ใกล้จะเปิดภาคเรียน ผบ.ทบ.สั่งหน่วยทหารบกทั่วประเทศ ส่งชุดปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนฉีดน้ำพ่นยาฆ่าเชื้อตามโรงเรียนต่าง ๆ 165 แห่ง ส่วนข้าราชการกองทัพแม้จะทำผิดนอกเวลาราชการ หากพบความผิดผิดร้ายแรง รับโทษทัณฑ์ถึงขั้นปลดถอดยศ
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ TheKeyNews ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 22 พ.ค.64 ใกล้จะเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปี 2564 แล้ว แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ยังไม่ลดน้อยลง ทางกองทัพบก โดย พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบให้หน่วยทหารของกองทัพบกทั่วประเทศ ประสานและเข้าสนับสนุนสถานศึกษา โรงเรียนในพื้นที่ เพื่อร่วมการพัฒนาและเตรียมสถานศึกษาให้พร้อมรับการเปิดเทอม เพื่อดูแลให้นักเรียน บุคลากรของสถานศึกษามีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อ โดยที่ผ่านมากองทัพบก ได้ส่งชุดปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนเข้าฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อตามโรงเรียนต่าง ๆ แล้วจำนวน 165 แห่ง
@@@…….ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการ ฝ่ายความมั่นคง ทหาร และตำรวจ ในที่ประชุมสภากลาโหม ให้สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพิ่มความเข้มงวด คุมเข้มเฝ้าระวังและสกัดกั้นชายแดน ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยาเสพติดและการค้ามนุษย์ที่อาจเข้ามาพร้อมโควิดสายพันธุ์ใหม่ โดยให้มีมาตรการคัดกรองโรคเข้มข้นต่อเนื่องควบคู่กันไป ให้ประสานสืบจับกุมทำลายเครือข่ายและดำเนินการทางกฎหมายกับนายทุน ผู้ลักลอบและนำพาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ หากมีเจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับเข้าไปเกี่ยวข้อง จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น
@@@…….พูดถึงเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่พบในรูปแบบของการฉ้อโกงประชาชน และแชร์ลูกโซ่ นั้น แม้ว่าจะมีกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับการฉ้อโกงประชาชนท่ีใช้บังคับแล้ว แต่กฎหมายที่เก่ียวข้อง มีจำนวนหลายฉบับ ทำให้เกิดความซับซ้อนในการบังคับใช้กฎหมาย และในเรื่องบทลงโทษและวิธีการลงโทษผู้ที่กระทำความผิดเก่ียวกับการฉ้อโกงประชาชนที่สมควรต้องแก้ไขบทลงโทษให้เด็ดขาด และจากการศึกษา เปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศได้แก่ สหรัฐฯ ประเทศสหราชอาณาจักร และประเทศ ออสเตรเลีย ต่างก็มีกฎหมายหน่วยงานและวิธีป้องกัน และปราบปรามการเกิดปัญหาการฉ้อโกงประชาชน โดยมีบทลงโทษที่เหมาะสม เพื่อมิให้กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
@@@…….หากมีข้าราชการไปมีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว แม้จะกระทำความผิดนอกเวลาราชการ หรือช่วงพักเวรไม่ได้มีภารกิจก็ตาม หน่วยราชการต้นสังกัด จะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีการกระทำความผิดขึ้นจริงก็จะพิจารณาลงโทษ และหากเข้าข่ายอาญาร้ายแรง ก็จะส่งตัวให้หน่วยเกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อไป และถ้าเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วผิดจริง ก็จะดำเนินการปลดถอดยศ เพื่อรับโทษทัณฑ์ของแผ่นดินต่อไป .. มันเป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีใครเข้ามาปกป้องได้ และใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมแน่นอน ไม่มีใครหนีพ้น ฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้เป็นกังวลว่าจะมีการช่วยเหลือกัน ขอให้ประชาชนสบายใจได้
@@@…….พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) รับมอบพัดลม จำนวน 100 เครื่อง จากคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา โดย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะ กรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เป็นผู้มอบฯ ณ ห้องรับรอง 62 กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยพัดลมที่ได้รับมอบ ทางกองบัญชาการกองทัพไทยจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลสนามในความผิดชอบ ในห้วงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค-19
@@@…….นอกจากนี้ ทางคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ยังได้มอบทุนทรัพย์ให้กับ กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อใช้สนับสนุนการจัดกำลังพลพร้อมรถครัวสนามของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ในโครงการ “Senate Food” ประกอบอาหารมื้อกลางวันแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 5 วัน ๆ ละ 400 กล่อง เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในสถานการณ์วิกฤตในครั้งนี้ด้วย
