วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“ฝ่ายความมั่นคง” เตือนอย่าให้ความขัดแย้งขยายตัว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ฝ่ายความมั่นคง” เตือนอย่าให้ความขัดแย้งขยายตัว

นับถอยหลังที่ไทยใกล้จะได้นายกรัฐมนตรีกันแล้ว ฝ่ายความมั่นคงยังคงจับตาดูความเคลื่อนไหวของการเมือง กังวลกลุ่มเห็นต่างอย่าให้ความขัดแย้งขยายตัวรุนแรงขึ้น

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 29 ก.ค.66 การเมืองไทยยังคงลุ้นกันต่อไปว่า “ใคร” จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทางฝ่ายความมั่นคงก็ยังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างใกล้ชิด

นายทักษิณ ชินวัตร

@@@…….สถานการณ์ทางการเมืองมีความเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ภายหลังปรากฏกระแสข่าวยืนยันการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ส.ค.66 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยกําลังอยู่ในระหว่างเป็นแกนนําในการจัดตั้งรัฐบาล จึงทําให้มองเห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะมีความมั่นใจว่าพรรคจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาฯในการโหวตเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และนําไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จในที่สุด พร้อมกับการต้อนรับการกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ การจัดตั้งรัฐบาลมีนักวิชาการบางกลุ่ม คาดหมายไว้ว่า พรรคเพื่อไทยจะปฏิเสธการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ด้วยเงื่อนไขที่พรรคก้าวไกลมีความยึดโยงกับการล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติ และความดื้อดึงยืนยันที่จะยังคงมุ่งแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ซึ่งพรรคก้าวไกลเองก็น่าจะตระหนักดี หากแต่ยังคงพยายามเคลื่อนไหวกดดันพรรคเพื่อไทยในทุกมิติอย่างมีนัยสําคัญ โดยเฉพาะการแสดงเจตจํานงที่จะยื่นวาระหารือประธานรัฐสภาฯ เพื่อพิจารณาทบทวนมติในการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้อีก

@@@…….นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังได้พยายามเคลื่อนไหวเข้าหามวลชน ปลุกระดม และหาเสียงเพื่อสร้างความชอบธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลุ่มการเมืองพันธมิตร และสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งยังประกาศจุดยืนในการจับขั้วกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลชนิดไม่ยอมถอย เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการสร้างกระแสกดดันทางการเมือง ซึ่ง กิจกรรมบางอย่างสร้างความกังวลให้ฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากจะทำให้ความขัดแย้งในบ้านเมืองขยายตัวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้จะเห็นได้จากการเคลื่อนไหวที่มีความเชื่อมโยงอย่างสอดรับกันของกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่ได้มีการนัดแต่งกายด้วยชุดสีดําจัดกิจกรรม เชิงสัญลักษณ์ “เห็นหัวกูบ้าง” ในช่วงนี้ ที่มีเป้าประสงค์ต้องการกดดัน ส.ว.,ส.ส. และศาลรัฐธรรมนูญ ท้ังยังแฝงนัยสร้างความกดดันให้กับพรรคเพื่อไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนัดแต่งกายด้วยชุดสีดําในห้วงเวลานี้ยังมีเจตนาด้อยค่าสถาบันฯไปพร้อมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงคาดว่าในการชุมนุมจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะมีมวลชนจัดตั้งเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาไม่มากนัก และไม่อยากเห็นความขัดแย้งในบ้านเมืองขยายตัวรวมทั้ง หวังให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยเร็วจะช้าเกินไปไม่ได้ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงยังจะคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดต่อไป

@@@…….ในการประชุมสภากลาโหม โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย รมช.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้พิจารณาเรื่อง การรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ เข้มงวดกวดขันการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธและยุทโธปกรณ์ ที่อยู่ในคลังต่าง ๆ ของหน่วย โดยเน้นย้ำและกำชับให้ผู้บังคับหน่วย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหมั่นตรวจสอบคลังที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นประจำเพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบนำอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ตลอดจนเครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดของหน่วย ออกไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบหรือนำออกไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต หากมีข้อบกพร่องหรือมีการสูญหาย เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยและทางอาญา

@@@…….ขณะที่ กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยที่ประชุมฯได้รับทราบผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และแนวทางการพัฒนาขีดความ สามารถของกองทัพในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

@@@…….กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงแนวทางดำเนินการด้านการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนของกองทัพไทย โดยด้านการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน ยึดถือตามนโยบายและแผนความมั่นคงที่ 17 การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ พ.ศ.2566-2570 ของสำนักงานสภาความมั่น คงแห่งชาติ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย มีกลไกการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ กรมกิจการชายแดนทหาร รับผิดชอบงานด้านการจัดระบบป้องกันและการสื่อสาร เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน รวมถึงการรักษาความมั่นคงชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน

@@@…….หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาประเทศร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน สำหรับการช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติ มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับทุกภาคส่วน โดยกองทัพไทย มีศูนย์บัญชาการทางทหาร ทำหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย รับผิดชอบด้านการอำนวยการ ประสานงาน สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ เพื่อให้การเตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่รับผิดชอบ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ 

@@@…….กองทัพบก ได้ชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยได้เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างและแผนปฏิบัติการ ด้วยการปรับปรุงแผนบรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2564-2570 รวมถึงแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2564 ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล โดยการให้ความรู้ พัฒนาขีดความสามารถกำลังพล รวมถึงสนับสนุนกำลังพลในการเข้ารับการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกระดับการเกิดภัย อาทิ การเตรียมความพร้อมชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วและการฝึกแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการดับไฟป่า (Bush Fire SMEE 2023) เป็นต้น

