การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ยังดำเนินต่อไป ฝ่ายความมั่นคง ชี้การก่อการร้ายแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Lone Woft’ การกระทำในลักษณะปัจเจกบุคคลไม่ใช่กลุ่ม หรือ องค์กร
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 21 ต.ค.66 สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ การบุกภาคพื้นดินของทหารอิสราเอลเข้าไปในตอนเหนือของฉนวนกาซ่าเพื่อกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธฮามาสนั้น อาจไม่จบลงเร็วนัก แต่ก็ไม่น่าจะยืดเยื้อ หากความขัดแย้งไม่ขยายตัวออกไปเป็นการสู้รบด้วยกำลังทหารหลักระหว่างรัฐต่อรัฐ
@@@…….อย่างไรก็ตาม หากการสู้รบยังคงยืดยาวออกไป อาจมีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบที่สําคัญต่อเศรษฐกิจโลก และตลาดการเงิน เช่นเดียวกับกรณีสงครามรัสเซียกับยูเครน สําหรับประเด็นเศรษฐกิจ โดยทั่วไป เมื่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง เริ่มตึงเครียด ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งราคาน้ํามันดิบจะสูงขึ้นอีก ความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจซำ้เติมสถานการณ์ค่าเงิน และทําให้การดําเนินนโยบายการเงินของทุกประเทศทั่วโลกยุ่งยากขึ้นไปอีก และส่งผลกระทบต่อการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งรวมถึงชาติอาหรับอื่นๆ ด้วย
@@@…….ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จำนวนผู้อพยพหนีภัยสงคราม ความอดอยากหิวโหย และโรคระบาดของผู้คนในพื้นที่สู้รบ คือ อีกประเด็นสำคัญที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรอิสราเอล ได้แก่ สหรัฐฯ สาธารณรัฐเช็ก ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และสหภาพยุโรป ประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาส และระบุว่า จะยืนเคียงข้างอิสราเอล โดยเฉพาะ นายโจเซฟ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงท่าทีสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ โดยสัญญาว่า อิสราเอลมีอิสระในการโต้ตอบ ปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสได้อย่างเต็มที่
@@@…….ขณะที่ พันธมิตรกลุ่มฮามาส ได้แก่ อิหร่าน ประกาศสนับสนุนการโจมตีของปาเลสไตน์ และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน ระบุว่า กําลังติดตามสถานการณ์ในฉนวนกาซาอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็ได้มีการติดต่อสื่อสาร โดยตรงกับผู้นําของกลุ่มฮามาส นอกจากนี้ กลุ่มตอลิบาน ได้ร้องขอให้อิหร่าน อิรัก และจอร์แดน อนุญาตให้ กองกําลังตอลิบาน ผ่านไปยังประเทศอิสราเอล เพื่อเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มฮามาสในการใชกำลังเข้ายึดคืนกรุงเยรูซาเล็ม อีกด้วย
@@@…….สําหรับประเทศไทยนั้น ฝ่ายความมั่นคง มองว่า แม้ไทยจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในสถานการณ์ดังกล่าวก็ตาม แต่ประเทศไทยควรรักษาสมดุล ความสัมพันธ์ที่มีต่ออิสราเอล และปาเลสไตน์ ที่มีโลกอาหรับหลายประเทศให้การสนับสนุน โดยยึดผลประโยชน์ของของชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะคนไทยที่เป็นแรงงานในอิสราเอล รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวังประเด็นที่อาจมีผู้ก่อเหตุชาวปาเลสไตน์ หรือที่เชื่อมโยงจากแรงจูงใจจากเหตุดังกล่าว ก่อเหตุ หรือการโจมตี เป้าหมายของชาวอิสราเอล และพันธมิตรในประเทศไทย
