เหล่าทัพจัดกิจกรรม “งานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567” เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้โดยใช้แนวคิด Edutainment (ความรู้คู่บันเทิง) แบบบูรณาการอย่างทั่วถึง เน้นเรียบง่าย คุ้มค่า ประหยัด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนและเป็น “วันเด็กแห่งชาติ” โดยในปีนี้ทุกเหล่าทัพก็พร้อมใจกันจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ให้เด็กๆ และเยาวชนได้ร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก
@@@…….เริ่มที่กองทัพบก พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มอบนโยบายให้หน่วยทหารทั่วประเทศ เปิดพื้นที่ในค่ายทหาร จัดกิจกรรมให้กับเด็กๆ ในหลากหลายรูปแบบ โดยในพื้นที่ส่วนกลาง กรุงเทพฯ ในปีนี้กำหนดจัดขึ้นที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ซึ่งความพิเศษของปีนี้คือ กองทัพบกเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ และกำแพงอนุสรณ์กองทัพบก ซึ่งจัดแสดงความรู้ด้านประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของกองทัพบกตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพร้อมนำชมนิทรรศการจัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสปีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ 72 พรรษา
@@@…….ขณะเดียวกันบนพื้นที่เวทีกลางของงาน ยังได้เตรียมของรางวัลเพื่อมอบให้กับเด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรม รวมทั้งได้มอบหมายให้กรมดุริยางค์ทหารบก ขับร้องบทเพลงสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน สลับกับการแสดงของเด็กๆ และเยาวชนในพื้นที่ และการเล่นเกมส์ชิงรางวัลต่างๆ ที่หน่วยงานภาคีของกองทัพบกร่วมสนับสนุน ส่งมอบความสุขให้กับเด็กๆ ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ เด็กๆ ยังได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ที่หน่วยทหารได้มาร่วมจัดขึ้น ทั้งการแนะแนวสถาบันการศึกษานักเรียนนายร้อย ร.ร.จปร. นักเรียนแพทย์และพยาบาลทหารบก, การแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยกำลังรบที่สามารถใช้ทั้งภารกิจการป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน,การสาธิตการดำรงชีพในป่า, การแสดงยิงปืนฉับพลัน, การแสดงสุนัขทหาร การแสดงรำมวยไทย เป็นต้น
@@@…….สำหรับการเดินทางมายังกองบัญชาการกองทัพบก สามารถจอดรถได้ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร, วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร, วัดตรีทศเทพวรวิหาร รวมทั้งริมถนน ราชดำเนินนอก, ถนนเลียบคลองผดุงเกษม และถนนประชาธิปไตยด้านหลังกองบัญชาการกองทัพบก ได้ตลอดช่วงเวลาของการจัดกิจกรรม และในส่วนของพื้นที่ภูมิภาค เด็กๆ สามารถร่วมกิจกรรมที่หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกในพื้นที่ต่างๆ ได้จัดขึ้นเช่นเดียวกัน อาทิ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก, ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา, ค่ายบุรฉัตร จ.ราชบุรี, ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช และ ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี
@@@…….ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำหน่วยทหารที่รับผิดชอบในทุกพื้นที่ให้อธิบายรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมต่างๆ แนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์และข้อระมัดระวังในอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งคุมเข้มมาตรการด้านความปลอดภัยตลอดทั้งงาน เพื่อให้เด็กๆ มีความเข้าใจ เปิดมุมมองใหม่ๆ ได้รับประสบการณ์จากหน่วยทหารอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กในปีนี้ที่ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย”
