ฝ่ายการเมืองต้องรับรู้เกมบีบของสหรัฐฯ เปลี่ยนไทยจากลูกค้าเป็นลูกหนี้ระยะยาว

การที่ทูตสหรัฐฯ เสนอแหล่งเงินกู้ระยะยาวให้ไทยในการจัดซื้อเครื่องบินรบ ซึ่งจะบีบให้ไทยเปลี่ยนสถานะการเป็นลูกค้าให้เป็นลูกหนี้ระยะยาว โดยไม่มีข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการเข้ามาลงทุนร่วมกับภาคเอกชนไทยในประเทศ 

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 13 ก.ค.67 เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา “โรเบิร์ต โกเดค” เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบหารือ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมใน การเสนอขายเครื่องบินขับไล่โจมตี F-16 Block 70/72 ของ บริษัท ล็อคฮีด มาร์ติน หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือถึง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ไปก่อนหน้านี้แล้ว 

@@@…….สหรัฐฯได้เสนอเงินกู้จนจบโครงการ ไม่ต้องทยอยซื้อ และจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านซ่อมบำรุงที่กองทัพอากาศไทยมีความต้องการ ซึ่งการจัดซื้อได้ 2 วิธีคือ ผ่อนชำระโดยใช้งบประมาณ และ ถ้าไม่ใช้งบประมาณก็ใช้วิธีกู้เงิน แต่วิธีหลังส่วนใหญ่ใช้ในการลงทุน และมีการคืนกำไร ซึ่งในการจัดซื้อเครื่องบินรบก่อนหน้านี้ ยังไม่เคยใช้วิธีนี้ จึงต้องมีการศึกษาผลดี-ผลเสียให้รอบคอบก่อน

@@@…….อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการคัดเลือกฯ ของกองทัพอากาศ ได้ตัดสินใจเลือกเครื่องบิบขับไล่ฝูงใหม่ที่จะมาแทนที่เครื่องบิน F-16s ที่กำลังจะปลดประจำการ โดย เลือกเครื่องบิน Gripen E/F ที่มีคะแนนเหนือกว่า F-16 Block 70/72 ทุกด้าน และไม่เพียงกองทัพจะได้เครื่องบินรบใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ระบบอาวุธฯที่เหนือชั้นกว่าเครื่องบินทุกรุ่นที่อยู่ในภูมิภาคนี้ รวมทั้ง “สวีเดน” จะนำเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุนร่วมกับบริษัทของไทยในประเทศ เช่น Green Technology หรือภาคอุตสาหกรรมอื่นที่พวกเขามีความเชี่ยวชาญ ผูกไว้กับโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ไปพร้อมด้วย

@@@…….ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง มองว่า การจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกองทัพไทยที่เป็น เครื่องบินขับไล่โจมตีชั้นเยี่ยมจำนวน 1 ฝูงบิน โดยจะใช้งานไปอีกอย่างน้อย 30 ปี เพื่อทดแทนอากาศยานรบที่กำลังจะปลดประจำการ 6 ฝูงบิน ซึ่งล้าสมัย มีอายุการใช้งานมานาน 30-40 ปี เพื่อความมั่นคงด้านการป้องกันประเทศ และปกป้องระบบเศรษฐกิจและสังคมของไทย รวมทั้งเพื่อให้มั่นใจว่า ความมั่นคงในภูมิภาคจะได้รับการประกันนั้น ถือเป็นความจำเป็นสำคัญที่ขาดไม่ได้

@@@…….โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีของกองทัพอากาศครั้งนี้ มูลค่าของเงินงบประมาณจะคงอยู่ไปอีกอย่างน้อย 30 ปี และกองทัพอากาศพิจารณาใช้งบประมาณจากงบลงทุนในค่าใช้จ่ายประจำที่ได้รับการจัดสรรประจำปีอยู่แล้วมาผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ มิได้ใช้ “งบกลาง” ของรัฐบาลแต่อย่างใด และอยู่ในกรอบเพดานผูกพันที่จะไม่ทำให้เป็นภาระเกินกำลังของชาติ โดยงบประมาณของ กระทรวงกลาโหมในภาพรวมปี 2568 และ 5 ปีจากนี้ไป ยังจะคงยืนอยู่ที่ประมาณ 1.5% GDP ต่อเนื่องต่อไป 

