‘ไทย’จับตาสถานการณ์การเมือง‘อิหร่าน’ หวั่นเกิดผลกระทบทั้ง‘การเมือง&สังคม’

 ผบ.ทบ. ลงพื้นที่พร้อมคณะรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เยี่ยมการฝึก อส.จชต. เดินหน้าเสริมสร้างกำลังประจำถิ่นใน จชต. สอดรับแผนยุทธศาสตร์ชาติ

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 1 มิ.ย.67 ช่วงกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ Bell 212 ประสบอุบัติเหตุจนนำไปสู่การการเสียชีวิตของ “ประธานาธิบดี อิบราฮิม ไรซี” และ “ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน” รัฐมนตรีว่าการกระทวงการต่างประเทศ รวมถึงคณะผู้ติดตามคนอื่นๆ รวมทั้งหมด 9 คนที่เสียชีวิต ท่ามกลางหมอกบนภูเขาของอาเซอร์ไบจานตะวันออก เมื่อวันที่ 19 พ.ค.67 นั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจ และเหตุการณ์ครั้งนี้ ย่อมทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริง ทั้งในประเด็นด้านเทคนิค และความปลอดภัย รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น การก่อการร้ายหรือการกระทำจากศัตรู เป็นต้น

@@@…….เป็นที่น่าประหลาดใจที่กองทัพอิหร่าน ไม่มีเฮลิคอปเตอร์สภาพดีให้คนระดับ “ผู้นำประเทศ” ใช้ รวมทั้งไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลอิหร่านมี ฮ.อยู่กี่ลำ จำนวนเท่าไร แต่ข้อมูลของกองทัพอากาศโลกประจำปี 2024 ของ Flight Global ระบุว่า กองทัพอากาศ และกองทัพเรืออิหร่าน มีอากาศยานปีกหมุน อยู่ทั้งหมดเพียง 10 ลำ กองเรือปัจจุบันของอิหร่าน ประกอบด้วย Agusta Bell AB-212 รุ่นกองทัพเรือที่อิตาลีสร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เฮลิคอปเตอร์ Bell 212 ที่ประสบอุบัติเหตุ สร้างในสหรัฐฯ และมีอายุใช้งานมาแล้วกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า การทำการบินในสภาพอากาศที่ไม่ดี มีเมฆปกคลุมยอดเขาด้วย ฮ.สภาพเก่า น้ำหนักเบานั้น อันตรายอย่างยิ่ง และมีตัวอย่างการเกิดอุบัติเหตุ ฮ.ตกในลักษณะนี้ให้เห็นทั่วโลกมาแล้วอย่างมากมาย 

@@@…….ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงมองว่า จากกรณีการเสียชีวิตของผู้นำอิหร่านนั้น คาดว่าอาจส่งผลกระทบในหลายด้าน อาทิ ด้านการเมือง อาจเกิดความไม่แน่นอนในทางการเมือง โดยการเปลี่ยนแปลงผู้นำคนใหม่ ที่อาจนำไปสู่การต่อสู้เพื่ออำนาจภายในกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งความขัดแย้งหรือความไม่มีเสถียรภาพภายในประเทศอิหร่านได้ ส่วน ด้านสังคม ประชาชนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ และเกิดการชุมนุมประท้วงหรือการแสดงออกทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น 

@@@…….ในส่วน ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงผู้นำอิหร่าน อาจส่งผลต่อสมดุลอำนาจในภูมิภาค และมีผลต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ซาอุดิอาระเบีย รวมถึงการเจรจา และข้อตกลงระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก อาทิ ข้อตกลงนิวเคลียร์ JCPOA และการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และผลกระทบทางด้านความมั่นคง ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการทหารและการพัฒนายุทธศาสตร์ใหม่ โดยจะส่งผลต่อการเสริมสร้างกองทัพและการพัฒนาระบบอาวุธ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อกลุ่มก่อการร้ายที่อิหร่านสนับสนุน อาทิ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และกลุ่มอื่นๆ ในภูมิภาคก็เป็นได้

@@@…….ตอบคำถามสำคัญว่า ใครคือผู้กุมอำนาจสูงสุด หลังประธานาธิบดีอิหร่านเสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก คาดว่า “โมฮัมหมัด โมคบาร์” รองประธานาธิบดีคนที่ 1 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนประธานาธิบดีชั่วคราว โดยผู้นำสูงสุดของอิหร่าน มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 1 หลังการเลือกตั้งปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่นายไรซีเข้าสู่ตำแหน่ง บุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในอิหร่าน คือ “อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี” ซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ปี 1989 ในฐานะ ประมุขแห่งรัฐ และผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีอำนาจเหนือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจศีลธรรมด้วย 

@@@…….นอกนั้น “อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี” ยังควบคุมกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน IRCG ซึ่งรับผิดชอบงานความมั่นคงภายใน รวมถึงกองกำลังต่อต้านบาซิจ ซึ่งเป็นกองกำลังอาสา และเคยถูกใช้ระงับความขัดแย้งในอิหร่าน ส่วน “ประธานาธิบดี” ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นอันดับสองรองจากผู้นำสูงสุด จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารประจำวันของรัฐบาล และมีอิทธิพลอย่างมากต่อนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อำนาจของเขานั้นถือว่ามีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความมั่นคง 

