วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSจับตา“มิน อ่อง หล่าย” จะหลุดจากอำนาจหรือไม่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จับตา“มิน อ่อง หล่าย” จะหลุดจากอำนาจหรือไม่

สถานการณ์การเมืองไทยสงบ ฝ่ายความมั่นคงลุ้นประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา “มิน อ่อง หล่าย” จะหลุดจากอำนาจหรือไม่ 

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 27 ม.ค.67 สถานการณ์ภายในประเทศดูเรียบ สงบ ไร้คลื่น พาไปส่องดูสถานการณ์การสู้รบประเทศเมียนมา และผลกระทบจากการสู้รบในประเทศเมียนมา ปัจจุบันเป็นที่น่ากังวลอย่างมาก 

@@@……สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคง ได้รับรายงานว่า กองทัพเมียนมาได้ตัดสินโทษประหารชีวิต เจ้าหน้าที่ระดับสูงระดับผู้บังคับบัญชา จํานวน 3 นาย ได้แก่ พล.จ.ทุน ทุน มิ้น, พล.จ.โม จ่อ ตุ และ พล.จ.ส่อ เมียว วิน ในข้อหายอมวางอาวุธให้กับกองกําลังโกก้าง ที่เมืองเล้าก์ก่าย ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของรัฐฉาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูง อีกจํานวน 3 นาย ถูกตัดสินให้จําคุกตลอดชีวิต โดยคําตัดสินดังกล่าวมีขึ้นจากเหตุที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้ง 6 นาย ได้นํากําลังพล และครอบครัวทหารอีกกว่า 4,000 คน วางอาวุธให้กับกองกําลังโกก้าง โดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้ฝ่ายโกก้าง ส่งพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่ง ศาลทหารเมียนมาตัดสินว่า คณะผู้บัญชาการที่เมืองเล้าก์ก่ายนั้น ฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา 32 ซึ่งเขียนไว้ เมื่อปี ค.ศ.1959 หรือ พ.ศ.2502 ระบุว่า หากทหารละทิ้งฐานบัญชาการ หรือละทิ้งการป้องกันในพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ และส่งมอบให้ศัตรู รวมถึงสร้างความอับอาย ไม่ฟังคําสั่งของผู้บังคับบัญชานั้น มีความผิดต้องถูกประหารชีวิต หรือต้องโทษจําคุกตลอดชีวิต 

@@@……ก่อนหน้านี้ ผู้นําระดับสูงกองกําลังกะเหรี่ยงคะยา KA ได้ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันกองกําลังผสมของคาเรนนี กําลังสู้รบอย่างหนักกับทหารเมียนมาในเมืองลอยก่อว์ โดยกองกําลังผสมซึ่งประกอบด้วย KA, KNDF  และ  PDF สามารถยึดครองพื้นที่ในเมืองหลวงรัฐคาเรนนี ได้ร้อยละ 60 ของพื้นที่ทั้งหมด ปัจจุบันยังคงมีการสู้รบในเมืองอย่างหนัก รวมถึงรอบ ๆ เรือนจําเมืองลอยก่อว์ ซึ่งฝ่ายทหารเมียนมาได้มีการใช้เครื่องบินขับไล่บินโจมตีทิ้งระเบิดใส่บ้านเรือนประชาชน ล่าสุดทหารเมียนมา สังกัดกองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 515, กองพันทหารราบที่ 80 และ กองพันทหารราบที่ 12 ได้ปะทะกับ กองกําลัง KA, KNDF และ PDF บริเวณใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ําทีชอง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่าง อ.ผาซอง กับ อ.บอลาแคะ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งทางกองกําลังผสมคาเรนนี ได้พยายามเข้าโจมตีเพื่อยึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมา ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสะพานดังกล่าว โดยเสียงปืนใหญ่ได้ยินถึงฝั่งไทยที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน อีกด้วย 