@@@…….อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ ก่อนหน้านี้รัฐสภาสหรัฐฯปฏิเสธการขายเครื่องบินขับไล่โจมตี F- 35 ให้แก่ไทย ทั้งๆ ที่กองทัพอากาศสหรัฐฯประสงค์ให้กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีรุ่นนี้มาใช้งาน เพื่อยกระดับการปฏิบัติการร่วม/ผสม กับกองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตรได้อย่างสอดคล้องกัน รวมทั้งเครื่องบินขับไล่โจมตี F-35 คืออากาศยานรบราคาถูกที่ผลิตขึ้นเพื่อขายให้พันธมิตรของสหรัฐฯ จนดูเสมือนว่า ฝ่ายการเมืองสหรัฐฯระแวงไทย และไม่เห็นไทยเป็นพันธมิตรใกล้ชิดด้วยซ้ำไป

@@@…….แต่การเสนอขายเครื่องบินขับไล่โจมตี F-16 Block 70/72 โดยเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กลับแสดงท่าทีที่เปลี่ยนไป และมีนัยทางการทูตในลักษณะข่มขู่บังคับกลาย ๆ โดยหากไทยเลือกที่จะจัดหาเครื่องบินรบจากชาติอื่น ที่ไม่ใช่จากสหรัฐฯแล้ว อาจทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างกัน กับการช่วยเหลือสนับสนุนไทยในเวทีการเมืองระหว่างประเทศอาจลดลง นอกจากนั้น ทูตสหรัฐฯยังเสนอแหล่งเงินกู้ระยะยาวให้ไทยมาพร้อมด้วย ซึ่งจะบีบให้ไทยเปลี่ยนสถานะการเป็นลูกค้า ให้เป็นลูกหนี้ระยะยาว โดยไม่มีข้อเสนอ Offset ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ามาลงทุนร่วมกับภาคเอกชนไทยในประเทศ เช่นเดียวกับสวีเดน อีกด้วย 

@@@…….เช่นเดียวกับ โครงการเรือดำน้ำจีนของกองทัพเรือ ซึ่งประเด็นปัญหาอยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซลปั่นไฟเพื่อชาร์จชุดแบตเตอรี่เท่านั้น รวมทั้งระบบขับเคลื่อนหลักของตัวเรือนั้น ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่รับพลังงานจากชุดแบตเตอรี่ แต่ปัจจุบันโครงการนี้จะล้ม หรือเดินหน้าต่อไปได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินตกลงใจของฝ่ายการเมืองผ่านการปรับแก้ TOR ของคณะรัฐมนตรี .. ฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่า การจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกองทัพไทยที่เป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีชั้นเยี่ยม บ.Gripen E/F พร้อมระบบอาวุธ Meteor มีความเหมาะสมกว่า บ.F-16 Block 70/72 ในหลายแง่มุม รวมทั้งเรือดำน้ำดีเซลแบตเตอรี่ของจีน พร้อมระบบอาวุธใต้น้ำสู่ฝั่ง และระบบ BeiDou Navigation Satellite System คือ ความจำเป็นสำคัญด้านความมั่นคงของชาติในสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน และอนาคตจากนี้ไป ซึ่ง ฝ่ายความมั่นคง คาดหวังว่า ฝ่ายการเมืองจะตระหนักรู้ และเข้าใจแตกฉานเพียงพอให้สามารถตัดสินตกลงใจได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมถูกต้อง โดยไม่มีผู้ใดตำหนิได้ในภายหลัง ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด ความมั่นคงของไทยก็จะได้รับการประกัน

@@@…….กองบัญชาการกองทัพไทย โดย ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ นำโดย พล.ท. ณัฐวุฒิ สบายรูป ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด พัฒนาชุมชนตำบลแหลมกลัด ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน  (อสม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมเยือน และติดตามคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 ณ อำเภอเมือง จังหวัดตราด ทั้งนี้ กองทัพไทย พร้อมดำรงการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มศักยภาพในทุกมิติ โดยพร้อมเคียงข้าง ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ได้มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงปลอดภัย และพร้อมเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชนในทุกโอกาส 

@@@…….ที่โดมวรรณสมิต ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานเปิดกิจกรรม “เติมคนดีครั้งยิ่งใหญ่ 1 ล้านคน ให้สังคม” รด.จิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้นักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ทั่วประเทศได้ร่วมกันทำความดี และเป็นแกนนำในการปลุกพลังแห่งความดีในหัวใจของพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ อันจะนำไปสู่สังคมแห่งความมีน้ำใจอย่างเป็นรูปธรรม