@@@…….คาดหมายได้ว่า ภัยคุกคามจากการก่อการร้าย กำลังจะกระจายไปทั่วโลกในวงกว้างอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลจากนี้ไป ได้แก่ การก่อการร้ายรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Lone Woft” ซึ่งเป็นการกระทำในลักษณะปัจเจก บุคคลไม่ใช่กลุ่ม หรือองค์กร รวมทั้ง Lone Wolf ส่วนใหญ่เป็นการกระทำโดยลำพัง ด้วยความเชื่อ และความเกลียดชังส่วนบุคคล โดยไม่ขึ้นต่อการสั่งการ และเชื่อมโยงกับกลุ่มองค์กรใด โดยธรรมชาติถึงที่สุดของพวกเขา คือ การวางตัวซ่อนอยู่ในสังคมที่เป็นเป้าหมายการโจมตี และครอบครองศักยภาพในการกระทำการโดยตัวเองในเวลาใดก็ได้ ซึ่งการระวังป้องกันพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น กระทำได้ยาก และไม่สามารถตรวจพบสิ่งบอกเหตุ หรือเบาะแส เพื่อระงับเหตุการณ์ก่อนได้ทันท่วงที ดังนั้น การเตรียมการของฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง รวมทั้งมาตรการด้านการข่าวกรอง การควบคุมอาวุธ และวัตถุระเบิด กับความร่วมมือและข้อมูลข่าวสารจากภาคประชาชน คือ สิ่งจำเป็นสำคัญที่ขาดไม่ได้จากนี้ไป ทั้งนี้เพื่อให้ความมั่นคงของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยได้รับการประกันในระดับที่มั่นใจได้ต่อไป
@@@…….เรื่องของการช่วยเหลือคนไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลนั้น กองทัพอากาศได้นำเครื่องบิน A340-500 ของกองทัพอากาศเที่ยวบินที่ 2 RTAF220 ที่เดินทางไปอพยพคนไทยในอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมี พลอากาศโท ชัยนาท ผลกิจ รองเสนาธิการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ ผลการปฏิบัติติภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามที่กองทัพอากาศวางแผนไว้ ทั้งนี้ คนไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับสู่ประเทศไทยในเที่ยวบินที่ 2 มีจำนวน 136 คน แบ่งเป็นชาย 132 คน และหญิง 4 คน โดยก่อนการเดินทางกลับประเทศไทยนั้น ได้มีการตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบความพร้อมบินของผู้โดยสารโดยทีมแพทย์ทหารอากาศ และการตรวจความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบินโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนอากาศยาน และมีลูกเรือดูแลอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางการบิน สำหรับการอพยพคนไทยในเที่ยวบินที่ 3 กองทัพอากาศวางแผนนำ A340-500 จำนวน 1 เครื่อง ปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ในวันที่ 21 ต.ค.66 ออกเดินทางในเวลา 09.00 น.
@@@…….ขณะที่กองทัพเรือ โดย พล.ร.อ.อะดุง พันธ์ุเอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ สั่งการให้ พล.ร.อ.สิทธิชัย ต่างใจ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา อำนวยความสะดวกให้พี่น้องคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอล โดยสายการบิน Fly Dubai ที่บินตรงมาจากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาลงจอดที่สนามบินอู่ตะเภาทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน ซึ่งเป็นเที่ยวบินพิเศษตามที่รัฐบาลสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงกลาโหม ประสานงานร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้พี่น้องคนไทยที่เดินทางกลับมาได้รับความสะดวกสบาย อบอุ่น และปลอดภัยมากที่สุด ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว นอกจากนี้ การท่าอากาศยานอู่ตะเภาได้เตรียมอาหารกล่องและน้ำดื่มให้พี่น้องคนไทยได้รับประทาน ซึ่งเป็นอาหารเช้ามื้อแรกบนแผ่นดินไทย โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกับหน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ระดมสรรพกำลัง ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ที่มี เร่งช่วยเหลือเพื่อนำพี่น้องคนไทยที่สมัครใจเดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด
@@@…….ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย คุณปัญญดา หนุนภักดี นายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย ตรวจเยี่ยมอาคารสวัสดิการกองบัญชาการกองทัพไทย พื้นที่ลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมและพัฒนาสวัสดิการ ความเป็นอยู่ การสร้างสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งกายและใจให้กับกำลังพล และครอบครัวอย่างมีความสุขภายในอาคาร สวัสดิการ กองบัญชาการกองทัพไทยแต่ละพื้นที่ โดยเน้นย้ำให้มีระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ พื้นที่ส่วนกลาง สวนสาธารณะ ห้องออกกำลังกาย ความสะอาดร่มรื่นเป็นธรรมชาติ และระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดี เพื่อร่วมกันสร้างเครือข่าย เฝ้าระวัง ป้องกันภัยจากยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย หรืออบายมุขต่าง ๆ ให้กับกำลังพล เยาวชนและครอบครัว ที่พักอาศัยในอาคารสวัสดิการของกองบัญชาการกองทัพไทย การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ นอกจากจะเป็นสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลและครอบครัวซึ่งพักอาศัยในพื้นที่อาคารสวัสดิการฯ แล้วยังเป็นโอกาสในการพบปะและรับฟังปัญหาจากกำลังพลโดยตรง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาความเป็นอยู่ของกำลังพลในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
@@@…….ทหารมีไว้ทำไม คำตอบอยู่ตรงนี้….กองทัพบก…ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกในทุกระดับส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ลงพื้นที่สนับสนุนส่วนราชการเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะหน่วยทหารช่าง ที่มียุทโธปกรณ์และขีดความสามารถในการสร้างสะพานเร่งด่วน ในการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมที่ถูกตัดขาด ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยทหารช่างได้มีการลงพื้นที่สร้างสะพานเชื่อมต่อเส้นทางที่ถูกตัดขาดแล้วจำนวน 5 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ บ.นางาม ต.บึงงาม อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด สร้างสะพานแบบ M.4 T.6 ระยะทาง 11.5 เมตร, พื้นที่ บ.หนองใหญ่ ต.หนองใหญ่ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด สร้างสะพานแบบ M.4 T.6 ระยะทาง 7 เมตร, พื้นที่ บ.นาคำน้อย ต.เหล่าดอกไม้ อ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม สร้างสะพานแบบ M.4 T.6 ระยะทาง 5 เมตร, บ.โนนพยอม ต.เขวาไร่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม สร้างสะพานเบลีย์แบบ M.2 ระยะทาง 24 เมตร และ บ.โนนราศี ต.เขวาไร่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม สร้างสะพาน MFB ระยะทาง 15 เมตร
@@@…….นอกจากนี้กองทัพบก ยังได้ส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์อีกหลายรายการ ร่วมกับส่วนราชการในการช่วยเหลือประชาชน อาทิ เรือท้องแบน ในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย และขนย้ายสิ่งของ, รถยนต์บรรทุกทางทหาร ในการขนส่งสิ่งของเข้าช่วยเหลือประชาชน รวมถึงช่วยเคลื่อนย้ายไปศูนย์พักพิงชั่วคราว อีกทั้งจัดรถครัวสนามลงพื้นที่ประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้กับประชาชน ทั้งนี้กองทัพบกพร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ด้วยการนำศักยภาพและ ความพร้อมของกำลังพล และยุทโธปกรณ์ทางทหาร มาใช้สนับสนุนการบรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ ซึ่งประชาชนที่ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ต่างๆ สามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนจากหน่วยทหารทั่วประเทศ ผ่านทางหมายเลขติดต่อ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โทร. 02-2977648 พื้นที่ภาคกลาง โทร. 02-2803977 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โทร. 044-245946, พื้นที่ภาคเหนือ โทร. 055-242859, พื้นที่ภาคใต้ โทร. 074-383405 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
………………………………….
คอลัมน์ : “Military Key”
โดย.. “รหัสมอร์ส”