@@@……ทั้งนี้ การที่กองกำลังอาระกัน โจมตีฐานทัพเรือพม่าที่ยะไข่ ถือเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่จีนจะต้องเร่งเข้ามาแทรกแซง เนื่องจาก ท่าเรือน้ำลึกเจาะพยู ที่ยะไข่ เชื่อมต่อมัณฑเลย์ ไปสู่คุนหมิงของจีนนั้น คือ ท่าเรือ – ถนน – ทางรถไฟ เส้นทางสายไหม ซึ่งหมายถึง อนาคตเส้นทางส่งกำลังของสินค้า และบริการเข้าออกจีนโดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา นั่นเอง ดังนั้น หากความมั่นคงของเส้นทางสายไหมใหม่ ไม่ได้รับการประกัน บางทีท่าเรือน้ำลึกระนอง และโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย อาจเป็นอีกทางเลือกทดแทนที่น่าสนใจของจีน เพื่อให้เป็นแหล่งกระจายสินค้าจากทะเลขึ้นสู่ฝั่งไปสู่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และจีนตอนใต้ ได้เป็นอย่างดีไปพร้อมด้วย ดังนั้น ฝ่ายความมั่นคง เชื่อว่า จีน ไม่ต้องการให้มีการสู้รบรุนแรงในประเทศเมียนมา และต้องการให้รัฐบาลพม่า ช่วยปราบปรามยาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลพม่าปัจจุบันเท่าที่ควร 

@@@……ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากกองทัพเมียนมาจะต้องเผชิญหน้าการสู้รบกับกลุ่มพันธมิตรชาติพันธุ์แล้ว การเมืองภายในพม่าเองก็ดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นศึกภายในที่ไม่มีเสถียรภาพ และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ มาพร้อมด้วย กระแสกดดันให้ พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ลงจากอำนาจ เกิดขึ้นต่อเนื่อง แม้จีนจะพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ย และจัดเวทีให้มีการพูดคุยเพื่อให้สถานการณ์การสู้รบคลี่คลายก็ตาม แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยอยู่ว่าจีนจะยังคงเชื่อมั่น ไว้วางใจ และสนับสนุนพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ต่อไปหรือไม่ หรือกำลังจะแสวงหาผู้นำรุ่นหลังขึ้นมาแทน และหรือจะวางสถานะของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย จากนี้ไปอย่างไร รวมทั้งอีกความเป็นไปได้คือ ฝ่ายทหาร อาจจะยอมให้นักการเมืองพลเรือนที่น่าเชื่อถือสามารถเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวได้ ซึ่งกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์บางกลุ่มที่ได้ลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลทหารเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ชี้ว่า รัฐบาลทหารเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผสมได้ ซึ่งสถานการณ์นี้หมายความว่า การประนีประนอมจะต้องเกิดขึ้น โดยผ่านรัฐบาลผสมที่ทหารตั้งขึ้นมาทำงานแทนนั่นเอง 

@@@……อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง ประเมินว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงภายในเกิดขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งความสงบเรียบร้อย และการสู้รบคลี่คลายลงได้นั้น การปรับฝ่ายบริหารไปเป็นรัฐบาลผสม และเปลี่ยนผู้นำนั้น คือ สิ่งที่เป็นไปได้ และบุคคลที่จะขึ้นมาแทนที่ พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ได้ ก็จะมีเพียงไม่กี่คน เช่น พล.อ.รองอาวุโส โซวินฯ รอง ผบ.ทสส., พล.อ.หม่องหม่องเอ เสนาธิการทหาร 3 เหล่าทัพ และพล.อ.เมี๊ยะทุนอู รมว.กลาโหม เท่านั้น ทั้งนี้ แม้จะยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย จะลงจากอำนาจในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ หรือจะลงจากอำนาจด้วยวิธีการอย่างไร แต่ฝ่ายความมั่นคง ก็จะได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ในประเทศเมียนมาอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องต่อไป 