@@@…….พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่กังวลสงสัยว่าตนเองติดเชื้อโควิด-19 ให้มารับบริการตรวจคัดกรองโควิด-19 ณ สนามกีฬากองทัพอากาศธูปะเตมีย์ ซึ่งได้ขยายระยะเวลาในการตรวจคัดกรอง ตั้งแต่วันที่ 17- 22 พ.ค. 2564 โดยเพิ่มจำนวนการให้บริการ 1,500 คนต่อวัน ไม่เสียค่าใช้จ่าย ขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารการลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนตามห้วงเวลาที่กำหนดรวมทั้งเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ซึ่งเป็นหนทางที่จะยับยั้งวิกฤตโควิด-19
@@@…….พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย เนื่องในวันอาภากร ณ พระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร ซึ่งภายหลังพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ กองทัพเรือ และราชสกุลอาภากร ได้จัดให้มีพิธีทักษิณานุประทานอุทิศถวาย ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมี ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี
@@@……พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2439 เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารสัญญาบัตร ในราชนาวีอังกฤษแล้ว ได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ในปีพุทธศักราช 2443 รับพระราชทานยศเป็น “นายเรือโทผู้บังคับการ” ในตำแหน่ง นายธงผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ปีพุทธศักราช 2448 ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ทรงปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ทหารเรือไทยมีความรู้ ความชำนาญ สามารถเป็นครู และเป็นผู้บังคับบัญชาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศ
@@@……ด้วยพระกรณียกิจตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการทหารเรือ ส่งผลให้กองทัพเรือ มีความเจริญก้าวหน้า สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติทางทะเลได้อย่างเข้มแข็งสืบต่อมา ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง กองทัพเรือจึงได้ประกาศขนานพระนามเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และได้กำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็น “วันอาภากร” โดยกำหนดจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ ของพระองค์ท่านเป็นประจำทุกปี
@@@……มาที่เรื่องของการเมือง…. รัฐสภาฯ จะเปิดสมัยประชุมสามัญ ในวันที่ 27 พ.ค.ที่จะถึงนี้ จะมีการพิจารณาร่างพระราชกำหนด 2 ฉบับ และ พรบ.งบประมาณฯ ในวันที่ 31 พ.ค.ซึ่ง กลุ่มพรรคฝ่ายค้านเตรียมถล่มงบป้อง กันประเทศของกระทรวงกลาโหมเต็มที่ เนื่องจากใช้เป็นประเด็นปลุกกระแสคล้อยตามสิ่งที่บิดเบือนไว้ให้ประชาชนทั่วไปหมดความเชื่อถือการบริหารงานภาครัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลา โหม ได้ง่าย ด้วยการเข้าตีแบบพร้อมพรึบกับม็อบผิดกฏหมายบนถนน ร่วมกับประเด็นการป้องกันการระบาดของโควิด-19 กับแผนกระจายวัคซีนซึ่งยังไม่ค่อยลงตัว เพื่อด้อยค่า และล้มรัฐบาลให้จงได้นั้น
@@@……ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ซึ่งใช้งบประมาณเพียงไม่เกิน 1.5 % GDP เพื่อปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เช่น พิทักษ์รักษาเอกราช และความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายนอก และภายในราชอาณาจักร การปราบปรามการกบฏ และการจลาจล โดยจัดให้ มีและใช้ กําลังทหารตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือตามที่มีกฎหมายกําหนด การพิทักษ์รักษา ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสนับสนุนภารกิจของ สถาบันพระมหากษัตริย์
@@@……รวมทั้ง การปกป้อง พิทักษ์รักษาผลประโยชน์แห่งชาติและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงตลอดจนสนับสนุนภารกิจอื่นของรัฐใน การพัฒนาประเทศ การป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติ และการช่วยเหลือประชาชน กับปฏิบัติการอื่นที่เป็นการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากสงครามเพื่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือปฏิบัติการอื่นใด ทั้งนี้ ตามที่มีกฎหมายกําหนด หรือตามมติคณะรัฐมนตรี เป็นต้น ..
@@@…… ดังนั้น การใช้งบประมาณเพื่อให้ได้มาซึ่งศักยภาพของหน่วยกำลัง และกำลังพลของหน่วย ทั่วทั้งระบบในกระทวงกลาโหม และเหล่าทัพ ให้สามารถปฏิบัติภารกิจตามที่กล่าวได้ เป็นความจำเป็นที่หมายถึงความมั่นคงของชาติด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับกระบวนงบประมาณของอีก 19 กระทรวง ….ฝ่ายความมั่นคง ยังคงยืนยันว่า เราจะไม่ยอมเป็นขี้ข้าต่างชาติใด เราจะเป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด มีเอกลักษณ์ที่ต่างจากชาติอื่น ๆ และยืนหยัดอยู่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้ง เป็นที่น่าเคารพเชื่อถือของนานาชาติอีกด้วย.
………………………
คอลัมน์ “Military Key”
โดย “รหัสมอร์ส”