กองทัพเรือตั้งศูนย์ประสานงานเครือข่ายกำลังพลสำรองเพื่อความมั่นคง คอยสนับสนุนกองทัพอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเตรียมความพร้อมในยามบ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.2567 สถานการณ์การเมืองมีให้ลุ้นกันตลอด ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง 40 ส.ว.ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี และมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ชี้แจงภายใน 15 วัน
@@@…….ช่วงที่ผ่านมา จากการเสียชีวิตของน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” นั้น กระแสประชาชนส่วนใหญ่เกิดความสงสาร ที่เธอพลาดพลั้งไปกับเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองจนถึงกับเสียชีวิต ซึ่งเหมือนกับกรณี อากง, ดา ตอร์ปิโด หรือ นายนวมทอง ไพรวัลย์ ที่พบจุดจบลักษณะเดียวกัน โดยหลงเชื่อคำยุยงของบุคคลหลายๆ คนที่สนับสนุนการต่อสู้ต่อไปเพื่ออุดมการณ์ ส่วนอีกหลายคนแม้จะมิได้ยุยงโดยตรง แต่ก็เหมือนยุยงด้วยการส่งเงินสนับสนุน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่า ใครส่งเงินมาให้บ้างโดยเฉพาะจากองค์กรต่างชาติ
@@@…….สื่อบางคนก็ยุยงในทางอ้อมว่า “ศาลไม่ให้ประกันตัว” เช่นเดียวกับหลายกรณีที่ไม่ให้สารภาพ พอถูกจำคุก แม้คิดจะสารภาพผิด แต่ก็เกิดเสียชีวิตกระทันหันเสียก่อน กว่าจะทราบผลชันสูตรก็ผ่านไปเป็นเดือน ศพก็ถูกแห่แหนนำไปเผาทำลายเสียก่อน ..แม้ในกรณีการเสียชีวิตของ “บุ้ง ทะลุวัง” นั้น “กลุ่ม 3 นิ้ว” ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ว่า “โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ใช้เวลาปั๊มหัวใจช่วยชีวิต นานอยู่ถึง 112 นาที” ซึ่งเป็นการล้อเลียน ม.112 อย่างชัดเจน รวมถึงการโพสต์ในประเด็นที่ว่า “ต้องรอให้มีคนตายก่อนหรือ ถึงจะทำให้สังคมตระหนักว่า คนเห็นต่างไม่สมควรตายหรือติดคุก และสิทธิการประกันตัวเป็นของทุกคน” คำพูดดังกล่าว ถือเป็นการโหนกระแส เพราะประเด็นที่กล่าวถึง ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด
@@@…….ทั้งนี้ น.ส.เนติพรมิได้ติดคุกเพราะเห็นต่าง ตามที่มีการบิดเบือนประเด็น แต่เป็นความผิดทางอาญาเกี่ยวกับการก่อกวนขบวนเสด็จฯ แม้จะกระทำผิดเช่นนี้แล้ว แต่น.ส.เนติพรก็ยังได้รับสิทธิการประกันตัวเหมือนทุกคน แต่ น.ส.เนติพรใช้เงื่อนไขจากการประกัน ตัวไปก่อเหตุแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก นอกจากนี้ยังกล่าวได้ว่า “บุ้ง ทะลุวัง” ได้รับการดูแลอาการเจ็บป่วย และมีอภิสิทธิ์มากกว่านักโทษปกติ สามารถเลือกโรงพยาบาลเอง และอยู่ร่วมกับกลุ่มเพื่อนๆ ได้อีกต่างหาก
@@@…….การที่ น.ส.เนติพรประกาศอดอาหารและน้ำ ประท้วงโดยมี 2 ข้อเรียกร้องที่ศาลให้ไม่ได้ ซึ่งน.ส.เนติพร เองก็ทราบอยู่แล้วว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะบิดาเป็นผู้พิพากษาที่จบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยเข้าร่วมการต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อปี 2535 จนได้รับบาดเจ็บที่ท้อง ทั้งนี้ข้อเรียกร้องดังกล่าว คือ 1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ซึ่งความหมายของน.ส.เนติพร คือสิทธิในการละเมิดอำนาจศาลอีกด้วย 2.จะต้องไม่มีคนเห็นต่างทางการเมืองถูกคุมขังอีก ซึ่งฝ่ายความมั่นคงมองว่า การเห็นต่างในสังคมของไทยนั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้อยู่แล้ว แต่ละเมิดกฎหมาย สร้างความไม่สงบ หรือดูหมิ่นด้อยค่าผู้คนในบ้านเมือง หรือมุ่งไปสู่การล้มเจ้าตามเจตนาเดิมนั้น กระทำไม่ได้ ซึ่งประเด็นหลักของเรื่องเหล่านี้ มิใช่เรื่องทางการเมืองอย่างชัดเจน จึงฟังไม่ขึ้น และฝ่ายความมั่นคงยังมั่นใจว่า การโหนกระแสครั้งนี้ จะไม่สามารถปลุกกระแสความขัดแย้งให้ขยายตัวเป็นความวุ่นวายจนเป็นอุปสรรคต่อการบริหารชาติบ้านเมืองได้มากไปกว่านี้
@@@…….นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อเดินทางมาถึงได้ไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจกับผู้ป่วยที่เป็นกำลังพลรักษาพยาบาล อันเนื่องมาจากถูกคนร้ายลอบวางระเบิดขณะคุ้มครองครูพื้นที่ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 ที่ผ่านมา จำนวน 5 นาย ได้แก่ 1) หมู่โท อดือนัน มะดิง 2) อส.อ.รีดูวัน แวบือสา 3) อส.อ.มาฮาเดร์ มามะ 4) ส.อ.วุฒิศักดิ์ ชูบุญศรี และ 5) อส.อ.ลุกมัน เง๊าะหลัง
