วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“กลาโหม”ชิงปฏิรูป“กองทัพ” ก่อน“รัฐบาลใหม่”เข้าบริหาร
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กลาโหม”ชิงปฏิรูป“กองทัพ” ก่อน“รัฐบาลใหม่”เข้าบริหาร

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 3 มิ.ย. 2566 สถานการณ์การเมืองอยู่ในช่วงของการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ก็ต้องดูกันต่อไปว่ารัฐบาลใหม่จะออกมาเป็นรูปร่างแบบไหน…??

 

@@@……สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ช่วงเวลาที่รอการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของ กกต. ซึ่งปัจจุบัน พรรคการเมืองที่ได้รับการคาดว่าจะมีจำนวน ส.ส.มากที่สุด ยังคงพยายามเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลให้ดูเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเห็นได้จากการจัดประชุมพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อตอบสนองปัญหาด้านต่าง ๆ ของประชาชนทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และด้านความมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้เห็นถึงความพร้อม และศักยภาพในการเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรค รวมทั้งเป็นการลดทอนประเด็นความขัดแย้ง จากกรณีช่วงชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรกับพรรคที่คาดว่าจะมีจำนวน ส.ส.มาเป็นอันดับ 2 ที่กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

@@@……โดยเฉพาะการถูกตั้งข้อสังเกตว่า พรรคการเมืองที่ได้รับการคาดว่าจะมีจำนวน ส.ส.มากที่สุด อาจพลาดโอกาสเป็นรัฐบาลหากไม่สามารถรั้งตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการนำไปสู่ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ไว้ได้ โดยคาดว่าพรรคน่าจะตระหนักดี จึงได้มีการเคลื่อนไหวพบปะประชาชน และองค์กรภาคเอกชนในระหว่างนี้ เพื่อสร้างกระแสอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามขณะนี้สังคมส่วนใหญ่เริ่มมีความกังวลว่า หากพรรคการเมืองที่ได้รับการคาดว่าจะมีจำนวน ส.ส.มากที่สุด ได้รับตำแหน่งประธานสภาฯ และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ อาจมีการใช้ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นกลไกในการปล่อยให้มีการอภิปรายจาบจ้วงสถาบันฯ กรณีมีการเสนอแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 เข้าสู่สภาฯ ซึ่งอาจนำไปสู่ความแตกแยกทางสังคมอย่างรุนแรงในภายหน้า .. ทั้งนี้ การจัดประชุมพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมิได้แสดงถึงความก้าวหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีนัยสำคัญแต่อย่างไร เพียงยืนยันให้เห็นถึงความพยายามร่วมกันเท่านั้น

FB / วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

@@@……ในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีค่าแรง 450 บาท ตามกรอบเวลา 100 วันแรกหลังจากเข้ารับหน้าที่ฯ ตามที่ได้ให้สัญญากับประชาชนในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็น ที่น่าสังเกตว่า ภายหลังการพบปะหารือกับองค์กรภาคธุรกิจเอกชน ได้มีการแถลงผลการหารือ โดยได้มีการตั้งข้อสังเกตเชิงทุจริตเกี่ยวกับ ระเบียงเศรษฐกิจ EEC, การบริหารเศรษฐกิจ BCG และเศรษฐกิจชายแดนอย่างมีนัยสําคัญ .. ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า การสื่อสารในลักษณะนี้ ก็เพื่อต้องการให้สังคมเห็นว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล มีปัญหาการทุจริตคอรัรัปชัน ส่งผลไปถึงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งการหยิบยกประเด็นค่าแรง 450 บาท ขึ้นมากล่าวอ้างในห้วงนี้ก็เพื่อต้องการให้เกิดกระแสเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคเข้าสู่ตําแหน่งนายกรัฐมนตรี จากประชาชนเหล่านี้ ทั้งยังใช้เป็นข้ออ้างในการกดดัน ส.ว. อีกทางหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม มีนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์หลายคนออกมาให้เหตุผลเชิงวิเคราะห์ว่า อัตราค่าแรง 450 บาท ไม่น่าจะกระทําได้ตามห้วงเวลา ที่พรรคได้หาเสียงไว้ จึงมีความเป็นไปได้ว่ากรณีนี้อาจทําให้กระแสความเชื่อมั่นของประชาชน อาจถูกลดทอนลงได้

