แม้ไม่มีศึกสงคราม แต่ทหารยังเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ทั้งประสบภัยแล้ง ภัยหนาว และการช่วยทำ รพ.สนาม ที่รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทหารไทยทำได้ทุกอย่าง
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ TheKeyNews ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 16 ม.ค. 64 ช่วงนี้อากาศทุกภาคหนาวเย็น อย่าลืมดูแลสุขภาพโดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัดโควิด-19 ต้องไม่อยู่รวมกับกับคนหมู่มาก ต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ และต้องสวมหน้ากากอนามัย ถ้าช่วยกันระมัดระวังก็จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดได้
@@@……แม้ว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง จะมีภารกิจล้นมือ ก็ได้มอบหมายพล.อ.คำรณ เครือวิชฌยาจารย์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด/รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ตรวจพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางจังหวัดมีมาตรการให้ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกคน หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษทางกฎหมาย ซึ่งได้ประกาศไว้ตั้งแต่สถาน การณ์ Covid -19 ระลอกแรก นอกจากนี้ยังได้มีการจัดโรงพยาบาลสนามที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ศรีอยุธยา ไว้จำนวน 60 เตียง ศูนย์กีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 15 เตียง และกำลังดำเนินการจัดทำโรงพยาบาลสนามสำรองที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา จำนวน 370 เตียง
@@@……พล.อ.อ.สุทธิพันธุ์ ต่ายทอง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด/รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถาน การณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ตรวจพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID – 19) และการดำเนินการของกรุงเทพมหานครในการแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรค ตั้งแต่ที่มีการระบาดในระลอกแรก คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพ มหานคร ได้มีการประชุมพิจารณาและกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด
@@@……ในการประชุมประจำวันของกองทัพบก ทาง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกองทัพ โดยเฉพาะในส่วนของกองกำลังชายแดนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในการป้องกันการลักลอบข้ามแดน ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยให้ทุกคนบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นสูงสุด เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเกิดความยำเกรง กองทัพทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. และใช้เครื่องมือที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับการตรวจคัดกรองเข้ามา
@@@…ผบ.ทบ. ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก และทุ่มเททำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในช่วงนี้ ไม่อยากให้ใช้คำเหมารวมว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนในการรับประโยชน์จากขบวนการแรงงานต่างด้าว เพราะเป็นการกระทำผิดในส่วนของบุคคลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากพบข้อมูลก็ขอให้แจ้งกองทัพบกเพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จึงอยากให้แยกทั้งสองส่วนออกจากกัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของเจ้าหน้าที่
@@@……ผลตรวจออกแล้ว…..พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า จากกรณีกำลังพลเรือหลวงจักรีนฤเบศร จำนวน 2 นาย ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องมีการกักตัว และทำการตรวจหาเชื้อกำลังพลเรือหลวงจักรีนฤเบศรจำนวน 270 นายนั้น ล่าสุด กรมแพทย์ทหารเรือได้ส่งผลการตรวจการสอบสวนและควบคุมโรคของกำลังพลเรือจักรีนฤเบศรที่กักตัวควบคุมโรคครบแล้วทุกนาย ซึ่งกำลังพลทั้ง 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ที่กักตัวที่อาคารรับรองสัตหีบ จำนวน 210 นาย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกำลังพลกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง จำนวน 9 นาย กักตัวสังเกตอาการระหว่างวันที่ 10-24 ม.ค.64 ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลตรวจไม่พบเชื้อ กำลังพลกลุ่มที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง จำนวน 201 นาย กักตัวที่อาคารรับรอง ฐานทัพเรือสัตหีบ สังเกตอาการระหว่างวันที่ 11-25 ม.ค.64 ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 11 ม.ค.64 ผลตรวจไม่พบเชื้อ
