Accelerating the Green Transition can Lower Energy Prices
“….เนื่องจากราคาพลังงานที่กระชากสูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2564 ได้คุกคามชาวยุโรปหลายล้านคนที่เสี่ยงต่อ ปัญหาขาดแคลนพลังงาน Risk of Energy Poverty ..”
ส่วนแบ่งพลังงานสำหรับผู้บริโภคที่จัดหาได้อย่างยั่งยืน และปริมาณพลังงานหมุนเวียนในระดับที่เพียงพอ ราคาที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญเร่งด่วนกว่าที่เคย การดำเนินการเพื่อให้ Green Transition เดินหน้าไปด้วยความเร่งโดยแนวทางให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ..
ด้วยราคาน้ำมัน และราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ลืมได้ง่ายว่า สถานการณ์พลิกกลับเมื่อสองปีที่แล้ว ณ สิ้นปี 2562 .. อุปทานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ล้นเกิน Over Supply of Fossil Fuels ทำให้ผู้ผลิตกังวลเกี่ยวกับราคาที่ต่ำ .. ซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย ไม่เห็นด้วยกับกระแสความต้องการลดกำลังการผลิตลงเพื่อรักษาระดับราคา จากนั้นขนาด และผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ก็ชัดเจน เศรษฐกิจโลกถูกล็อก และความต้องการพลังงานลดลง และที่สำคัญ คือ น้ำมัน เนื่องจากพวกมันเชื่อมโยงกับการคมนาคมขนส่งทั่วโลกที่หดตัวอย่างรุนแรง ..
ราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบเบรนต์ Brent Crude Oil หนึ่งบาร์เรลร่วงลงจาก 64 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2562 เป็น 42 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 โดยได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับเฉลี่ยที่ 71 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 .. การแข็งค่าขึ้นนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมัน โอเปกพลัส ในการบริหารจัดการกำลังผลิตกับอุปสงค์ทั่วโลกที่ฟื้นตัว รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากอัตราการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยจากอุตสาหกรรมหินดินดานของสหรัฐฯ US Shale Industry ..
ตลาดน้ำมันไม่สามารถกล่าวได้เช่นเดียวกันกับผู้ผลิตซึ่งราคาพลังงานที่ผู้บริโภคต้องจ่ายแตกต่างกันไปตามภูมิภาค .. อเมริกาเหนือพึ่งพาตนเองได้ และได้ราคาที่ค่อนข้างต่ำ แต่ขณะที่ผู้บริโภคในยุโรป และเอเชีย ต้องแข่งขันกันเพื่อหาแหล่งพลังงานส่วนเพิ่มในตลาดโลกที่ราคาสูงกว่า ..
การใช้ราคาพลังงานของสหราชอาณาจักรเป็นเกณฑ์มาตรฐานของยุโรป ก๊าซธรรมชาติซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 0.35 – 0.40 ปอนด์ เมื่อต้นปี 2563 แต่ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 ราคาร่วงลดลง 0.084 ปอนด์ ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ .. ก๊าซธรรมชาติเหลว Liquefied Natural Gas: LNG ในสหรัฐฯ ถูกยกเลิกกำลังการผลิต เนื่องจากความต้องการไม่เพียงพอที่จะทำกำไรของบริษัทผู้ผลิต รวมทั้ง Gazprom ของรัสเซียก็ต้องลดการผลิตจากแหล่งผลิตในไซบีเรียด้วยเช่นกัน ..
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 2564 ความหนาวเย็นในยุโรป และเอเชียได้เตือนถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเริ่มเพิ่มสูงขึ้น วิกฤติราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกคลี่คลาย โดยผู้บริโภคชาวยุโรปต้องแข่งขันกับผู้ซื้อในเอเชียเพื่อดึงดูดการส่งมอบก๊าซธรรมชาติเหลว Liquefied Natural Gas: LNG .. ราคาพลังงานที่เป็นก๊าซธรรมชาติของสหราชอาณาจักร ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.50 ปอนด์ ก่อนวันคริสต์มาส ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่าเมื่อเทียบกับ 12 เดือนก่อน ..