@@@……กลับมาที่บ้านเรากันบ้าง นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นประธาน ในการรับฟังรายงานผลความคืบหน้าของคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยที่ประชุมได้กำหนดเป้าหมายคือ การผลิตและบรรจุใช้งานในอัตราของเหล่าทัพ รวมทั้งการสนับสนุนนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defence Offset) ตลอดจนรับทราบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับปรุงโครงสร้างโรงงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม จำนวน 29 โรงงาน โดยอ้างอิงการจัดกลุ่มตามกรอบความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกลุ่มอาเซียน (Asean Defence Industry Collaboration: ADIC) ได้แก่ กลุ่มยุทธโธปกรณ์ จำนวน 16 โรงงาน (เว้นโรงปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามความต้องการทั่วไป จำนวน 13 โรงงาน

@@@……สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในระยะสั้น ประกอบด้วย 1) มาตรการส่งเสริมภาษี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศแข่งขันด้านราคาได้ 2) การพัฒนาระบบมาตรฐาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้งาน และ 3) ส่งเสริม 4 ผลิตภัณฑ์เป้าหมาย เพื่อเพิ่มการใช้งานในประเทศ (ยานพาหนะเพื่อความมั่นคง, อุตสาหกรรมต่อเรือรบ, อากาศยานไร้คนขับ และ อาวุธและกระสุนปืน) ทั้งนี้ นายสุทิน ขอให้กองทัพสนับสนุนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ดำเนินการผลิตได้เองให้มากขึ้น เพื่อให้ประหยัดการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนนี้ และให้ได้มาตรฐานที่ยอมรับโดยทั่วกันทั้งในประเทศและสามารถส่งออกขายนอกประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

@@@……กองทัพเรือ…..พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ครั้งที่ 1/2567 โดยมี คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี (คตร.) เข้าร่วมประชุม ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน ตามที่สำนักพระราชวัง มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม การพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 27 ต.ค.2567

@@@……ในการนี้รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ขึ้น เพื่อกำหนดแนวทางและแผนการดำเนินการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินดังกล่าว ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับการบรรจุไว้ ในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ทั้งนี้ การเตรียมการต่าง ๆ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ได้เน้นย้ำคณะกรรมการในส่วนต่าง ๆ รวมถึงผู้แทนหน่วยงาน ที่เข้าร่วมประชุมให้ดำเนินการในการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การจัดขบวนพยุหยาตราในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างามและสมพระเกียรติ 

@@@……ข่าวจากกองทัพบก โดยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก ประจำปีการศึกษา 2567 ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม – 1 มีนาคม 2567 โดยเปิดโอกาสให้ชายไทย ช่วงอายุ 16 – 18 ปี ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และมีความสนใจ รักในอาชีพทหาร สามารถสมัครสอบเข้ามาเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก ผ่านทางเว็บไซต์ https:// crma-admission.rta.mi.th/admission/event สำหรับนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก เมื่อผ่านการสอบคัดเลือกแล้วจะได้เข้ารับการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายควบคู่ไปกับการฝึกทางทหารที่โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เป็นระยะเวลา 2 ปี และศึกษาต่อยังโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในระดับปริญญาตรี เป็นระยะเวลา 5 ปี และบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตรของกองทัพบก รับพระราชทานยศว่าที่ร้อยตรี ปฏิบัติงานในหน่วยทหารทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองสถิติและทะเบียนประวัติ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โทรศัพท์ 063-756-3044, 037-393-010 ต่อ 62134 ในวันและเวลาราชการ หรือ Line Official : https://lin.ee/58E2SRJ โดยกองทัพบกพร้อมเปิดโอกาสและต้อนรับนักเรียนชายทุกคนที่มีความสนใจ เพื่อเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน สามารถเดินตามความฝัน สู่เส้นทางทหารอาชีพได้สำเร็จ. 

 ………………………………….

 คอลัมน์ : “Military Key”

 โดย ..“รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img