@@@…….อย่างไรก็ตาม เมื่ออิหร่านเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ภายใน 50 วันข้างหน้าแล้วเสร็จ คาดว่า ผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ปฏิวัติหรือสายแข็งซึ่งเป็นผู้ภักดีต่อผู้นำสูงสุด “อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี” จะมีคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง และชนะในการเลือกตั้งได้ในที่สุด รวมทั้งหลายคนเชื่อว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดวัย 85 ปีผู้นี้ กำลังเตรียมความพร้อมให้การเปลี่ยนถ่ายโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น หลังการเสียชีวิตของนายไรซี ซึ่งดูเหมือนจะสร้างภูมิทัศน์ทางการเมืองของอิหร่าน เพื่อการสืบทอดตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเขานั่นเอง 

@@@…….ปัจจุบัน “โมฮัมหมัด โมห์เบอร์” รองประธานาธิบดีอิหร่าน คนที่ 1 ได้รับมอบหมายให้รักษาการตําแหน่งประธานาธิบดีไปก่อน จนกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดี จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มิ.ย.67 ขณะที่ “อาลี บาเกรี” รมช.ต่างประเทศ อิหร่าน ได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการตําแหน่งรมว.ต่างประเทศอิหร่าน ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงจะได้ติดตามแนวโน้มสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่า ประเทศไทยจะสามารถแสดงท่าทีในเวทีการเมืองระหว่างประเทศได้ถูกต้องเหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผลประโยชน์ของชาติได้ในที่สุดต่อไป 

@@@…….เยือนสิงคโปร์….พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค.67 ที่ผ่านมา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองกองทัพตามคำเชิญของ พล.ร.ท.แอรอน เบง (Vice Admiral Aaron Beng) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสิงคโปร์ โดย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เเละเอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง และภารกิจของสถานทูตไทยในมิติด้านต่างๆ อาทิ ด้านการต่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เป็นต้น อันจะนำไปสู่ความร่วมมือในภูมิภาคที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐสิงคโปร์ในอนาคต 

@@@…….จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะ เดินทางไปยังกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ ได้เข้าเยี่ยมคำนับ หารือข้อราชการกับ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสิงคโปร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดผ่านกิจกรรมด้านต่างๆ โดย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวชื่นชมกองทัพสิงคโปร์ว่ามีความทันสมัยและมีการพัฒนาอยู่เสมอ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังได้กล่าวขอบคุณสําหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยหวังว่า กองทัพไทยและกองทัพสิงคโปร์จะมีกิจกรรม และมีการประสานความร่วมมือระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

@@@…….ต่อมาผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เข้าเยี่ยมคำนับ นาย Heng Chee How รัฐมนตรีอาวุโส ประจำกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ โดยได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีความใกล้ชิด รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนากองทัพให้มีประสิทธิภาพเพื่อความมั่นคงในภูมิภาคต่อไป ทั้งนี้ รัฐมนตรีอาวุโส ประจำกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมไทย ที่อำนวยความสะดวกและให้การช่วยเหลือผู้โดยสารของ Singapore Airlines ที่ประสบอุบัติเหตุตกหลุมอากาศรุนแรง (Turbulence) เมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นอย่างดี

@@@……ตรวจเยี่ยม….พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมคณะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย/ผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้เยี่ยมเยียนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ที่บาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ จชต. ซึ่งเข้ารับการรักษาพยาบาลและฟื้นฟูร่างกาย ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยรองนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบก ได้พูดคุยให้กำลังใจ กล่าวชื่นชมในความกล้าหาญ ทุ่มเทและเสียสละ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องสิทธิสวัสดิการของกำลังพลให้เร็วที่สุด และเน้นย้ำทุกฝ่ายเร่งสืบสวน สอบสวน ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

@@@……ในช่วงบ่าย คณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกเสริมสร้างขีดความสามารถสมาชิก อส.จชต. (หลักสูตรผู้นำ อส.จชต.) ภาคสนาม ประจำปี 2567 รุ่นที่ 1 ณ ศูนย์ฝึกอบรมกองกำลังประจำถิ่นท่าสาป ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา โดยได้รับฟังบรรยายสรุปการจัดการฝึกหลักสูตรฯ, ชมสาธิตการฝึกยิงปืนทางยุทธวิธี พร้อมกันนี้รองนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบกได้ร่วมทดสอบยิงปืนเล็กยาว M4 กับคณะครูชุดสาธิตและ อส.จชต. ก่อนพบปะให้โอวาท มอบรางวัลให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดสาธิตการฝึก รวมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ให้กำลังใจกับผู้เข้ารับการอบรมและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกนาย

@@@……สำหรับโครงการฝึกฯ อส.จชต. นี้ กองทัพบกได้ร่วมสนับสนุนรัฐบาลขับเคลื่อนงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561-2580 ในการเสริมสร้างประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่และ อส.จชต. เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการถ่ายโอนภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จชต. จาก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ภายในปี พ.ศ.2570 ซึ่งกองทัพบกได้มอบหมายให้หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เป็นหน่วยรับผิดชอบในการฝึกฯ เพื่อให้ อส.จชต. เข้าใจในการปฏิบัติ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติงานและพร้อมในการเป็นผู้นำหน่วยขนาดเล็ก ที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบในพื้นที่ในทุกมิติ ภายใต้การบูรณาการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเป็นเอกภาพ เพื่อร่วมสร้างสันติสุขในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป 

@@@…….กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกครั้งที่ 8/2567 โดยก่อนเริ่มประชุมได้มีการมอบรางวัลให้กับกำลังพลและหน่วยต่างๆ อาทิ รางวัลประกาศชมเชยกำลังพลที่ช่วยเหลือประชาชนจากอุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆ, รางวัลหน่วยที่มีผลการดำเนินการคัดเลือกและตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการดีเด่น, รางวัลการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางทหารของกองทัพบกและรางวัลการฝึกและการแข่งขันทักษะด้านไซเบอร์ภายในกองทัพบก โดย ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวชื่นชมกระบวนการตรวจและคัดเลือกทหารฯ ว่ามีพัฒนาการที่ดี พร้อมเน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติตามนโยบายกองทัพบกให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเฉพาะการให้ความสำคัญในส่วนของงานสัสดี เนื่องจากเป็นด่านแรกที่จะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจกองทัพบก

@@@…….โดยที่ประชุมได้รายงานผลการปฏิบัติงานที่สำคัญของกรมฝ่ายเสนาธิการและศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้แก่ สรุปสถานการณ์ด้านความมั่นคงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลปฏิบัติงานของกองกำลังป้องกันชายแดนเกี่ยวกับการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย การปฏิบัติงานตามนโยบายสำคัญ และข้อสั่งการของผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งหลังจากที่ได้รับฟังการรายงานแล้ว ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการและมอบแนวทางในการปฏิบัติงานที่สำคัญ ในเรื่องการสกัดกั้นยาเสพติด ขอขอบคุณกำลังพลในกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบกที่ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดและเสียสละ ทำให้มีผลการจับกุมสิ่งผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง 

@@@…….กองทัพเรือ…..พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี และการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567 โดยมี พล.ร.ต. ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับ ณ สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความพร้อมขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ ทดสอบความพร้อมรบและขีดความสามารถขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธีในการฝึกยิงอาวุธประจำหน่วย รวมทั้ง ทดสอบการปฏิบัติทางยุทธวิธี ระหว่างหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กับ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

@@@…….ในการยิงเป้าหมายทางทะเล เป็นการฝึกตามแผนงานประจำปี พ.ศ.2567 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้จัดปืนใหญ่กลางกระสุนวิธีราบ ขนาด 130 มิลลิเมตร ปืนใหญ่รักษาฝั่งกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37/70 มิลลิเมตร และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S เข้าร่วมการฝึก จะยิง 2 แบบ โดยการยิงจากรถ และการยิงแบบประทับบ่าที่ระยะ 1,800 เมตร สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถี IGLA-S เป็นอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ มีหลักการจับเป้าหมายโดยอาศัยการตรวจจับและรับรังสีอินฟราเรดที่แพร่ออกมาจากแหล่งความร้อนของตัวอากาศยาน อาวุธจะล็อคเป้าหมาย และพร้อมให้พลยิงปล่อยตัวจรวดออกมาเพื่อติดตามและทำลายเป้าหมายต่อไป

@@@…….การฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกยิงอาวุธปืนทางยุทธวิธีด้วยกระสุนจริง โดยใช้ศูนย์อำนวยการยิงร่วมกัน ของกองพันรักษาฝั่ง (สอ.รฝ) และกองพันทหารปืนใหญ่ (นย.) พร้อมทั้งการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S ด้วยลูกจรวดจริง และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA -S โดยอาวุธปล่อยนำวิถีและกระสุนปืน เข้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประจำพื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2567 

@@@…….สำหรับขั้นการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเลในห้วงเป็นการฝึกสนธิกำลังระหว่างหน่วย ทำการฝึกตามขีดความสามารถการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ ทั้งในระดับยุทธการและยุทธวิธี การฝึกควบคุมบังคับบัญชาและการอำนวยการยุทธ์ของศูนย์ปฏิบัติการ (FTX) โดยมีรายการฝึกสำคัญ ประกอบด้วย การฝึกยุทธวิธีร่วมกองเรือ การฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างกำลังทางเรือและอากาศยาน การฝึกป้องกันพื้นที่ของทัพเรือภาค การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบกและส่งผ่านกำลังทางบก รวมทั้ง การฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง โดยเป็นการฝึกตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ คือ “ฝึกฝนให้ชำนาญ เพื่อพร้อมปกป้องอธิปไตยให้น่านน้ำไทย” 

 ………………………………….

 คอลัมน์  :“Military Key”

 โดย ..“รหัสมอร์ส”