ทั้งนี้ ราคาได้ลดลงตั้งแต่นั้นมาเนื่องจากการส่งมอบ LNG ได้ถูกเปลี่ยนเส้นทางจากเอเชีย แต่เนื่องเพราะพื้นที่แหล่งพลังงานที่เหลือน้อยลง และภาวะอากาศหนาวเย็นที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานในยุโรป และ/หรือ เอเชีย ได้ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2565 ..
นักการเมืองทั้งสองด้านของมหาสมุทรแอตแลนติกเรียกร้องให้มีการผลิตน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเพื่อลดราคาพลังงาน .. ในสหราชอาณาจักร มีการเรียกร้องให้ลดการเก็บภาษีสำหรับก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้า รวมทั้งยกเลิกการเรียกเก็บเงินสีเขียวจากตั๋วเงินที่อุดหนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน สนับสนุนการสำรวจใหม่ในทะเลเหนือ และแม้กระทั่งพยายามฟื้นคืนชีพการพัฒนา Shale Gas & Shale Oil จากชั้นหินที่เป็นแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ..
ผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ใช้วิกฤตินี้เพื่อเตือนไม่ให้มีการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน Energy Transition ที่ยุ่งเหยิงและชี้ว่าการยกเลิกการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างรวดเร็วเกินไปนั้น สร้างปัญหาความขาดแคลนพลังงานราคาถูก และไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ .. ในทางกลับกัน สำหรับนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชี้ว่า วิกฤติราคาพลังงาน เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีราคาแพง และผันผวนโดยเร็ว ด้วยการเร่งรัดเดินหน้ากระบวน Green Transition เพื่อให้ตลาดพลังงานสะอาด Clean Energy Market รวมทั้งธุรกิจยั่งยืน Circular Sustainable Business เติบโตด้วยความเร่งนั้น คือ ข้อไขที่นานาประเทศจะต้องดำเนินการให้สำเร็จโดยเร็วกว่าที่เป็นอยู่จากนี้ไป ซึ่งจะส่งผลให้วิกฤติราคาพลังงานที่ผันผวนรุนแรงในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ค่อย ๆ คลี่คลายลงไปได้อีกไม่นานในที่สุด ..
ความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงสีเขียว Challenges with the Green Transition ..
Green Transition หรือ Energy Transition เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่สำคัญในระบบพลังงาน Energy System .. ในอดีต มีความสัมพันธ์กันระหว่างความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น และความพร้อมใช้งานของแหล่งพลังงานต่าง ๆ .. การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Transition to Renewable Energy ในปัจจุบัน และบางทีอาจเป็นพลังงานที่ยั่งยืน Sustainable Energy ประเภทอื่น ๆ นั้นแตกต่างกัน เนื่องจากส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากการรับรู้ว่าการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกจะต้องถูกทำให้เป็นศูนย์สุทธิ Net Zero
และเนื่องจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนแหล่งเดียวที่ใหญ่ที่สุด ปริมาณของ เชื้อเพลิงฟอสซิลที่สามารถผลิตได้นั้นถูกจำกัดโดยข้อตกลง COP21 Paris ประจำปี 2558 เพื่อรักษาภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 1.5 °C ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า การเปลี่ยนแปลงสีเขียว Green Transition หรือการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงาน Energy Transition จึงหมายถึง การเคลื่อนไหวไปสู่ความยั่งยืนผ่านการบูรณาการที่เพิ่มขึ้นของการใช้พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียนเป็นหลักในชีวิตประจำวันของมนุษยชาติแทนที่การใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลจากนี้ไปนั่นเอง ..