@@@……สำหรับในประเด็นส่วยรถบรรทุกนั้น ฝ่ายความมั่นคง มองว่าเป็นกระบวนการอั้งยี่ซ่องโจรของกลุ่มอิทธิ พลเพื่อตบทรัพย์ผู้ประกอบการรายย่อยในการคุ้มครองธุรกิจของพวกเขาเองด้วยการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยว ข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย และมีเกิดขึ้นกลายเป็นระบบเก่าแก่มานานแล้ว ดังนั้นจึงมีความซับซ้อน และดำเนินการปราบปรามด้วยการใช้กฎหมายได้อย่างยากเย็น แม้จะมีความพยายามปราบปรามมาก่อนหน้านี้แล้วเป็น 10 ปี ก็ยังไม่สำเร็จได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของการต่างตอบแทนของผู้ประกอบการ หรือเป็นความโลภที่ความต้องการทำรายได้ทำกำไรให้มากขึ้น จึงจงใจที่จะต้องละเมิดกฎหมายของตัวผู้ประกอบการเองมาพร้อมด้วย และรวมถึงความนิยมที่จะใช้เงินสด ส่งผลให้การแสวงหาหลักฐานมัดแน่นเพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดนั้น กลายเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะระบุตัว การสำคัญ ซึ่งอาจจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ฝ่ายการเมือง กลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ หรืออาจเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งเองที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงด้วย

@@@……ด้วยเหตุนี้ การจัดการให้กระบวนการส่วยรถบรรทุกเหล่านี้ หมดสิ้นไป จึงต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย การบังคับใช้กฎหมาย และการปรับปรุงตัวบทกฎหมายให้เหมาะสม และเป็นไปได้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ .. อย่างไรก็ตาม เพื่อให้กระบวนการทุจริต ตบทรัพย์ และการเอาเปรียบผู้ประกอบการที่เคารพกฎหมาย ลดน้อยลง หรือหมดไปจากสังคมไทยนั้น การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เช่น ความซื่อสัตย์ อดทน เสียสละ เมตตากรุณา จิตอาสาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งการทำความเข้าใจเรื่องหน้าที่พลเมืองของผู้คนในระบบการศึกษาให้แตกฉานตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นเรื่องสำคัญที่ภาครัฐ และภาคประชาสังคม จะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมไทยน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการปลูกฝังค่านิยมเคารพกฎหมาย และไม่ปล่อยคนชั่วลอยนวล คือ แรงผลักสำคัญที่ฝ่ายความมั่นคง เชื่อมั่นว่าเป็นปัจจัยความสำเร็จในการจัดการกับการทุจริตประพฤติมิชอบในสังคมไทยให้หมดสิ้นลงไปได้ในที่สุด

@@@……ในการประชุมสภากลาโหม ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยที่ประชุมให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ สร้างการรับรู้และความเข้าใจอันดีให้กับประชาชนในทุกภาคส่วน ได้ทราบถึงภารกิจ หน้าที่ ความรับผิดชอบและการดำเนินการที่สำคัญของกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมกำลัง การใช้กำลัง เพื่อสร้างความพร้อมให้กับกองทัพให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับปรุงโครงสร้างให้มีขนาดกะทัดรัด คล่องตัว ทันสมัย เช่น การยุติแผนการเสริมสร้างกองพลทหารราบที่ 7 ที่ดูแลภาคเหนือ ของกองทัพภาคที่ 3 โดยไม่มีการบรรจุกำลังพลเพิ่มและกองพลทหารม้าที่ 3  (พล.ม.3) ที่ จ.ขอนแก่น ของกองทัพบก  การปรับลด กำลังทหารพรานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,656 อัตรา การปรับลดนายทหารชั้นยศสูงเพื่อลดงบประมาณด้านกำลังพล โดยในห้วงปี 2570 ให้เหลือ 50% ตามแผนที่กาหนด การปิดการบรรจุกำลังพลและลดกาลังพลในปี 2560-2564ไปแล้วกว่า 8,000 นาย สามารถประหยัด งบประมาณได้ จำนวน 1,500 ล้านบาท และเมื่อถึงปี 2570 จะสามารถปรับลดกำลังพลลง ได้ประมาณ 12,000 นาย และประหยัดงบกำลังพลลงได้ 2,900 ล้านบาทเศษ