@@@……2.ผู้ที่กักตัวที่เรือ ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่เตรียมความพร้อมอยู่บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร เช่น การดูแลรักษาอุปกรณ์ ป้องกันเพลิงไหม้ และเข้ายามรักษาการณ์ จำนวน 60 นาย ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 11 ม.ค.64 เรียบร้อย ผลตรวจไม่พบเชื้อ ทุกคนยังคงแข็งแรงและปฏิบัติงานได้ตามปกติ 3.ผู้ที่กักตัวที่บ้าน คือผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติงานที่เรือในช่วงเวลาเดียวกับผู้ติดเชื้อ และผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ ก่อนหน้านี้ จำนวน 17 นาย ผลตรวจไม่พบเชื้อ
@@@…อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วยดูแลกำลังพลของเรือหลวงจักรีนฤ เบศรเป็นอย่างดี ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่ส่งกำลังใจมาตลอดตามสื่อต่างๆ โดยกองทัพเรือขอให้คำมั่นว่าจะยังคงปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป และคงทำกำลังให้พร้อมสำหรับทุกภารกิจอยู่เสมอ เพื่อให้สมดังเจตนารมณ์ในการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจตลอดไป
@@@……พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมได้รับทราบมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 ม.ค.64 เรื่องอนุมัติหลักการการเสนอขอรับงบประมาณ เกี่ยวกับแผนงานและโครงการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป ประจำปีงบประมาณ 65 โดย กษ.(กรมชลประทาน)ได้เสนอแผนงาน 7โครงการ ,มท.เสนอ 8โครงการ ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) 3 โครงการ และกทม. 5 โครงการ เพื่อการแก้ไขปัญหาน้ำในภาพรวมทั้งการป้องกันน้ำท่วม และการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง มุ่งบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากภาวะดังกล่าว
@@@……ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบโครงการขนาดใหญ่ที่ยังไม่ผ่าน กนช. แต่ได้เสนอ ครม.ไปแล้วจำนวน 8 โครงการ ได้แก่ กรมชลประทาน 2 โครงการ (การบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรี ตอนล่างและการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองค้อ-บางพระ จ.ชลบุรี), กปภ. 2 โครงการ (การปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาชลบุรี และสาขาพัทยา), กทม. 4 โครงการ ได้แก่ การสร้างเขื่อน คลองบางไผ่,คลองแสนแสบ,คลองบางนา และส่วนต่อขยายอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ รวมถึงโครงการสถานีสูบน้ำดิบ พร้อมระบบท่อส่งน้ำ เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองต้นแบบสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จ.ปัตตานี และช่วยส่งเสริมการฟื้นฟู เศรษฐกิจ ของภาคใต้
@@@……มอบเครื่องกันหนาว……พ.อ.รฐนนท รัตนโสภณ ผู้บังคับการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่31 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชา การทหารพัฒนา และส่วนราชการในพื้นที่อ.ปัว จ.น่าน ให้การต้อนรับพลโท อนุสรรค์ คุ้มอักษร รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ฝ่ายบริหาร) และคณะชมรมแม่บ้านนทพ.ในโอกาสมอบผ้าห่ม จำนวน 600 ผืน และเครื่องกันหนาว จำนวน 200 ชุด ให้แก่นักเรียน คณะครูราษฎร และลงพื้นที่เยี่ยมเยียน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ในพื้นที่ ต.ภูคา เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นและได้พบปะกำลังพล และให้โอวาทแก่ผู้ที่มาร่วมงานทุกคน
@@@……เห็นเงียบ ๆ ด้วยกลัวการติดเชื้อโควิด แต่บนโลกโซเชียลไม่ได้เงียบ กองทัพโซเชียลของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ไม่เพียงลุยมุ่งมั่นด้อยค่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เท่านั้น ยังเดินหน้าด้อยค่าสถาบัน อย่างต่อเนื่อง มีการให้ร้ายโครงการหลวง ทั้งๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนชาวไทนที่ห่างไกลด้อยโอกาส และสถาบันยังคงมีอยู่ ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งให้ นายบรรสาน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมหน่วยงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการต่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตรวจสอบการจาบจ้วงสถาบัน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงยังคงต้องเฝ้าระวังการติดป้ายในที่สาธารณะ เพื่อโจมตีสถาบันฯและนําไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยจะเห็นได้จาก ปัจจุบันมีการนําป้ายในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไปติดไว้ตามสถานที่สําคัญต่างๆ ซึ่งง่ายต่อการพบเห็น