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมรุนแรงของการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีความชัดเจนมากขึ้น รายงานทางวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการระหว่างรัฐว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC ประจำปี 2564 อธิบายเป็นรหัสสีแดง Code Red สำหรับมนุษยชาติ ได้ยืนยันชัดเจนถึงอันตรายของสถานการณ์ .. การวิเคราะห์โดยนักวิชาการ องค์กรระหว่างประเทศ และกลุ่มนักคิดได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า มนุษยชาติยังคงกำลังวางแผนที่จะลงทุนในวิธีการผลิตน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในอนาคตที่เกินกว่าข้อจำกัดของข้อตกลงปารีสปี 2015 หรือ พ.ศ.2558 ซึ่งมุ่งมั่นที่จะรักษาภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 2 oC และใกล้เคียงถึงจุดเล็งอยู่ที่ 1.5 oC ให้ได้มากที่สุด ..
เมื่อนักการเมือง เอกชน และผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกพบกันที่กลาสโกว์ในการประชุมสภาพภูมิอากาศ COP26 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 .. ขนาดของความท้าทายได้รับการยอมรับ และมีความมุ่งมั่น รวมทั้งคำมั่นสัญญาของนานาชาติร่วมกัน .. แต่พวกเขาก็ยังขาดมาตรการที่จำเป็น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอาจกำลังฟื้นตัว พร้อมกับโอกาสในการปรับเปลี่ยนสีเขียว Green Transition ที่ดีขึ้นผ่านการกู้คืนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็อาจพลาดไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากการสนับสนุนทางการเงินของภาครัฐส่วนใหญ่ ยังคงเป็นการรักษาสถานะที่เป็นระบบพลังงานจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิล ..
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือต้นทุนพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน การลงทุนในการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลก็ลดลงจริง เนื่องจากชุมชนภาคการเงิน Financial Community มีความกระหายที่จะลงทุนน้อยลง .. การปรากฏตัวที่แข็งแกร่งของภาคการเงินสีเขียว Green Finance ได้ชะลอกำลังผลิตพลังงานจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลลงได้อย่างยอดเยี่ยม ..
แต่ปัญหาคือ จะมั่นใจได้อย่างไรว่า เชื้อเพลิงฟอสซิลมีเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกในระยะสั้น ขณะที่ลดการผลิตในระยะยาว .. ปัจจุบัน จำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมไปสู่ Green Transition มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ลดลงในอนาคตจะได้รับการชดเชยด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการเติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับกำลังผลิตพลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งระบบจัดเก็บพลังงานระยะทนยาว ..
การขาดความมุ่งมั่นนี้ช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลจึงผลักดันราคาพลังงานให้กลับมาสูงขึ้นอีก เห็นได้ชัดว่า รัฐบาลต่าง ๆ ไม่ต้องการล็อกดาวน์เมื่อเผชิญกับตัวแปรโอไมครอน ความต้องการใช้น้ำมันน่าจะฟื้นตัวอย่างน้อยในระยะสั้นต่อไป ..
ในขณะเดียวกัน Opec+ ยังลังเลที่จะเพิ่มการผลิตอย่างมาก ในทำนองเดียวกัน อุตสาหกรรมหินดินดานของสหรัฐฯ US Shale Industry กำลังแสดงให้เห็นถึงวินัยทางการเงิน และอาจไม่มีวันถึงระดับการผลิตในปี 2562 อีกเลย ความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น สถานการณ์รัสเซีย – ยูเครน อาจผลักดันราคาให้สูงขึ้นอีก หากน้ำมันรัสเซียถูกถอดออกจากตลาดโลกเนื่องจากการคว่ำบาตร ..
ปัจจุบัน Group of Chief Scientific Advisors: GCSA ของคณะกรรมาธิการยุโรป European Commission ได้เผยแพร่แถลงการณ์ Statement on Energy Prices in Europe เพื่อตอบสนองต่อราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในยุโรปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในคำแถลงของพวกเขา รวมทั้งกลุ่มที่ปรึกษา ชี้ให้เห็นว่า การเร่งการเปลี่ยนผ่าน Accelerating the Green Transition ไปสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ เป็นวิธีแก้ปัญหาที่สามารถลดราคาพลังงานได้ในระยะยาว ..