@@@…….กองทัพเรือ ได้นำเสนอขีดความสามารถของเรือหลวงช้างในการบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชนซึ่งถือเป็นเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียง การเป็นเรือบัญชาการ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดำน้ำ มีความสามารถในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ โดยมีกำลังพลประจำเรือทั้งสิ้น 196 นาย มีคุณลักษณะความยาวตลอดลำ 213 เมตร ความกว้าง 28 เมตร กินน้ำลึก 7 เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด 20,003 ตัน ทำความเร็ว 23 นอต ทนแรงคลื่นสูงกว่า 14 เมตร มีความเหมาะสมในภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ

@@@…….กองทัพอากาศ ได้ชี้แจงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนของกองทัพอากาศ ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศกำหนดทิศทางการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแผนปฏิบัติราชการซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561-2580 ด้านการช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสาธารณภัย โดยบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถของกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

@@@…….ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีในทุกระดับและทุกด้านกับนานาประเทศ เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ และความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมิตรประเทศ อีกทั้งให้มีการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ให้มีความพร้อมเผชิญภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เหล่าทัพจัดเตรียมกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อมเพื่อเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น อันเป็นการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้อย่างทันต่อสถานการณ์และมีประสิทธิภาพ 

@@@…….พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และคณะ ได้เดินทางไปเข้าร่วมพิธีรำลึกวาระครบรอบ 70 ปี ข้อตกลงว่าด้วยการยุติสงครามเกาหลี ในฐานะแขกกิตติมศักดิ์ของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี และศึกษาดูงานด้านกิจการทหารผ่านศึก ณ สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีกระทรวงรักชาติและกิจการทหารผ่านศึกสาธารณรัฐเกาหลี เป็นเจ้าภาพ โดย ผู้อำนวยการองค์การฯ และคณะ ได้เดินทางไปวางพวงมาลา เพื่อรำลึกและสดุดีวีรกรรมความเสียสละของทหารไทย ในวาระครบรอบ 70 ปี ข้อตกลงว่าด้วยการยุติสงครามเกาหลี ณ สุสานแห่งชาติกรุงโซล (Seoul National Cemetery) สาธารณรัฐเกาหลี

@@@……ทั้งนี้ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2493 กองกำลังเกาหลีเหนือได้เปิดสมรภูมิยึดเกาหลีใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ตอบรับคำร้องขอขององค์การสหประชาชาติ เข้าร่วมกองกำลังชาติพันธมิตร จำนวน 22 ประเทศ จนกระทั่งสงครามยุติลงด้วยการเจรจา กองกำลังชาติพันธมิตรได้รับชัยชนะ พร้อมกับยกย่องให้สมญานามทหารไทยว่า “กองพันพยัคฆ์น้อย (Little Tiger)” อันหมายถึงนักรบร่างเล็กที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บที่แหลมคม และเปี่ยมไปด้วยหัวใจที่ห้าวหาญ ซึ่งได้เสียสละชีวิตและเลือดเนื้อทำการต่อสู้อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรีของทหารไทยในสมรภูมิต่างแดน ซึ่งสงครามในครั้งนั้นประเทศไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมรบกว่า 6,200 นาย โดยมีทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิทั้งสิ้น 136 นาย

@@@……ปิดการฝึก…..พล.อ.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ รองเสนาธิการทหาร และเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร พร้อมด้วย พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมพิธีปิดการฝึกผสมแพนเธอร์โกลด์ 23 ณ ค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ การฝึกผสมแพนเธอร์โกลด์ 23 เป็นการฝึกปฏิบัติการผสมทางทหารที่สำคัญระหว่างกองทัพไทย และ กองทัพสหราชอาณาจักร ในวงรอบการจัดการฝึกฯปีเว้นปี โดยการฝึกฯ ครั้งแรก ดำเนินการไปแล้วในปี 2561 (Panther Gold 17) ใช้พื้นที่ฝึกฯ ณ จังหวัดกาญจนบุรี (พื้นที่กองทัพภาคที่ 1) และดำเนินการฝึกหมุนเวียนกองทัพภาคจนถึงปัจจุบันในครั้งนี้ ใช้พื้นที่ฝึก ณ ค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช (พื้นที่กองทัพภาคที่ 4) เป็นการฝึกยุทธวิธีทหารราบระดับกองร้อย ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นป่าและภูเขา หรือลักษณะอื่น ตามผลการประชุมร่วมกับผู้แทนกองทัพสหราชอาณาจักร

@@@……การประกอบกำลังฝ่ายไทยจัดกำลังจากกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 4 มอบหมายให้กองพลทหารราบที่ 5 และ กองพันระวังป้องกัน สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย และฝ่ายสหราชอาณาจักร จัดกำลังจาก The First Battalion The Royal Gurkha ซึ่งขั้นการฝึกนั้นประกอบด้วย ขั้นการฝึกเตรียมการก่อนการฝึกแลกเปลี่ยน (Pe – CTX) ขั้นการฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (CTX) และขั้นการฝึกภาคสนาม(Field Training Exercise : FTX) การฝึกแพนเธอร์โกลด์เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ ของความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและกองทัพสห ราชอาณาจักร ซึ่งนอกจากกองทัพไทยจะได้รับประโยชน์ จากการพัฒนาขีดความสามารถและหลักนิยมทางการรบทักษะการใช้ยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัยแล้ว ยังเป็นการสร้างเสริมความสัมพันธ์ทางทหารกับมิตรประเทศ โดยการฝึกในครั้งนี้ จะสามารถเสริมสร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรีของกองทัพไทย ให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ เป็นสิ่งยืนยันถึงความพร้อมของกองทัพไทย ในการรองรับกับภัยคุกคามของชาติในทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไป

 ………………………………….

 คอลัมน์ : “Military Key”

 โดย “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img