ฝ่ายความมั่นคง ห่วง แกนนำเคลื่อนไหวนอกสภาได้รับการประกันตัวความผิด ม.112 จะเคลื่อนไหวปลุกกระแสการชุมนุมเพื่อกดดันกระบวนการยุติธรรม ยันเดินหน้าเฝ้าจับตามองการทำกิจกรรม
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 4 ก.พ.2566 ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่โหมดของการเตรียมการเลือกตั้ง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร นักการเมืองขุดเอามาอภิปรายในสภาได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องของกองทัพ
@@@…….สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตบทรัพย์นักท่องเที่ยว ซึ่งหน่วยเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และเที่ยงธรรม ใครทำอะไรผิดก็ต้องรับผิดไปตามกฏหมายบ้านเมืองแล้ว กลุ่มการเมืองฝ่ายค้านร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมนอกสภา เคลื่อนไหวสําคัญอีกคร้ังในทางการเมือง ด้วยการนํากรณี 2 นักกิจกรรมท่ี ถูกคุมขังตามความผิด ม.112 ที่อดอาหารประท้วงภายในเรือนจํา เพื่อสร้างเงื่อนไขต่อรองข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ตามที่ปรากฏเป็นกระแสอย่างกว้างขวางในขณะน้ี นําไปเป็นกรณีเร่งด่วนยื่นญัตติด้วยวาจาในการประชุมสภาฯ พร้อมทั้งอภิปรายสนับสนุนให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมท้ังระบบ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ในระหว่างการอภิปราย ให้เหตุผลต่อประเด็นดังกล่าวในการอภิปรายเป็นเชิงชี้นําให้สังคมเห็นว่า กระบวนการยุติธรรม ถูกครอบงําจากผู้มีอํานาจ ทําให้ขาดความเป็นอิสระ ขณะที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนในลักษณะเดียวกัน หากแต่แฝงนัยพาดพิงสถาบันฯ ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ข้อกฎหมายตาม ม.112 ด้วยแง่มุมด้านลบอย่างมีนัยสําคัญ
@@@…….ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านต่อกรณีนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการอาศัยเวทีสภาฯ กดดันรัฐบาล และกระบวนการยุติธรรม ให้ดําเนินการตามข้อเรียกร้องของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคก้าวไกล ที่ต้องการให้ท้ายกลุ่มมวลชนเหล่าน้ี ที่มุ่งล้มล้างสถาบันฯ มาโดยตลอด ซึ่งสอดรับกับเป้าประสงค์ของพรรคฯ ที่รณรงค์ยกเลิกกฎหมาย ม.112 และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการให้ยกเลิก ม.112 นี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในกระบวนล้มล้างสถาบัน โดยหากทำสำเร็จได้ ก็จะมีการเรียกร้องการปฏิรูปเพื่อโค่นล้มสถาบันหลักของชาติต่อไป รวมถึงการดำเนินการให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐหลังการเลือกตั้งให้สำเร็จให้ได้ก่อน .. อย่างไรก็ตาม สังคมไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องฯ ทั้งยังเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นไปโดยชอบแล้ว จึงเชื่อได้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่อาจสร้างแรงเสียดทาน ให้กับรัฐบาลได้มากนัก แต่ก็จะประมาทไม่ได้ ซึ่งฝ่ายความมั่นคง จะยอมให้เกิดขึ้นเช่นนั้นคงไม่ได้เช่นกัน
@@@……. ขณะที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มเห็นต่างบนถนนนอกสภา โดยเฉพาะกลุ่มทะลุฟ้า กลุ่มทะลุวัง กลุ่มทะลุคุก และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ในพื้นที่ กทม.มีความพยายามอย่างหนักที่จะรุกคืบมากขึ้น โดยเห็นได้จากการที่แกนนํา ที่ได้รับการประกันตัวในความผิด ม.112 ได้ยื่นคําร้องขอให้ศาลฯ ถอดกําไล EM ซึ่งศาลได้อนุญาตแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ว่า กลุ่มการเมืองนอกสภาเหล่านี้ อาจนําไปใช้เป็นเงื่อนไขปลุกกระแสการชุมนุม เพื่อกดดันกระบวนการยุติธรรมต่อกรณีอื่น ๆ อีก ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง ยังคงติดตามเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานไว้ หากมีการกระทำใด ๆ ที่เป็นการละเมิดกฏหมาย หรือมีการล่วงละเมิดต่อสถาบันหลักของชาติแล้ว จะได้สามารถดำเนินการตามกฏหมายได้ในทันที