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบรรลุการเปลี่ยนแปลงพลังงานสะอาด Energy Transition อย่างยุติธรรม และมีประสิทธิภาพ เพื่อลดวิกฤติสภาพภูมิอากาศ Climate Crisis .. ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผู้ที่ต้องทุกข์ทรมานจากปัญหาความขาดแคลนด้านพลังงาน Energy Poverty เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ ยุโรปต้องให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของนโยบายพลังงาน และมุ่งเดินหน้าไปสู่เป้าหมายนี้ร่วมกัน .. การตอบสนองของภาครัฐต่อราคาพลังงานที่สูงเกินเป็นเรื่องสำคัญ และผู้คนควรต้องได้รับการชดเชยทันทีสำหรับครัวเรือนที่เสี่ยงต่อปัญหาความขาดแคลนด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับเร่งการลงทุนสีเขียว Green Investments เพื่อเพิ่มสัดส่วนของกำลังผลิตพลังงานคาร์บอนต่ำในระยะยาว ..
การเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ จะทำให้ราคาพลังงาน Energy Prices มีเสถียรภาพในระยะยาว ส่วนแบ่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีราคาถูกกว่าการผลิตก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ทำให้ราคาไฟฟ้าขายส่งลดลงในปี 2562 ได้จริง .. ผู้เชี่ยวชาญมั่นใจว่า แหล่งคาร์บอนต่ำ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม คือ กุญแจสำคัญในการให้ทุกคนเข้าถึงความสะอาดได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งการบริการด้านพลังงานที่เป็นธรรม และทันสมัย ..
การเพิ่มสัดส่วนของพลังงานคาร์บอนต่ำในระบบพลังงาน จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลของยุโรป และประเทศต่าง ๆ ได้อย่างมาก และทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อภัยคุกคามจากภายนอก .. สหภาพยุโรป ควรบรรเทาผลกระทบของการผูกขาดด้านพลังงาน เช่น โลหะมีค่าที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ การส่งเสริมการรีไซเคิลแบตเตอรี่ และการวิจัยเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกที่มีราคาไม่แพง สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับวัสดุสำคัญในระบบจัดเก็บพลังงานบนโครงข่ายระบบสายส่งระยะทนยาว ..
ต้นทุนการผลิตที่ลดลงไม่จำเป็นต้องสะท้อนในราคาพลังงานของผู้ใช้ปลายทาง End – User Energy Prices .. อุปทานพลังงานคาร์บอนต่ำยังห่างไกลจากความต้องการ และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดยังต้องอาศัยการลงทุนครั้งใหญ่ Major Upfront Investment .. การระดมการลงทุนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องมีระบบการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ สม่ำเสมอ และยุติธรรม โดยยึดตามนโยบายที่ประสานกันซึ่งรวมถึงกลไกการกำหนดราคาคาร์บอนเป็นแรงผลักดันร่วมด้วย .. ความมุ่งมั่นทางการเมืองในระยะยาวที่จะยอมรับราคาคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ให้ได้ราคาสูงภายในปี 2593 นั้นมีความสำคัญ เนื่องจากการลดการปล่อยมลพิษจะยิ่งทำได้ยากขึ้น เมื่อเราเข้าใกล้เป้าหมายในการทำให้คาร์บอนเป็นกลางมากขึ้นอีก รวมถึงเป้าหมายการปล่อยมลพิษศูนย์สุทธิเป็นศูนย์ Net Zero ให้สำเร็จได้ในที่สุด ..
เป้าหมาย การสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสะอาด อย่างยุติธรรม และมีประสิทธิภาพ Making the Clean energy Transition Fair & Effective ..
การลงทุนขนาดใหญ่ที่จำเป็นเร่งด่วนในการผลิตพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Large – Scale Investment in Renewable Energy รวมถึงการยุติเทคโนโลยีที่เน้นการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม Phasing Out Emission – Intensive Technologies อาจนำไปสู่ราคาพลังงาน Energy Prices ที่สูงขึ้น และผันผวนรุนแรงในระยะสั้น ..
