ผลของการถดถอยใน ธุรกิจน้ำมันช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจ พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน หรือ พลังงานสะอาด ในอนาคตชาวโลกอาจสามารถจะยกเลิกการใช้มัน เพราะกำลังสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับสภาพแวดล้อมได้สำเร็จ
ในอดีต 10 ปีที่ผ่านมา ชาวโลกเคยเชื่อว่า น้ำมันดิบกำลังจะหมดลงในอีกไม่เกิน 20 ปี ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจดังกล่าว สุดท้ายกลายเป็นความเข้าใจที่ผิด เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในปัจจุบันว่า มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ยุคน้ำมันราคาถูกยืดออกไปจากปัจจุบันอีกอย่างน้อย 50 ปี ซึ่งมิใช่เกิดจากการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบใต้ดิน ใต้ก้นทะเล หรือ แหล่งใหม่ ๆ แต่อย่างใด แต่เป็นการพัฒนา Shale gas และ Shale oil ซึ่งอยู่ในหินภูเขา ไม่ได้อยู่ใต้พื้นดิน พื้นน้ำอีกต่อไป
การนำเข้าน้ำมันดิบของยุโรป เปลี่ยนจากการนำเข้าจากภูมิภาคตะวันออกกลาง มาเป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯเป็นหลัก สหรัฐฯกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสำคัญ และเป็นรายใหญ่ที่สุดในโลก มิใช่ภูมิภาคตะวันออกกลางอีกต่อไป ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯมีมูลค่ามากถึง 57 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า GDP ของประเทศไทยประมาณ 3 เท่า
การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในระยะเวลาเพียง 10 ปี และในปีที่ผ่านมาสหรัฐฯผลิตน้ำมันดิบได้มากถึง 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 19 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของทั้งโลก โดยการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯจาก Shale oil มีสัดส่วนถึง 51 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดของสหรัฐฯส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯเติบโตอย่างก้าวกระโดด แตกต่างจากในอดีตอย่างมาก อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯมีมูลค่าพุ่งถึงประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP ของสหรัฐฯและมีการจ้างงานธุรกิจน้ำมันนี้มากกว่า 10 ล้านคน จนเมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาถึง
อย่างไรก็ตาม เมื่อการระบาดรุนแรงของโควิด-19 มาถึง ความต้องการน้ำมันลดลงจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก รวมถึงการลดลงของการเดินทาง จึงทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงแบบดิ่งลงเหว ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) จึงเป็นราคาอ้างอิงแถบเมริกาเหนือ ราคาน้ำมันดิบ WTI ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2020 – ปัจจุบัน เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 16-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งลดลงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จากปลายปี 2019 จึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบริษัทน้ำมันในสหรัฐฯและธุรกิจน้ำมันในภาพรวมของโลกใบนี้
คาดกันว่า ณ ระดับราคา 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในสหรัฐฯเองอาจส่งผลให้มีบริษัทต้องล้มละลายมากกว่า 500 บริษัท และหากราคาลดลงไปมากกว่านี้อีก จะมีบริษัทในธุรกิจน้ำมันล้มลงมากกว่านี้อีกอย่างมากเช่นกัน ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าว ท้าทายอย่างมากต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯและระบบเศรษฐกิจของโลกในภาพรวม ซึ่งถือว่าเป็นการถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี อย่างไรก็ตาม การถดถอยในธุรกิจน้ำมันในช่วงการระบาดของโควิด-19 กลับทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน หรือ พลังงานสะอาดที่ราคาสูงกว่า
การผลิตแบบ Mass production มีแนวโน้มปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นการผลิตแบบ Mosaic production เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของโลก และการร้อนขึ้นของโลกใบนี้ และแม้ว่ายุคน้ำมันราคาถูกจะยืดออกไปอีก 50 ปี จากปัจจุบันก็ตาม แต่พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน ที่สะอาดก็มีราคาลดลงด้วย ซึ่งในอนาคตชาวโลกน่าจะใช้โอกาสนี้ในการยกเลิกการใช้น้ำมันที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับสภาพแวดล้อมได้สำเร็จในที่สุด
ในข้อเท็จจริงโลกเรามิได้ขาดแคลนแหล่งพลังงานแต่อย่างใด ปัญหาจริง ๆ อยู่ที่ราคา และความมุ่งมั่น ความสำนึกที่จะมุ่งมั่นใช้พลังงานที่สะอาดกว่า และรักษ์โลกมากขึ้นกว่านี้ เชื่อว่า เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีมากขึ้นกว่านี้อีก โลกเราอาจไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากแหล่งเชื้อเพลิงน้ำมันดิบอีกต่อไปสักหยดก็เป็นไปได้ในที่สุด
………………………………
คอลัมน์ : Energy Key
โดย “โลกสีฟ้า”
ขอบคุณ เอกสารอ้างอิง :
Oil prices turned negative. Hundreds of US oil companies could go bankrupt :-https://edition.cnn.com/2020/04/20/business/oil-price-crash-bankruptcy/index.html
US shale oil prospects, 2010-2024 :-https://www.iea.org/data-and-statistics/charts/us-shale-oil-prospects-2010-2024
Employment in the United States from 2010 to 2020 :-https://www.statista.com/statistics/269959/employment-in-the-united-states/
Cushing, OK WTI Spot Price FOB (Dollars per Barrel) :-https://www.eia.gov/dnav/pet/hist/LeafHandler.ashx?n=PET&s=RWTC&f=M
U.S. Crude Oil Production – Historical Chart :-https://www.macrotrends.net/2562/us-crude-oil-production-historical-chart