การกำจัดคาร์บอน Carbon Removal หรือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นลบสุทธิ Negative Emissions of Carbon Dioxide จากชั้นบรรยากาศได้เป็นอย่างดี ..
เทคโนโลยีการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ CO2 Use Technologies เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีการใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน Carbon Captures Utilization & Storage Technologies .. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ เช่น เชื้อเพลิงสังเคราะห์ Synthetic Fuels, วัสดุก่อสร้าง Building Materials, เคมีภัณฑ์ Chemicals และพลาสติก Plastics .. ปัจจุบัน มีการใช้เทคนิคการใช้คาร์บอนอย่างกว้างขวางทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยในการลดคาร์บอนในระบบเศรษฐกิจโลกให้สำเร็จได้ .. การกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ใต้ผิวดิน Storage of Carbon Dioxide in the Subsurface กำลังสร้างความสนใจอย่างมากสำหรับการใช้ประโยชน์ รวมทั้งการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะส่งผลให้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ Production of Products ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นด้วยราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำกว่า Lower Feedstock Costs ..
สรุปส่งท้าย ..
ด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ พบว่า หากมนุษยชาติไม่สามารถหยุดการปล่อยคาร์บอนได้ทั้งหมด ก็ถือเป็นความจำเป็นที่จะต้องถ่วงดุลกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 บางส่วนกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศ และนี่คือ สิ่งจำเป็นเพื่อให้บรรลุการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net-Zero Emissions .. ทั้งนี้ เพื่อให้ภาพรวมการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net-Zero Emissions ประสบความสำเร็จได้ ภายในปี 2593 นั้น จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีบางอย่างที่เรียกว่า “การปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies” หรือสิ่งที่จะดูดซับ CO2 ออกจากอากาศ เพื่อชดเชยการปล่อย CO2 ในระบบเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง ..
แม้อุตสาหกรรมถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Coal, Oil & Natural Gas Industry จะอยู่ในช่วงขาลง และถดถอยรุนแรงในรอบ 20 ปี แต่ยุคน้ำมันราคาถูกก็ยังคงยืดออกไปอีกนาน ขณะที่อุณหภูมิของโลกกำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ .. กระบวนเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการปรับตัว .. นักวิทยาศาสตร์ ประสานเสียงชี้ว่า อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นมาจากสาเหตุหลัก ได้แก่ สัดส่วนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide: CO2 และก๊าซเรือนกระจก Green House Gases: GHGs ในบรรยากาศที่เพิ่มขึ้นจากการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ..
ดังนั้น ทางออกของมนุษยชาติ นอกจากจะลดเลิกการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ Coal, Oil & Natural Gas รวมทั้ง เปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงจากแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Sources ที่สะอาดกว่าเป็นฐานการบริโภคหลักแล้ว การดึง กระชาก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 หรือก๊าซเรือนกระจก Green House Gases : GHGs อื่น ๆ ออกไปจากบรรยากาศโดยตรง แล้วนำไปทำประโยชน์ หรือนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย จึงกลายเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ..
ด้วยความจริงที่ว่า มนุษยชาติ ไม่เคยได้ขาดแคลนแหล่งพลังงาน Energy Sources เลย พวกเราสามารถหยิบพวกมันออกจากอากาศ เพื่อใช้พวกมันเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewables ได้ไม่จบสิ้น .. ปัญหาด้านพลังงานจริง ๆ ของมนุษยชาติ จึงอยู่ที่ประเด็นเรื่องราคานั่นเอง ..
เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs และเทคนิคในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศโดยตรง Direct Air Capture : DAC คือ ข้อไขที่สมบูรณ์แบบ .. การดำเนินการเพื่อลดสัดส่วนก๊าซเรือนกระจก และนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์ หรือเก็บกักไว้ใต้ดินในรูปแบบของเกลือคาร์บอเนต Carbonate Salt ทั้งยังสามารถนำคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ไปดำเนินการรวมกับไฮโดรเจน Hydrogen : H2 ที่มาจากการแยกน้ำของพลังงานทางเลือก จะได้สารไฮโดรคาร์บอน Hydrocarbons แล้วนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง Fuels โดยตรงได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า ..
เทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ Air to Fuels จากคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ที่ดูดซับจากบรรยากาศลักษณะเช่นนี้ หากประสบความสำเร็จ ก็จะมีต้นไม้ประดิษฐ์ Artificial Trees ดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 อยู่ในชุมชน สี่แยก ท่าเรือ สนามบิน บ้านเรือนที่อยู่อาศัย มีระบบกักเก็บรวบรวมมันนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงสังเคราะห์ราคาถูก และเป็นมาตรฐานแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ แม้แต่ Elon Mask ก็ยังวางแผนจะนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้บนดาวอังคารอีกด้วย ซึ่งจะทำให้การตั้งรกรากบนดาวอังคารของมนุษยชาตินั้น จะมีแหล่งพลังงานเพียงพอ การใช้ดาวดวงนี้เป็นบ้านหลังที่ 2 ของมนุษยชาติ จึงมีความเป็นไปได้มากขึ้น เป็นต้น ..
ทั้งนี้ หากมนุษยชาติ ยังจะหยุดการบริโภคพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ในทันทีไม่ได้ ก็คงไม่มีคำตอบอื่นนอกจาก “เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs และเทคนิคการดึงกระชากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากบรรยากาศโดยตรง Direct Air Capture : DAC” ..