นอกจากนี้ แทบทุกมาตรการ และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสะอาด Clean Energy Transition เช่น การเก็บภาษีพลังงาน การห้ามรถยนต์ที่มีการปล่อยมลพิษสูง การกำหนดราคาคาร์บอน เป็นต้นนั้น มักจะส่งผลกระทบต่อส่วนที่เปราะบางที่สุดของสังคมมากกว่า โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับราคาพลังงานที่ผู้บริโภค และประชาชนทั่วต้องแบกภาระไว้ ซึ่งอาจสร้างความถดถอยในแผนงาน Green Transition ในภาพรวม เว้นแต่จะมีการวางกลไกชดเชย หรือให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ..
ดังนั้น การสนับสนุนข้อเสนอล่าสุดที่กระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ลงทุนในธุรกิจสีเขียวเพิ่มขึ้นเพื่อเร่งกระบวนเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด Energy Transition รวมทั้งการกำหนดราคาคาร์บอน .. ทั้งนี้ การเปลี่ยนผ่านของพลังงานสะอาด และผลประโยชน์ในทันทีของการลดการปล่อยคาร์บอน เช่น มลพิษน้อยลง และความมั่นคงด้านพลังงานที่สูงขึ้น ถือเป็นโอกาสในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตสำหรับผู้คนในสังคมทุกคน ไม่ใช่ภาระต่อสังคมแต่อย่างไร ..
ตัวอย่าง นโยบายของสหภาพยุโรป EU Policies to Combat Climate Change ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจได้รับผลกระทบจากการยอมรับทางสังคมอย่างจำกัด เว้นแต่จะมีการเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างราคาคาร์บอนสูงที่สะท้อนถึงความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการปล่อยมลพิษ และแผนการชดเชยสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด .. การบริการสาธารณะสำหรับการเปลี่ยนแปลงสีเขียว Green Transition อาจได้รับการสนับสนุนโดยการสร้างเงื่อนไขการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมเพิ่มขึ้นที่ทำให้การเลือกคาร์บอนต่ำเป็นธรรมชาติที่สุดสำหรับบุคคล และสังคมโดยรวม ..
แนวทางแก้ไขปัญหาการยอมรับทางสังคมนั้น จำเป็นจะต้องกรอบนโยบายพลังงานให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง .. สถานการณ์ทั้งหมดเพื่อให้บรรลุการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Emissions ภายในปี 2593 เกี่ยวข้องกับความต้องการพลังงานที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน .. การลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency และการประหยัดพลังงาน Energy Saving จึงจะกลายเป็นทางเลือกของภาคสังคมที่ไม่สูญเปล่า ..
แนวโน้มในอดีตชี้ให้เห็นว่ามาตรการประหยัดพลังงานไม่น่าจะมีประสิทธิภาพหากไม่มีนโยบายที่เข้มงวดในการตอบโต้ผลกระทบสะท้อนกลับ เช่น สถานการณ์ที่ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงขึ้นช่วยลดต้นทุน และทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่ ระบบอัจฉริยะ Smart Systems และระบบดิจิทัล Digitalization สามารถช่วยได้ .. การมีส่วนร่วมของสาธารณชน สำคัญยิ่ง และกลายเป็นสิ่งจำเป็น .. สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ หรือกฎระเบียบเพียงอย่างเดียว ..
การเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานเพื่อให้เกิดการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สทธิ คือ งานที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้เล่นที่แตกต่างกันมากมาย ตั้งแต่ผู้บริโภคไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม จากชุมชนสู่ภูมิภาค และจากระดับต่าง ๆ ของรัฐบาลไปจนถึงบริษัทฯ ทุกขนาด .. ภาครัฐมีบทบาทสำคัญ แต่การให้อำนาจแก่หน่วยงานในท้องถิ่นก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกันสำหรับระบบพลังงานสะอาดที่จะสามารถตอบสนอง และปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงได้เร็วยิ่งขึ้นได้ ..