@@@……สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคง เฝ้าดูเปรียบเทียบเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ หรือ The US Capitol แล้วมีความคล้ายคลึงกับไทยในหลายแง่มุม โดยเฉพาะเรื่องการจัดการภาครัฐในสถานการณ์ฉุกเฉิน พบว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของวอชิงตัน ดีซี ถือว่ารวดเร็วมาก ไม่มีการลังเล แต่มาตรการรับสถานการณ์จริงๆ นั้น ตำรวจรัฐสภาฯ ปฏิบัติได้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากการประมาณสถานการณ์ผิดพลาด จำนวนผู้ประท้วงที่บุกเข้ามามีจำนวนมากกว่าที่คาด
@@@…ดังนั้น ก่อนที่จะถึงวันที่ 20 ม.ค. นี้ จึงได้เห็นภาพการเตรียมพร้อมของกำลังทหารจาก National Guard ซึ่งถืออาวุธครบมือ เคลื่อนย้ายวางกำลังอยู่เต็มรัฐสภาสหรัฐฯ และมันคือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองสหรัฐฯ ที่น่าอัปยศ ที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยเอง ก็จะต้องติดตามเป็นตัวอย่างกรณีศึกษา ให้เกิดการเรียนรู้ไว้เป็นบทเรียน เพื่อประยุกต์ใช้ต่อสถานการณ์คล้ายๆ กัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เช่นกันในประเทศไทยเมื่อไรก็ได้ในอนาคต
@@@……ทั้งนี้ ยังมีแง่มุมทางกฏหมายที่น่าคิดอีกประเด็นเกี่ยวกับข้อหาของ ประธานาธิบดีทรัมพ์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าปลุกปั่นยุยงให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง คล้ายคลึงกับกฏหมายอาญามาตรา 116 ของไทย โดยสภาล่างของสหรัฐฯ ลงมติถอดถอนความเป็นประธานาธิบดี ส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อนั้น ซึ่งหากเป็นประเทศไทย ข้อหาดังกล่าวคงไม่มีผลอะไร นอกจากจับแล้วปล่อย จับแล้วปล่อยเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม FBI ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ คาดว่าผู้สนับสนุน ประธานาธิบดีทรัมพ์ ที่ไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้ง จะแสดงกำลังและก่อความวุ่นวายขึ้นอีก จึงมีการเตรียมบังคับใช้กฏหมายอย่างเฉียบขาด มีการควบคุมการใช้สื่อโซเชียลอย่างเข้มงวด แตกต่างสิ้นเชิงกับมาตรการของไทย ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและหน่วยเกี่ยวข้อง จะต้องเก็บเกี่ยวบทเรียนไว้ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทยต่อไป
@@@……กองทัพอากาศ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้นำกำลังพลของกองทัพอากาศ ร่วมบริจาคโลหิต ณ กองบริการโลหิต อาคารศูนย์มะเร็ง ชั้น 3 โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เพื่อบรรเทาปัญหาโลหิตสำรองขาดแคลนดังกล่าว พร้อมทั้งเชิญชวนกำลังพลของกองทัพอากาศ ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่มีสุขภาพดี ร่วมกันบริจาคโลหิต เพื่อให้โรงพยาบาลมีโลหิตเพียงพอสำหรับการรักษาผู้ป่วย
@@@…นอกจากนี้ “กองทัพไทย” ยังได้เตรียมการจัดโครงการบริจาคโลหิตเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกำหนดเริ่มโครงการในวันที่ 1 ก.พ. ถึง 30 มิ.ย. 2564 โดยกองทัพอากาศได้เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย จึงขอเชิญชวนกำลังพลกองทัพอากาศ ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่มีสุขภาพดี สามารถบริจาคโลหิตได้ที่โรงพยาบาลทหาร หรือโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ
@@@……ขณะที่ กองทัพบก ขอเชิญชวนประชาชน กำลังพลและครอบครัว ร่วมบริจาคโลหิต ซึ่งในหลายพื้นที่ได้ขาดแคลนโลหิตหลังโควิดระบาดระลอกใหม่ ทำให้ผู้บริจาคลดน้อยลง ส่งผลกระทบทำให้ภาวะโลหิตสำรองไม่เพียงพอ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษา ทั้งนี้ สามารถติดต่อขอบริจาคได้ที่ สถาบันพยาธิวิทยา กรมแพทย์ทหารบก (โทร. 0 2354 7579), ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย (โทร. 0 2263 9600-99), ธนาคารเลือด โรงพยาบาลศิริราช (โทร. 0 2419 8081) หรือศูนย์รับบริจาคโลหิตใกล้บ้านท่าน
@@@……ตามที่ มูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนเตรียมทหารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศกำหนดจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร ครบรอบปีที่ 63 และงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2564 ในวันที่ 27 ม.ค.2564 ณ โรงเรียนเตรียมทหาร อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก นั้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงการระบาดของโรคดังกล่าวจากการจัดกิจกรรม-การชุมนุม จึงขอเลื่อนการจัดงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2564 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด.
……………….
คอลัมน์ “Military Key”
โดย “รหัสมอร์ส”