@@@……มาที่งานวันทหารผ่านศึก…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ วางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2566 ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลให้การสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ และผู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและรักษาความมั่นคงของชาติ ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของทหารผ่านศึก ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกปักรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้คงอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ และเป็นการเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย โดยมีผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย สมาคม ชมรม มูลนิธิ ตลอดจนทหารผ่านศึกนอกประจำการกรณีสงครามต่าง ๆ ร่วมวางพวงมาลา
@@@……กองทัพบก….พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีวันสถาปนาหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ครบรอบปีที่ 75 ณ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน โดยมี พล.ท. วสุ เจียมสุข ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน คณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลของหน่วยให้การต้อนรับ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) เป็นกรมฝ่ายกิจการพิเศษขึ้นตรงต่อกองทัพบก มีขอบเขตความรับผิดชอบครอบคลุม 4 กิจงานหลัก ได้แก่ กิจการกำลังพลสำรอง, กิจการนักศึกษาวิชาทหาร, กิจการสัสดี และกิจการอาสารักษาดินแดน มีหน่วยขึ้นตรง ประกอบด้วย ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร (ศศท.) ศูนย์การกำลังสำรอง (ศสร.) และ กองพันทหารราบ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (พัน.ร.นรด.)
@@@……หน่วยจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2491ตามแนวความคิดในการที่จะฝึกวิชาทหารให้แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการเตรียมการด้านกำลังพลสำหรับการสงครามในอนาคต โดยเริ่มทำการฝึกผู้ที่จะมาเป็นผู้บังคับบัญชาก่อน จากนั้นจึงได้ทำการฝึกวิชาทหารให้กับพลเมืองต่อไป ซึ่งแนวคิดนี้ได้พัฒนามาเป็น “นักศึกษาวิชาทหาร” และดำเนินการเรื่อยมาในนามของ กรมการรักษาดินแดน ตราบจนกระทั่งปี พ.ศ 2544 จึงได้ควบรวมเข้ากับ กรมการกำลังสำรองทหารบก ใช้นามหน่วยใหม่ว่า หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง เพื่อบูรณาการกิจการที่เกี่ยวกับกำลังสำรองทั้งปวงให้อยู่ภายใต้การบริหารของหน่วยงานเดียว และต่อมาในปีพ.ศ.2552 ได้มีการเปลี่ยนแปลงนามหน่วยอีกครั้งเป็น “หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน” และยึดถือวันที่ 4 ก.พ. ตามการจัดตั้งกรมการรักษาดินแดน เป็นวันสถาปนาหน่วย
@@@……ปัจจุบัน หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ดำเนินภารกิจโดยมี พล.ท.วสุ เจียมสุข เป็น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ซึ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนางานในความรับผิดชอบทั้ง 4 กิจงานหลัก โดยเน้นความทันสมัยด้วยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับให้อนุมัติใช้เป็นปีแรก ภายใต้ชื่อ Recruit 4.0 (สนับสนุนกิจการสัสดี) และ Reserve 4.0(สนับสนุนกิจการกำลังพลสำรอง) หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 76 และดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่ประกาศไว้ว่า จะเป็นหน่วยงานที่“เป็นกลไกหลักของกองทัพบกในการเตรียมกำลังสำรองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นองค์กรที่มีความสมบูรณ์และทันสมัย เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น และศรัทธาจากประชาชน”
@@@……กองทัพเรือ….พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้การต้อนรับ นายเปาโล ดีโอนีซี (Mr. Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี ประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคำนับและแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ เนื่องในโอกาสที่เข้ารับหน้าที่ใหม่ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกองทัพเรือทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ กองทัพไทยและกองทัพอิตาลี มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเป็นเวลานาน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บังคับบัญชาระดับสูง และการเยือนเมืองท่าของเรือรบอย่างต่อเนื่อง