ประชาชนควรได้รับการสนับสนุนให้มีบทบาทอย่างแข็งขันในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change ในฐานะผู้บริโภค ผู้ผลิต และสมาชิกในชุมชน .. พวกเขาควรได้รับความช่วยเหลือในการตัดสินใจเลือก และสนับสนุนในการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เน้นคาร์บอนสูง มาตรการเชิงนโยบายเพื่อขจัดอุปสรรคต่อการเลือกคาร์บอนต่ำดังกล่าว จำเป็นต้องมีความเข้าใจในตัวขับเคลื่อนทางวัฒนธรรม และสังคมของการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการสนับสนุนการริเริ่มด้านพลังงานสีเขียวในท้องถิ่น เช่น ชุมชนพลังงานสะอาด Energy Communities เป็นต้น ..
ในการทำให้การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานสีเขียวประสบความสำเร็จ แต่ละประเทศจำเป็นต้องมีแนวทางที่หลากหลายร่วมกับประชาชนผู้บริโภค .. ปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งรวมถึงมาตรการชดเชยความขาดแคลนด้านพลังงาน Energy Poverty ที่รวดเร็ว ควบคู่ไปกับการลงทุนเพื่อเพิ่มสัดส่วนของกำลังผลิตพลังงานคาร์บอนต่ำ Low – Carbon Energy Production และรวมถึงการลงทุนเพื่อพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียนในชุมชน หรือพื้นที่ห่างไกลนอกโครงข่ายระบบสายส่งที่สะอาดในระยะยาว ถือเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ด้วยเช่นกัน ..
คาดการณ์ตลาดการบริการด้านพลังงานทั่วโลก The Global Energy as a Service Market และตลาดพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Market ..
พลังงานทั่วโลกในฐานะตลาดภาคบริการคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 124.10 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2571 ซึ่งแสดง ด้วย อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี Compound Annual Growth Rate: CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับการลงทุนในตลาดการบริการด้านพลังงานทั่วโลก The Global Energy as a Service Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน อยู่ที่ค่า CAGR 9.9 % ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ ปี 2564 ถึง 2571 .. Fortune Business Insights™ ระบุในรายงานเรื่อง “Energy as a Service Market, 2021 – 2028” .. การเน้นไปที่แหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Sources ที่เพิ่มขึ้นภาครัฐของแต่ละประเทศจะส่งผลกระทบอย่างดีเยี่ยมต่อการเติบโตของตลาด ในขณะที่ ขนาดตลาดอยู่ที่ 59.17 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 ..
Energy as a Service: EaaS เป็นรูปแบบธุรกิจที่ผู้บริโภคชำระค่าบริการด้านพลังงาน และหลีกเลี่ยงการลงทุนล่วงหน้า .. การขยายตัวของชุมชนเมือง และภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วนำไปสู่การใช้ EaaS นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับความขาดแคลนเชื้อเพลิงฟอสซิลจากแผนลดกำลังผลิต Depletion of Fossil Fuels มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการพัฒนาตลาด นอกจากนี้ คาดหมายว่า ความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมสีเขียว ..
ทั้งนี้ ขนาดธุรกิจตลาดพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ทั่วโลกมีมูลค่า 881.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 และคาดว่าจะสูงถึง 1,977.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2573 .. ทั้งนี้ อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ค่า CAGR 8.4 % จากปี 2564 ถึง 2573 ..
ผลจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น Rise of the World’s Population การเติบโตของเมือง Urbanization และอุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูง ความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น การสร้างพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ในระดับโลก จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่ขยายตัว และรองรับแผนงานลดการใช้ทรัพยากรเชื้อเพลิงฟอสซิล ..
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Solar & Wind Power Plants ครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา พบว่า การลงทุนทั่วโลกในด้านกำลังผลิตพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy แตะระดับกำลังผลิตเกือบสามเท่าของกำลังการผลิตถ่านหิน และเชื้อเพลิงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติรวมกัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ พวกมันทั้งหมดรวมแล้วทำได้เพียงประมาณ 7 % ของความต้องการพลังงานทั่วโลกเท่านั้น .. การเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิต พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ให้ได้มากกว่า 60 – 70 % ของความต้องการพลังงานทั่วโลกด้วยความเร่งจากนี้ไป อย่างน้อยก่อนปี 2593 กลายเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้วิกฤติราคาพลังงานค่อย ๆ คลี่คลายลงโดยเร็วได้ในที่สุด ..