@@@…….จากนั้นเดินทางไปยัง ฉก.นราธิวาส และรับฟังการบรรยายสรุปจาก กอ.รมน.ภาค 4 สน. และ สนภ.4 สน. ซึ่งรับทราบถึงสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ที่บ้านไอร์ยามู และบ้านเจาะไอร้อง รวมทั้งผลการปฏิบัติงานต่างๆ ทั้งนี้ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยในสถานการณ์และปัญหาความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย จึงได้เน้นย้ำ ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับกำชับและกำกับดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ไม่ตั้งมั่นอยู่ในความประมาทที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอันนำมาซึ่งความเสียใจต่อครอบครัวและผู้ร่วมงาน ตลอดจนขอให้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่สร้างปัญหาที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือใช้ขยายผลในการก่อเหตุต่อไป ห้ามมิให้กำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเป็นอันขาด รวมถึงให้ดูแลสิทธิ สวัสดิการต่างๆ แก่กำลังพลเพื่อก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละและทุ่มเท
@@@…….กองบัญชาการกองทัพไทย…. พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มอบโอวาทให้แก่ผู้รับทุนการศึกษา ระดับปริญญาตรี ของกองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 100 ทุน ณ ห้องประชุมอาคาร 15 การมอบทุนการศึกษา ดังกล่าว เป็นไปตามเจตนารมณ์ในด้าน people first (การพัฒนากำลังพลและครอบครัว ส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพล) ให้มีวุฒิการศึกษาสูงขึ้น โดยการมอบทุนการศึกษาให้กับนายทหารประทวน สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 100 ทุน ซึ่งกรมกำลังพลทหาร ร่วมกับหัวหน้าสายวิทยาการ จำนวน 21 สายวิทยาการ ได้ดำเนินการกำหนดหลักสูตร สาขาวิชาที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์กับกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติของผู้รับทุนการศึกษา การแก้ไขระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการมอบทุนการศึกษา และเปิดรับสมัครผู้รับทุนการศึกษาผ่านระบบ My RTARF เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในการเข้ารับทุนการศึกษา แบ่งเป็นสถาบันการศึกษาของรัฐบาล จำนวน 66 คน และสถาบันการศึกษาของเอกชน จำนวน 34 คน ในสาขาวิชาที่ขาดแคลนของแต่ละสายวิทยาการ อาทิ สาขาไซเบอร์, แพทย์, วิศวกรรม รัฐศาสตร์, เกษตร, บัญชี เป็นต้น เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้าและบรรลุภารกิจของกองทัพในอนาคต
@@@…….ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวกับผู้ได้รับทุนการศึกษาว่า การที่ทุกคนได้รับทุนการศึกษานี้ ไม่เพียงเป็นการยอมรับในความสำเร็จทางการศึกษา และความมุ่งมั่นของกำลังพลทุกนายเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสในการพัฒนาตนเอง อันจะยังประโยชน์ต่อประสิทธิผลของงานในกองบัญชาการกองทัพไทย เพราะการศึกษา ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาตนเอง สังคม และประเทศชาติ ดังนั้น ทุนการศึกษาที่ทุกคนได้รับในวันนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้ผู้ได้รับทุนจงใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงแค่ในแง่ของการเรียนรู้ในห้องเรียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทักษะชีวิตในการการสร้างเครือข่ายทางสังคม และการเสริมสร้างจิตวิญญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดี อันจะนำไปใช้ประโยชน์ในหน้าที่ราชการ โดยมีผลพลอยได้คือการได้มีโอกาสสอบแข่งขันในการเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตรในโอกาสต่อไป เพราะทุกคนล้วนเป็นผู้มีศักยภาพ เป็นความหวัง และเป็นอนาคตที่สดใสของกองทัพ ในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อก่อเกิดประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคต
@@@…….กองทัพบก…. พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันร่วมกับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกทั่วประเทศโดยผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวขอบคุณหน่วยทหารทุกหน่วยที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความเรียบร้อยในห้วงที่ผ่านมา พร้อมทั้งเน้นย้ำนโยบายการปฏิบัติงานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการฝึกทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2567 ที่ทหารใหม่ทุกนายต้องได้รับการฝึกทักษะการปฐมพยาบาล และการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานเพื่อให้มีความพร้อมและสามารถปฏิบัติการช่วยชีวิตได้ทันทีที่เกิดเหตุและในส่วนของการฝึกทหารใหม่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากองทัพบกได้จัดกิจกรรมเยี่ยมญาติทหารใหม่ให้ครอบครัวได้เข้ามาพบปะพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่และให้กำลังใจซึ่งกันและกันกับน้องทหารใหม่ภายในหน่วยฝึกทหารใหม่ทั่วประเทศซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความรักและอบอุ่นของครอบครัว
@@@……กองทัพอากาศ….พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง “ความร่วมมือด้านการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร” ระหว่าง กองทัพอากาศ กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร โดยมี นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข, รศ.ดร.ทวิดา กมงเวช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
@@@……สำหรับบันทึกข้อตกลงจะนำมาซึ่งความร่วมมือและความพร้อมทางการแพทย์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งนำมาซึ่งความเป็นอยู่พื้นฐานและคุณภาพชีวิตที่ดีสร้างความผาสุกให้กับประชาชน ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1.เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและประสานความร่วมมือ ดำเนินการพัฒนาเข้าถึงบริการทางการแพทย์ 2.เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการ แก่ประชาชนข้าราชการกองทัพอากาศและครอบครัว รวมถึงข้าราชการสังกัดอื่น ๆ ลดความแออัดในโรงพยาบาลภาครัฐ 3.ให้ความร่วมมือในด้านการศึกษาอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างกัน 4.สนับสนุนและพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างกัน
@@@……กองทัพเรือ…..พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ประสานงานเครือข่ายกำลังพลสำรองเพื่อความมั่นคงกองทัพเรือ ณ ศูนย์การฝึก. หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี พล.ร.ท.สมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พล.ร.ต.นิรัตน์ ทากุดเรือน ผู้บัญชาการศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานเครือข่ายกำลังพลสำรองเพื่อความมั่นคงกองทัพเรือ ตลอดจน หน่วยงาน ชมรม องค์กรภาคีเครือข่ายกำลังพลสำรอง ให้การต้อนรับ ตามแผนแม่บทของกระทรวงกลาโหมในการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองพุทธศักราช 2566 ถึง 2567 ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 เรื่องการเสริมสร้างเครือข่ายกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดเป้าหมายให้มีเครือข่ายกำลังพลสำรอง และมีศูนย์ประสานงานกำลังพลสำรอง เพื่อความมั่นคงครอบคลุมทุกเหล่าทัพ
@@@……กระทรวงกลาโหม จึงได้ให้กองทัพเรือดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกำลังพลสำรองเพื่อความมั่นคงในส่วนของกองทัพเรือจำนวนหนึ่งศูนย์ ในการนี้กองทัพเรือได้ ให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเครือข่ายกำลังพลสำรองเพื่อความมั่นคงกองทัพเรือ โดยมีผู้บัญชาการศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินเป็นผู้อำนวยการศูนย์ และมีโครงสร้างประกอบด้วยสามส่วนคือส่วนบัญชาการฝ่ายอำนวยการและฝ่ายกิจการกำลังพลสำรอง หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินได้พิจารณาให้การสนับสนุนจัดตั้งศูนย์ประสานงานแห่งนี้โดยใช้อาคารเครื่องช่วยฝึกยิงอาวุธประจำกายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้การสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงอาคาร จัดหาวัสดุอุปกรณ์และเครื่องใช้ประจำสำนักงานต่างๆ จำนวนหนึ่ง สำหรับอาคารแห่งนี้มีพื้นที่เพียงพอที่จะรองรับเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานประจำศูนย์ตลอดจนใช้ในการประชุมและประสานงานเครือข่ายต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและเสริมสร้างความมั่นคงของชาติในทุกรูปแบบเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในด้านต่าง ๆ นอกจากจะมีกองทัพที่เข้มแข็งแล้วต้องมีกำลังสำรองคอยสนับสนุนกองทัพอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเตรียมความพร้อมในยามบ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต.
………………………………….
คอลัมน์ : Military Key
โดย “รหัสมอร์ส”