@@@…….กองบัญชาการกองทัพไทย จัดแสดงกิจกรรมของทหารในงานวันเด็กแห่งชาติ ตั้งแต่เวลา 07.00 – 14.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฯ การจัดงานในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แนวคิด Edutainment (ความรู้คู่บันเทิง) แบบบูรณาการอย่างทั่วถึง เน้นความเรียบง่าย คุ้มค่า ประหยัด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีรูปแบบการจัดพื้นที่การเรียนรู้ แบ่งเป็น 4 พื้นที่ ประกอบด้วย พื้นที่การเรียนรู้ที่ 1 “Duty First” จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ บอร์ดนิทรรศการ 6 กษัตริย์นักพัฒนา การจัดแสดงนิทรรศการจิตอาสาพระราชทาน และถุงพระราชทาน ผู้ประสบอุทกภัย อัคคีภัย วาตภัย และภัยหนาว จัดนิทรรศการแสดงพระอัจฉริยภาพด้านการใช้แผนที่ของรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 การจัดแสดงนิทรรศการการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย รวมทั้งการจัดแสดงนิทรรศการการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติตามแนวพระราชดำริ (ดิน น้ำ ป่าไม้ ธรรมชาติเกื้อกูล) ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)
@@@…….พื้นที่การเรียนรู้ที่ 2 “Support to MOD/Gov” จัดกิจกรรมฉายวิดิทัศน์ และบอร์ดสื่อสารยุทธศาสตร์ แนะนำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า นำเสนอนวัตกรรม การฝึกยิงปืนด้วย Gel Blaste การใช้ทรัพยากรทหารให้เกิดประโยชน์ พื้นที่การเรียนรู้ที่ 3 “Modernization” โดยมีการบรรยายแนะนำหน่วยและภารกิจ โรงงานวัตถุระเบิดทหาร จัดตู้แสดงผลิตภัณฑ์กระสุน ของกระทรวงกลาโหม การจัดแสดงแสนยานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร การแสดงสมรรถนะการบินผ่านของอากาศยานจากกองทัพอากาศ การให้บริการชุดทหาร สำหรับเด็ก เยาวชน เพื่อใส่ถ่ายรูปคู่กับยุทโธปกรณ์ กิจกรรมการแต่งหน้าลายพราง พื้นที่การเรียนรู้ที่ 4 “People First” จัดการแสดงยานพาหนะและยุทโธปกรณ์พร้อมเครื่องมือในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศและบรรเทาสาธารณภัย
@@@…….กองทัพอากาศ ส่วนกลางที่ตั้งดอนเมืองจัด ณ ฝูงบิน 601 กองบิน 6 พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ สนามบินเล็กกองทัพอากาศ (ทุ่งสีกัน) สำหรับต่างจังหวัดจัด ณ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช (สระบุรี) โรงเรียนการบิน กำแพงแสน และกองบินต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างเวลา 08.00 – 15.00 น. โดยที่ตั้งดอนเมืองมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้ การแสดงภาคการบิน (AIR SHOW) ของเครื่องบินแบบต่าง ๆ ได้แก่ การบินผ่านสนามบิน และการบินผ่านปล่อยควันสี การตั้งแสดงยุทโธปกรณ์ และการตั้งแสดงอากาศยาน จำนวน 12 แบบ ได้แก่ T-50, F-16 A/B, AU-23A, EC-725, F-5 E/F, Alpha Jet, CT/4E, A-340, DA-42, T-6C, C-130H และ Gripen เป็นต้น กิจกรรมบนเวที ได้แก่ การแสดงดนตรีของวงดุริยางค์ทหารอากาศและแขกรับเชิญ การเดินแบบโดยนักเรียนนายเรืออากาศและนักเรียนพยาบาลทหารอากาศ การแสดงของศิลปิน Girl Group BERRY BERRY การเล่นเกมส์แจกของรางวัล เป็นต้น
@@@…….ทั้งนี้ กองทัพอากาศ ได้จัดรถโดยสารปรับอากาศ จากกรมขนส่งทหารอากาศ อำนวยความสะดวก รับ-ส่ง ผู้ร่วมงานจากจุดจอดรถ ไปยังบริเวณงานฯ สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถจอดรถได้ 4 จุด ดังนี้ – จุดจอดรถ อุทยานการบินกองทัพอากาศ – จุดจอดรถ หอประชุมกานตรัตน์ – จุดจอดรถ หอประชุมกองทัพอากาศ (ทองใหญ่) – จุดจอดรถบริเวณโรงเรียนจ่าอากาศ โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติของกองทัพอากาศ ประจำปี 2567 ได้ที่ www.rtaf.live และเฟซบุ๊ก “กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force” ระหว่างเวลา 08.00 – 10.00 น. ทั้งนี้ ขอความร่วมมือไม่บินโดรนเหนือบริเวณพื้นที่จัดงาน รวมถึงไม่นำลูกโป่ง อาวุธและสิ่งของมีคม วัตถุไวไฟ และสัตว์เลี้ยง เข้ามายังบริเวณงาน
@@@…….เรื่องของเด็กแล้ว มาเรื่องของผู้ใหญ่ สัปดาห์ที่ผ่านมา เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร, ที่ปรึกษาประธานสภาฯ, ผู้อํานวยการสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP) และประธานกลุ่มด้วยใจ เดินทางไปยังสํานักกรรมาธิการ 2 ยื่นหนังสือต่อ นายกมลศักด์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิในการรวมกลุ่มทํากิจกรรมของนักกิจกรรมชาวมลายูมุสลิมประเทศไทย ซึ่งมีข้อเรียกร้อง ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยุติการฟ้องการดําเนินคดีในลักษณะปิดปากในการใช้สิทธิเสรีภาพ ในการแสดงออก และการรวมกลุ่ม ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR และมาตรา 27 ว่าด้วย ประเด็นวัฒนธรรม ศาสนา และภาษาของชนกลุ่มน้อยในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR พร้อมทั้งขอให้เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ และประเทศสมาชิก คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ทวงถามความมุ่งมั่นทางการเมืองของรัฐบาลไทย โดยมี นายกมลศักดิ์ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รับหนังสือ พร้อมกล่าวว่า เมื่อ คณะกรรมาธิการได้รับเรื่องร้องเรียนก็จะนําเข้าที่ประชุม และจะเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง สําหรับวันเวลา จะแจ้งให้ทราบภายหลังนั้น