กลยุทธ์ที่ตรงไปตรงมาที่สุดนี้ มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด หมายถึง การดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศโดยตรง และนำมันไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น เชื้อเพลิง Fuels, พลาสติก Plastics, แกรฟีน Graphene, ไฟเบอร์คาร์บอน Fiber Carbon, วัสดุก่อสร้าง Construction Materials รวมทั้งผลิตภัณฑ์ และบริการ Products & Services อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ มนุษยชาติ ยังมีแหล่งพลังงานใช้หมุนเวียนได้ต่อเนื่องอย่างเหลือเฟือไม่ขาดแคลน ..
สถานการณ์สำหรับการบรรลุเป้าหมายสภาพภูมิอากาศที่ทะเยอทะยานนั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการปรับใช้เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิขนาดใหญ่ Large-Scale Deployment of Negative Emissions Technologies : NETs รวมถึงการดักจับคาร์บอนจากอากาศโดยตรง Direct Air Capture : DAC .. อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างอาหาร น้ำ ป่าไม้ และพลังงาน ที่เกิดจากการปรับใช้เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs ที่แตกต่างกันนั้น ยังไม่ชัดเจนนัก ทั้งนี้ คาดว่า การดักจับคาร์บอนจากอากาศโดยตรง Direct Air Capture : DAC จะสามารถดักจับ และจัดเก็บได้มากถึง 3 Gt CO2 ต่อปี ภายในปี 2593 ซึ่งเทียบเท่ากับ 7% ของการปล่อย CO2 ทั่วโลกในปี 2562 โดยอิงจากสมมติฐานในปัจจุบันเกี่ยวกับราคา และประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Direct Air Capture : DAC อาจมีส่วนทำให้ความต้องการพลังงาน และน้ำเพิ่มขึ้น แต่ก็จะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงที่สุดของการแข่งขันการใช้ที่ดินจากพลังงานชีวภาพด้วยการดักจับ และกักเก็บคาร์บอน รวมทั้งการปลูกป่า Reforestation กับการขุนบำรุงเลี้ยงทะเล Ocean Fertilization ซึ่งอาจส่งผลต่อปริมาณสัตว์น้ำ หรืออาจมีส่วนทำให้ราคาพืชอาหารหลักเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับระดับเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ จึงทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบการใช้งานเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs .. ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจัดสรรทรัพยากร ที่ดิน ป่าไม้ และทำให้ราคาพืชผล รวมทั้งอาหาร อยู่ในระดับที่เหมาะสมนั้น นโยบาย และมาตรการภาครัฐ คือ ประเด็นสำคัญ ..
การดำเนินการบรรเทาผลกระทบทั่วโลกเชิงรุกด้วยข้อกำหนดที่เหมาะสมจากนโยบายภาครัฐของแต่ละประเทศสำหรับการใช้งานเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศ และเป้าหมายด้านพลังงาน รวมถึงการบริหารจัดการน้ำ อาหาร ป่าไม้ และที่ดินที่สอดคล้องกัน กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ หมายถึง ด้วยนโยบายภาครัฐที่เหมาะสมด้วยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ได้รับการคาดหวังว่า การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นลบสุทธิ Negative Emissions Technologies : NETs คือ ข้อไขสำคัญที่จะช่วยมนุษยชาติให้บรรลุเป้าหมายที่จะมิให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกินจุดเล็งที่ 1.5oC เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมได้สำเร็จในที่สุด ..
………………………………….
คอลัมน์ : Energy Key
By โลกสีฟ้า ..
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
ขอบคุณเอกสารอ้างอิง :-
Negative – Emissions Solutions: How They Work & What Businesses Can Gain | Mckinsey :-
Explainer: 10 ways ‘Negative Emissions’ Could Slow Climate Change | Carbon Brief :-
Blue Carbon will be the Next Frontier of Carbon Crediting | Greenbiz :-
https://www.greenbiz.com/article/blue-carbon-will-be-next-frontier-carbon-crediting
Four Negative Emission Technologies Nets that could get Us to Net – Zero | Policy Exchange UK :-
What are “Negative Emissions”? | My Climate :-
https://www.myclimate.org/en/information/faq/faq-detail/what-are-negative-emissions/
Negative Emissions Technologies | Grantham Institute for Climate Change, London UK :-
An Investor Guide to Negative Emission Technologies and the Importance of Land Use | Vivid Economics Limited :-
https://www.unpri.org/download?ac=11980
Carbon Dioxide Removal Market | Globe News Wire :-
Carbon Dioxide Removal: CDR Markets 2023 – 2040: Technologies, Players, and Forecasts | IDTechEx :-
Earth Overhaul | Saving Planet Earth from Climate Change Documentary :-
https://photos.app.goo.gl/3qLWAqW541RdtBLp7
Extract CO2 from Air & Use It to Create Synthetic Fuels :-
https://photos.app.goo.gl/eBYLBi9fgEfx1Gos5
Carbon Capture and Storage | Industrial – Scale Capture of CO2 From Ambient Air :-
https://goo.gl/photos/8bLYuxubbgrKbR789
Energy Transition | A Significant Structural Change in an Energy System :-