@@@……สำหรับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการนั้น จำนวนที่ตรวจเลือกในแต่ละปี จะสอดคล้องกับโครงสร้างการจัดและภารกิจของกองทัพ โดยปัจจุบันมีความต้องการพลทหารปีละ ประมาณ  90,000  นาย  จากเดิม ปีละ 1 แสนคน และกำลังปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหาร ประมาณ  35,000 นาย ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาไปสู่การใช้ระบบการสมัครใจเข้าเป็นทหารได้ ในอนาคตการนำกำลังพลสำรองเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวตามสัญญาจ้างระยะ 4 ปีการเตรียมการ บรรจุข้าราชการพลเรือนกลาโหมในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ และการเตรียมการด้านกำลังพลสำรอง เพื่อรองรับสถานการณ์ยามวิกฤตและยามสงคราม ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เน้นย้ำแผนการปฏิรูปกองทัพว่ามีการทำอย่างต่อเนื่องตามกรอบงบประมาณที่มีอยู่โดยคำนึงถึงความจำเป็น ในการดำรงขีดความสามารถระดับต่ำที่ต้องมีโดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำว่า นี่คือแผนของเราที่ทำอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวว่าใครจะมาหรือไป

@@@…… ที่กองทัพบก…..พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมประดับเครื่องหมายยศนายทหารสัญญาบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจาก วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า และวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ประจำปีการศึกษา 2565 โดยมีคณาจารย์และผู้ปกครองร่วมเป็นเกียรติในพิธี สำหรับปีนี้มีผู้ได้รับการประดับยศ จำนวน 83 นาย โดยเป็นผู้สำเร็จการศึกษาปริญ ญาแพทยศาสตร์บัณฑิต จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้ารุ่นที่ 43 จำนวน 38 นาย และผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาพยาบาลศาสตร์บัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก รุ่นที่ 46 จำนวน 45 นาย ทั้งนี้ กองทัพบกโดยกรมแพทย์ทหารบก ได้ส่งแพทย์และพยาบาลดังกล่าวไปปฏิบัติงานดูแลสุขภาพกำลังพล ครอบครัว และประชาชนในโรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกทั่วประเทศ

@@@…… ในโอกาสนี้ ผบ.ทบ. ได้กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จของนายทหารใหม่ อันเป็นผลมาจากความวิริยะอุตสาหะ และมุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษา เพื่อนำความรู้ไปช่วยเหลือบำบัดผู้เจ็บป่วย จะต้องทำหน้าที่ทั้งในฐานะทหารของชาติและแพทย์พยาบาลที่ให้การดูแลสุขภาพพลานามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ตลอดจนอนุรักษ์กำลังรบของกองทัพบก ให้มีสภาพร่างกายแข็งแรงพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ และย้ำให้ทุกคนยึดถือจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ อดทน เสียสละ มีคุณธรรมเมตตาธรรม ให้บริการด้วยความเต็มใจ บนพื้นฐานของความเท่าเทียม ต้องพัฒนาตนเองให้เชี่ยวชาญงานในหน้าที่ ติดตามความก้าวหน้าทางวิทยาการ เทคโนโลยีด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อให้งานด้านการแพทย์และพยาบาลของกองทัพบกเป็นที่พึ่งของประชาชน และสังคมส่วนรวม