@@@…….จากกรณีดังกล่าว ฝ่ายความมั่นคง มองว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการดําเนินคดีกับกลุ่มนักจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐถึงการละเมิดการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการรวมกลุ่ม พร้อมทั้งต้องการให้ยุติการฟ้องการดําเนินคดีในลักษณะปิดปาก ซึ่งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มนักกิจกรรมได้แอบแฝงสอดแทรก ความคิดบิดเบือนประวัติศาสตร์ไว้ในกิจกรรม เป็นเครื่องมือในการยุยงคนในสังคมให้เกิดความแตกแยก อีกทั้งยังปล่อยให้มีการชูธงของกลุ่ม BRN ในห้วงการจัดกิจกรรม โดยผู้จัดกิจกรรมไม่ควบคุมและแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งกลุ่มภาคประชาสังคมที่เห็นต่างจากรัฐดูเสมือนจะยังไม่ยอมรับ และทําความเข้าใจถึงการดําเนินคดี ในประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐ สมควรต้องแถลงชี้แจงรายละเอียดในการดําเนินคดีตามกฎหมายให้ชัดเจนถึงที่มาของการดําเนินคดีในแต่ละกรณี รวมทั้งปฏิเสธการกล่าวหาว่า ฟ้องการดําเนินคดีในลักษณะปิดปากให้สังคมเกิดความเข้าใจ ที่ถูกต้อง ชัดเจน เพื่อที่จะได้ยุติปัญหาในประเด็นต่างๆ ได้โดยเร็ว มิฉะนั้น อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด และส่งผลร้ายต่อความพยายามที่จะสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่
@@@…….การอภิปรายงบประมาณของกระทรวงกลาโหมของรัฐสภาฯ ที่ผ่านมาก็เช่นกัน ฝ่ายการเมืองที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านบางคน แสดงถึงทัศนคติเชิงลบ และมีอคติต่อฝ่ายความมั่นคงอย่างน่ากังวล อย่างไรก็ตามการตอบคำถามของ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ทำได้ดี แสดงข้อมูลข้อเท็จจริงได้ละเอียด และครอบคลุมในทุกประเด็น แต่ฝ่ายความมั่นคง มองว่า ฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม ยังคงมุ่งมั่นด้อยค่าฝ่ายความมั่นคงอย่างต่อเนื่องต่อไป อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่า เอกราช อธิปไตย และความมั่นคงของชาติ มิใช่ของฟรี ซึ่งต้องแลกมาด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และน้ำตา รวมถึงความต้องการงบประมาณน้อยที่สุดที่เพียงพอต่อการเตรียมกำลังเพื่อรักษาสภาพความพร้อมรบต่ำสุดให้พร้อมไว้นั้น ถือเป็นความจำเป็นของชาติ ปัจจุบัน ประเทศไทยใช้งบประมาณต่อปีเพียงประมาณ 1.5% GDP เพื่อการนี้เท่านั้น ซึ่งถือว่ามิได้มากเกินไป และถูกมองว่าเป็นชาติที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความมั่นคงอีกต่างหาก
@@@…….ก่อนหน้านี้ ช่วงเวลาที่มีการสู้รบกับ ผกค.ประเทศไทย เคยใช้งบประมาณต่อปีมากถึง 15 % GDP เพื่อรักษาเสถียรภาพ และความมั่นคงภายในประเทศไว้ จนเมื่อสถานการณ์สงบลง และประเทศปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปใช้นโยบายเร่งการผลิตเพื่อส่งออก พัฒนาเขตเศรษฐกิจชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศ ส่งผลให้ไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศลูกหนี้รายใหญ่ ไปสู่ประเทศเจ้าหนี้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นได้สำเร็จ ในอดีตนั้น ด้วยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ประเทศที่ต้องสิ้นชาติไปแล้ว มีมากกว่าประเทศที่ยังคงดำรงความเป็นรัฐชาติอยู่ได้จนถึงปัจจุบันกว่า 3 เท่า บทเรียนต่างๆ เหล่านี้ ยังคงต้องจดจำไว้ และจะละเลยประเด็นเรื่องความมั่นคงนั้น ม่ได้ ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง คาดหวังว่า ฝ่ายการเมืองจะเข้าใจความสำคัญในประเด็นความมั่นคงที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ความสามัคคีและการร่วมแรงร่วมใจทำงานของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติ คือปัจจัยสำคัญที่นำประเทศชาติไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้สำเร็จได้ในที่ที่สุด
………………………………….
คอลัมน์ : Military Key
โดย …“รหัสมอร์ส”