@@@……นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมอิตาลียังได้สนับสนุนการศึกษาด้านการทหารทั้งใน โรงเรียนนายเรืออิตาลี และโรงเรียนเสนาธิการทหารเรืออิตาลี รวมทั้งหลักสูตรการฝึกอบรมทางทหารอื่น ๆ ซึ่งนับว่าเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองกองทัพ ตลอดจนยุทโธปกรณ์ที่กองทัพเรือใช้มากที่สุดคือ ปืนเรือและลูกปืนขนาด 76/62 มม. ของบริษัท OTO Melara ซึ่งเป็นบริษัทของอิตาลี ทั้งนี้เรือและยุทโธปกรณ์ที่จัดหามาจากประเทศอิตาลีล้วนมีคุณภาพสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
@@@…… พล.ร.ต.อนุวัต ดาผิวดี เลขานุการกองทัพเรือ เป็นประธานในการจัดกิจกรรมวันสถาปนาสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ครบรอบ 68 ปี ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2498 โดยได้จัดตั้งพร้อมกับกองกิจการทหารเรือ อย่างไรก็ตาม ในเริ่มแรกมีการเรียกชื่อสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือในหลายลักษณะ โดยแปรผันตามหน้าที่ในยุคสมัยที่แตกต่างกัน เช่น กรมปลัดทหารเรือ หรือ สภากองทัพเรือ เป็นต้น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2498 ได้มีการปรับปรุงหน้าที่ของข้าราชการกองทัพเรือในส่วนกระทรวงกลาโหม จึงได้จัดตั้งสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือขึ้นอย่างเป็นทางการ
@@@……สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ เป็นหน่วยขึ้นตรงกับกองทัพเรือ ซึ่งมีภารกิจและหน้าที่คือ ดำเนินการเกี่ยวกับงานเลขานุการ และงานธุรการให้กับผู้บัญชาการทหารเรือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เสนาธิการทหารเรือ และผู้ดำรงตำแหน่งอื่นตามที่ผู้บัญชาการทหารเรือมอบหมาย ตลอดจนดำเนินงานและประสานงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมภาพลักษณ์ และการประชาสัมพันธ์ของกองทัพเรือ จึงถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่จะช่วยให้การปฏิบัติงานต่าง ๆ ของผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่น รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับการนำเสนอภาพลักษณ์ของกองทัพเรือผ่านสื่อต่าง ๆ ไปสู่สายตามวลชน เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจดียิ่งขึ้นถึงภารกิจ บทบาทของกองทัพเรือที่ปกป้องความมั่นคงของชาติ ธำรงรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และช่วยเหลือประชาชนในยามมีภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งนี้ในปัจจุบัน พลเรือตรี อนุวัต ดาผิวดี ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการกองทัพเรือ และมี นาวาเอก วสันต์ ไตรจิต และ นาวาเอก ปารัช รัตนไชยพันธ์ เป็นรองเลขานุการกองทัพเรือ
@@@……กองทัพอากาศ…..พล.อ.อ. อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี ประจำปี 2566 พร้อมทั้งได้มอบรางวัลให้แก่ นักบิน และหน่วยกำลังรบ ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันในแต่ละประเภท ในโอกาสนี้ ผบ.ทอ. ได้กล่าวให้โอวาทแก่คณะกรรมการจัดการแข่งขัน และผู้เข้ารับรางวัล ตอนหนึ่งว่า กองทัพอากาศ เป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงของประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องก้าวทันเทคโนโลยี และภัยคุกคามทุกรูปแบบอยู่เสมอ ต้องมุ่งมั่นพัฒนากองทัพอากาศในทุกด้านอย่างสมดุลและเป็นระบบ ทั้งมิติด้านกำลังทางอากาศ มิติด้านไซเบอร์ และมิติด้านอวกาศ ตลอดจนการพัฒนาการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อความมั่นคงของชาติ และพี่น้องประชาชน
@@@……สำหรับการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี ประจำปี 2566 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2565 – 13 ม.ค. 2566 ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล, พื้นที่การฝึก กองบิน 1, 2, 4, 5, 6, 46 และโรงเรียนการบิน ซึ่งการแข่งขันฯ ได้แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถและความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการ กำลังพล และยุทโธปกรณ์ ในการปฏิบัติภารกิจการใช้กำลังกองทัพอากาศ เพื่อการป้องกันราชอาณาจักร การรักษาความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนตามที่ได้รับมอบหมาย
………………………………….
คอลัมน์ : “Military Key”
โดย… “รหัสมอร์ส”