สรุปส่งท้าย ..
ราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนของผู้ผลิต กับราคาพลังงานที่ผู้บริโภคต้องจ่าย แตกต่างกันมาก แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่วิกฤติราคาพลังงานผันผวนรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด Clean Energy Transition นั้น อยู่ที่สภาพตลาด การบริหารจัดการอุปสงค์ และอุปทาน รวมทั้งความล่าช้าของการเข้ามาแทนที่แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดสถานการณ์ขาดแคลนพลังงาน ราคาพลังงานที่ผู้บริโภคต้องจ่ายก็จะถูกกระชากสูงขึ้น ขณะที่กรณีพลังงานล้นตลาด ราคาพลังงานก็จะร่วงลงต่ำสุดจนผู้ผลิตแทบจะไม่สามารถรักษาสภาพธุรกิจไว้ได้ ..
ตัวอย่าง ต้นทุนกำลังผลิตไฟฟ้าของเทคโนโลยีการผลิตคาร์บอนต่ำด้วยแหล่งพลังงานหมุนเวียนนั้น กำลังลดลง และต่ำกว่าต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ หมายถึง ต้นทุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และขณะนี้ ต้นทุนของพวกมันกำลังจะสามารถแข่งขันได้ในแง่ LCOE ในอีกไม่นาน ..
ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลราคาถูกในหลายประเทศ กับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ ๆ จะยังคงมีเสถียรภาพต่อไป รวมทั้งในข้อเท็จจริงแล้ว การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากการดำเนินงานในระยะยาวของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น ถือเป็นตัวเลือกที่มีต้นทุนน้อยที่สุด .. สำหรับแหล่งพลังงานจากการดักจับ CO2 ก็เช่นกัน มูลค่าที่คำนวณไว้ที่ 30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันของ CO2 และอยู่ระหว่างการพัฒนาในการดักจับ และกักเก็บคาร์บอน .. การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินกำลังหลุดออกจากช่วงการแข่งขัน มันราคาถูกมากก็จริง แต่พวกมันปล่อย CO2 สู่บรรยากาศจำนวนมาก รวมทั้งกำลังมีราคาสูงขึ้น ..
ค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงจาก Shale Gas และเป็นการยืนยันถึงบทบาทของการเปลี่ยนแปลงต้นทุนในภายหลัง ผู้อ่านจะได้พบกับรายละเอียด และการวิเคราะห์มากมายซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตัวเลข และตารางกว่า 100 รายการจาก IEA Report ปี 2020 ..
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 2564 ความหนาวเย็นในยุโรป และเอเชียได้เตือนถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเริ่มเพิ่มสูงขึ้น วิกฤติราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกคลี่คลาย โดยผู้บริโภคชาวยุโรปต้องแข่งขันกับผู้ซื้อในเอเชียเพื่อดึงดูดการส่งมอบก๊าซธรรมชาติเหลว Liquefied Natural Gas: LNG .. ราคาพลังงานที่เป็นก๊าซธรรมชาติของสหราชอาณาจักร ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.50 ปอนด์ ก่อนวันคริสต์มาส ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่าเมื่อเทียบกับ 12 เดือนก่อน .. ทั้งนี้ ราคาได้ลดลงตั้งแต่นั้นมาอีกรอบ เนื่องจากความต้อง LNG จากยุโรป และเอเชีย ลดลงในช่วงกลางปี แต่เนื่องเพราะพื้นที่แหล่งพลังงานที่เหลือน้อยลง และภาวะอากาศหนาวเย็นที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานในยุโรป และ/หรือ เอเชีย ช่วงปลายปี ได้ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2565 ..