@@@…… ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ….พล.ร.อ. เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เดินทางไปเรือหลวงช้าง เพื่อตรวจเยี่ยมการทดสอบขีดความสามารถของเรือหลวงช้างในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน และหาดยาว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย การทดสอบขีดความสามารถการเคลื่อนกำลังจากเรือสู่ฝั่ง ในการปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก และ การทดสอบขีดความสามารถในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล และ จัดตั้ง รพ.สนามบนเรือ อีกทั้งการใช้ขีดความสามารถของครัวประจำเรือเพื่อเตรียมอาหารสำหรับผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมกรณีเกิดภัยพิบัติในทะเล ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ โดยจากสถิติที่ผ่านมา มักจะเกิดพายุในพื้นที่อ่าวไทยตอนบนและทางทะเลฝั่งอันดามัน อันอาจจะส่งผลกระทบทำให้เรือต่างๆ เกิดปัญหาอับปางในทะเล รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อจังหวัดชายทะเล ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเล และพื้นที่เกาะต่าง ๆ รวมถึงพื้นที่ที่ถูกตัดขาด (Isolate Area) ซึ่งการให้ความช่วยเหลือจากทางบกไม่สามารถดำเนินการได้ จำเป็นต้องใช้การช่วยเหลือจากทางทะเล (From The Sea) เท่านั้น โดยการทดสอบขีดความสามารถของเรือหลวงช้างในครั้งนี้ ได้บูรณาการกำลังจากหน่วยต่างๆ ในกองทัพเรือประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 3 เครื่อง เรือระบายพลขนาดเล็ก LCVP จำนวน 2 ลำ เรือระบายพลขนาดกลาง LCM จำนวน 2 ลำ และรถโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV)

@@@……เรือหลวงช้าง เป็นเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียงอีกทั้งเป็นเรือบัญชาการ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล และพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นภารกิจในการป้องกันประเทศ อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเล และท่าเรือ ซึ่งเป็นภารกิจในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน

@@@……เรือหลวงช้าง เรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ซึ่งจากคุณลักษณะของเรือ จัดเป็นเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย คือเป็นเรือที่มีอู่อยู่ภายในเรือ โดยคุณลักษณะนี้เองทำให้ เรือหลวงช้าง สามารถบรรทุกเรือระบายพล หรือเล็กประเภทต่างๆ ได้ ซึ่งแตกต่างๆ จากเรือยกพลขึ้นบกแบบเดิมที่ใช้งาน คือ เรือ LST หรือ เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ซึ่งจะสามารถบรรทุกได้แค่ยานพาหนะ หรือรถประเภทต่างๆ เท่านั้น นับเป็นเรือที่มีความทันสมัย เพิ่มประสิทธิ ภาพในการปฏิบัติภารกิจ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติในทะเล ด้วยสภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ประเทศไทยที่มี 2 ฝั่งมหาสมุทร ได้แก่ฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน มีพื้นที่ทางทะเลมากกว่า 314,000 ตาราง กองทัพเรือได้กำหนดการสร้างความมั่นคงของชาติทางทะเล ตามแนวคิดระดับยุทธศาสตร์ว่า “ปฏิบัติการสองฝั่งมหาสมุทรและสามพื้นที่ปฏิบัติการ” หรือ “Two Oceans and Three Areas (OOAAA) ” เรือหลวงช้างจะเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการ ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติในทะเล เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ได้ทั้งสองฝั่งทะเล

@@@……พล.อ.กนกพงษ์ จันทร์นวล รองเสนาธิการทหาร/กรรมการมูลนิธิเพื่อการศึกษาบริเวณชายแดน เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ประธานมูลนิธิฯ ในการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ตามแนวชายแดน ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและชุมชนของตนเอง ปลูกฝังทัศนคติ มีความสำนึกในความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตอบสนองต่อภารกิจการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนของกองทัพไทย ในการพัฒนาศักยภาพของชุมชนให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างศรัทธาและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกองทัพ

@@@……มูลนิธิเพื่อการศึกษาบริเวณชายแดน ได้ดำเนินการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนตามแนวชายแดนตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2533 จนถึงปัจจุบัน รวม 33 ปี และในปีการศึกษา 2566 ได้จัดสรรทุนจำนวน 610 ทุน มอบให้กับนักเรียนในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังป้องกันชายแดน รวมถึงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ทั้งนี้ มูลนิธิยังคงมุ่งมั่นที่จะจัดสรรทุนให้กับนักเรียนตามแนวชายแดน และพร้อมเป็นสะพานบุญให้กับผู้มีจิตศรัทธาทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

 ………………………………….

 คอลัมน์ “Military Key”

 โดย “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img