@@@…….สำหรับรูปแบบกิจกรรม ให้นศท.บันทึกผลการทำความดีในระบบฐานข้อมูล ด้วยภาพนิ่งหรือ คลิปวีดิโอ และพิมพ์ข้อความบรรยายในการทำความดี พร้อมเชิญชวนคนรอบข้าง อาทิ พ่อแม่ พี่น้องและเพื่อนๆ เข้าร่วมเครือข่ายทำกิจกรรมทำความดีใน 3 มิติ ได้แก่ การทำความดีให้แก่ครอบครัว, โรงเรียน/ที่ทำงานและสังคม พร้อมบันทึกผลการทำความดีลงในระบบฐานข้อมูล โดยตั้งเป้าให้ นศท. เชิญชวนผู้ที่สนใจ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเครือข่ายทำความดีให้ครบหรือมากกว่า 1 ล้านคน

@@@…….ทั้งนี้ กองทัพบกขอเชิญชวนประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรม “เติมคนดีครั้งยิ่งใหญ่ 1 ล้านคนให้สังคม” เพื่อร่วมทำกิจกรรมทำความดี ร่วมกับ นศท.ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความมีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกัน และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

@@@……กองทัพเรือ…พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะ ได้มอบเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ (AED) จำนวน 100 เครื่อง ให้แก่กรมแพทย์ทหารเรือ โดยมี พล.ร.ท.ณัฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้รับมอบ  สำหรับเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ (AED) ทั้ง 100 เครื่อง ที่ได้มอบให้แก่กรมแพทย์ทหารเรือในครั้งนี้ ใช้งบประมาณของกองทัพเรือประจำปี 2567 เพื่อแจกจ่ายให้กับหน่วยขึ้นตรง และหน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือ จำนวน 15 หน่วย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ด้านการเพิ่มขีดความสามารถการกู้ชีพพื้นฐานให้แก่กำลังพลกองทัพเรือ รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการกู้ชีพพื้นฐานให้แก่กำลังพลกองทัพเรือ เพื่อให้กำลังพลทุกนายได้ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้องในการกู้ชีพ และช่วยเหลือประชาชนได้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อพบเห็นผู้ประสบเหตุ โดยให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ หน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือ และโรงเรียน ในสังกัดกองทัพเรือทุกแห่ง จัดการอบรมกู้ชีพพื้นฐานและทบทวนตามวงรอบที่เหมาะสม ซึ่งสามารถใช้งานได้จริงในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป

@@@……พล.ร.อ. อะดุง  พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปตรวจการเตรียมความพร้อมของอู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ก่อนเปิดให้ประชาชนเข้าชมการฝึกซ้อมฝีพาย ในการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ โดยกองทัพเรือ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 การพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งได้มีการเตรียมการด้านการฝึกซ้อมกำลังพลฝีพาย และการซ่อมบำรุงเรือ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในส่วนอื่น ๆ 

@@@…….สำหรับรูปแบบการจัดขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ ใช้เรือพระราชพิธีจำนวนทั้งสิ้น 52 ลำจัดขบวนเป็น 5 ริ้ว 3 สาย ความยาว 1,200 เมตร กว้าง 90 เมตร โดยใช้กำลังพลประจำเรือในขบวนเรือพระราชพิธี จำนวนทั้งสิ้น 2,200 นาย ทั้งนี้ ทางกรมเจ้าท่า จะทำการปิดการสัญจรทางน้ำในห้วงเวลาที่มีการเคลื่อนย้ายเรือและช่วงระหว่างที่มีการฝึกซ้อมโดยกำหนดการต่าง ๆ จะมีการแจ้งให้ทราบ ในส่วนของผู้ที่มีความประสงค์จะชมการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระที่นั่ง สามารถเข้าชมได้ระหว่าง วันที่ 8 – 12 ก.ค.67 วันที่ 15 – 19  ก.ค. 67 และ วันที่ 23 – 26 ก.ค. 67  ตั้งแต่เวลา 14.00 – 15.30  น. 

……………

คอลัมน์  : “Military Key”

โดย.. “รหัสมอร์ส”