ปัจจุบัน พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ถูกใช้ในภาคพลังงาน การทำความร้อน การผลิตกำลังไฟฟ้า การทำความเย็น ภาคการขนส่ง และอื่น ๆ .. สัดส่วนกำลังผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียนรวมกันอยู่ที่ประมาณเพียง 7 % ของความต้องการพลังงานทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งพวกมันเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังล่าช้าเกินไป เมื่อเทียบกับปริมาณพลังงานที่ลดลงจากการลดกำลังผลิตพลังงานแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ส่งผลให้เกิดปัญหาวิกฤติราคาพลังงาน ..
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามความคิดริเริ่มของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมในประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาในหลายประเทศ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน และลดเลิกการใช้แหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วไปเป็นหลักในการผลิตกำลังไฟฟ้า ได้กลายเป็นแรงผลักสำคัญที่ทำให้การใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมขนาดเล็ก หรือระบบผลิตไฟฟ้าพร้อมชุดแบตเตอรี่รูปแบบผสมผสาน Hybrid Solar & Wind Electric Systems with Battery & Thermal Storage เพื่อผลิตกำลังไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากในชุมชนอย่างมีนัยยะสำคัญ ..
การให้ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นผู้บริโภคพลังงานปลายทางได้ตระหนักรู้ถึงสถานการณ์อันตรายจากวิกฤติสภาพอากาศ Climate Crisis และอาจต้องอดทนต่อวิกฤติราคาพลังงานที่ผันผวนในช่วงเวลาสั้น ๆ เป็นระยะ ๆ จากนี้ไป .. ความต้องการทางสังคมของประชาชน ผู้คนในชุมชนเมือง หมู่บ้าน และในพื้นที่ห่างไกล เพื่อมีส่วนร่วมกับภาครัฐ และเอกชนในกระบวนเปลี่ยนผ่านพลังงานสีเขียว Green Transition ไปพร้อมด้วย ถือเป็นปัจจัยความสำเร็จสำคัญในการจำกัด และลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมได้มากพอที่จะทำให้อุณหภูมิโลกอยู่ต่ำกว่าจุดเล็ง 1.5°C หรือเข้าสู่บนเส้นทางศูนย์สุทธิ Net Zero ภายในปี 2593 ..
ดังนั้น การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง .. แผนงาน นโยบาย และมาตรการภาครัฐ ในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด Energy Transition ที่ระมัดระวังในประเด็นราคาพลังงานที่กระทบต่อผู้บริโภคปลายทาง รวมทั้งการดำเนินการเพื่อให้ Green Transition เดินหน้าไปด้วยความเร่งโดยแนวทางให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง กลายเป็นความจำเป็นสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้วิกฤติราคาพลังงานค่อย ๆ คลี่คลายลงโดยเร็วได้ในที่สุด ..
………………………………………..
คอลัมน์ : Energy Key
By….โลกสีฟ้า ..
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
ขอบคุณเอกสารอ้างอิง :-
Energy Prices are Unlikely to Fall in 2022 or Beyond – Not Until Major Importers Get Serious about Green Transition :-
Accelerating the Green Transition can Lower Energy Prices in the Long Term according to EU Chief Scientific Advisors :-
Looking through Higher Energy Prices? | Monetary Policy & the Green Transition :-
https://www.ecb.europa.eu/press/key/date/2022/html/ecb.sp220108~0425a24eb7.en.html
Is the Green Transition Forcing Up Energy Prices? :-
https://www.wbs.ac.uk/news/is-the-green-transition-forcing-up-energy-prices/
Natural Gas, Rising Prices and the Electricity Market :-
https://ukandeu.ac.uk/natural-gas-prices-electricity-market/
Behind the Energy Crisis: Fossil Fuel Investment Drops, and Renewables Aren’t Ready :-
U.S. Consumed More Renewables Than Coal for First Time in 134 Years :-
Energy as a Service Market Size to Reach USD 112.7 Billion by 2030 at CAGR 7.6% – Valuates Reports :-
Energy Price & Costs of Generating Electricity :-