“…..ฝ่ายความมั่นคงมองว่าการประชุมคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย–เมียนมา TBC ของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะจัดให้มีขึ้นในเร็ววันนั้นคือเรื่องสำคัญยิ่งซึ่งจะต้องนำประเด็นหลักต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกรณีเรือรบเมียนมาใช้อาวุธต่อเรือประมงไทยมาพูดคุยเจรจากันให้ได้ข้อไขที่ตกผลึกและเหมาะสมกับทั้ง 2 ฝ่าย ….”
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค.67 สถานการณ์ภายในประเทศสงบ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีเรือรบตรวจการณ์เมียนมายิงเรือประมงไทย เมื่อคืนวันที่ 30 พ.ย.67 โดยล่าสุด กระทรวงกลาโหม, กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยเกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ประสานงานกับรัฐบาลเมียนมาอย่างต่อเนื่องนั้น จนถึงเวลานี้ เอกอัครราชทูตเมียนมาประจําประเทศไทย แจ้งว่าได้ปล่อยตัว 4 คนไทยแล้ว เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งมีขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมืองเมียนมา เพราะต้องดูว่า คนไทย 4 คนถูกแจ้งความข้อหาใดบ้าง เช่น การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะมีขั้นตอนการเปรียบเทียบปรับอย่างไร และอื่น ๆ เป็นต้น
@@@…….ทั้งนี้ สาเหตุเรือรบเมียนมายิงใส่เรือประมงไทย เนื่องเพราะอาจเป็นการทำประมงล้ำน่านน้ำเข้าไป 3 ไมล์ทะเล โดยกลุ่มเรือประมงหลาย 10 ลำ เข้าใจว่ายังอยู่ในน่านน้ำไทย ก่อนเรือรบเมียนมาจะเข้ายึดเรือ 1 ลำ พร้อมลูกเรือ 31 ชีวิต และมีคนไทยอยู่ด้วย 4 คน ไปควบคุมไว้ที่เกาะย่านเชือก อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นแจ้งว่า หัวหน้าสถานีเรือที่ 58 ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่เกาะย่านเชือกว่า ได้นำเรือ ส.เจริญชัย 8 พร้อมลูกเรือจำนวน 31 คน เดินทางถึงเกาะสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
@@@……ขณะนี้ศูนย์ประสานงานชายแดนท้องถิ่นไทย-เมียนมา TBC ฝั่งไทย กำลังดำเนินกรรมวิธีทำหนังสือขอให้ปล่อยตัวลูกเรือคนไทยจำนวน 4 คน ไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา TBC ฝั่งเมียนมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของไทย เดินทางไปรับคนไทยทั้ง 4 คน ประกอบด้วย เลขาคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่น ไทย-เมียนมา TBC คือ ผบ.ร.25 พัน 2, ผอ.ศูนย์ประสานงานชายแดนทางทะเลไทย-เมียนมา และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนอง ส่วนเรือประมงที่ถูกยึดไป ทางเกาะสองจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งมอบเรือประมงของไทยมาด้วยหรือไม่ คาดว่า การเจรจาพูดคุยสำหรับการดำเนินการร่วมกันอย่างไรต่อไปจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และราบรื่น รวมถึงมาตรการในอนาคต เพื่อมิให้เหตุการณ์เรือรบเมียนมายิงใส่เรือประมงไทยลักษณะนี้ เกิดขึ้นซ้ำอีก
@@@……ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการชายแดน จ.ระนอง หรือ TBC ทำหนังสือประท้วงไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง กรณีเรือประมงไทย ถูกเรือตรวจการณ์เมียนมายิงในน่านน้ำที่อ่อนไหวไม่ชัดเจน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือแสดงความกังวลถึงสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถึงเหตุการณ์กองทัพเรือเมียนมายิงเรือประมงไทย จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยจะเชิญเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย มาหารือที่กระทรวงการต่างประเทศ นั้น ถือว่า ทางการเมียนมา ตอบสนองต่อประเด็นความกังวล และความต้องการของฝ่ายไทยเป็นอย่างดี รวมทั้งเมียนมาเอง ก็ไม่ต้องการให้สถานการณ์ขยายตัวบานปลายกลายเป็นกรณีพิพาทแต่อย่างไร
@@@……อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง มองว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่น ไทย-เมียนมา TBC ของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะจัดให้มีขึ้นในเร็ววันนั้น คือเรื่องสำคัญยิ่ง ซึ่งจะต้องนำประเด็นหลักต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีเรือรบเมียนมาใช้อาวุธต่อเรือประมงไทย มาพูดคุยเจรจากันให้ได้ข้อสรุปที่ตกผลึก และเหมาะสมกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยเมียนมาควรจะต้องชดเชยความเสียหาย กับมีผู้เสียชีวิตต่อเรือประมง และครอบครัวผู้สูญเสียอย่างไร รวมทั้งการกำหนดขั้นตอน เครื่องมือ และช่องทางการสื่อสารระหว่างกันให้ใกล้ชิดกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ร้ายแรงจนถึงต้องมีการใช้กำลังอาวุธฯระหว่างกัน
@@@…….ทั้งนี้ ฝ่ายไทยต้องลดความหวาดระแวงด้วยการยืนยันชัดแจ้งให้ฝ่ายเมียนมา ตระหนัก และเข้าใจว่า ฝ่ายไทย มิได้ให้การสนับสนุนใดๆ แก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา โดยฝ่ายไทยถือว่า เหตุการณ์สู้รบในเมียนมา เป็นเรื่องภายในของเมียนมาเอง ซึ่งไทยไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่กลับดำเนินมาตรการลดแรงกดดันจากนานาชาติให้แก่เมียนมาในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับไทยไปพร้อมอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน ความมั่นคงในภูมิภาค จะยังคงได้รับการประกัน ซึ่งฝ่ายความมั่นคง จะได้ติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องต่อไป
@@@…….จากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชน แหล่งชุมชนและเส้นทางสัญจรต่างๆ โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ได้ติดตามและรับทราบในสถานการณ์ รวมทั้งมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ได้สั่งการให้หน่วยทหารกองทัพภาคที่ 4 นำกำลังพล เครื่องมือและยุทโธปกรณ์เข้าให้การช่วยเหลือประชาชนในทันทีและต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อนในด้านต่างๆ ในทุกมิติ
@@@…….โดยหน่วยทหารกองทัพภาคที่ 4 ได้รับแจ้งจากนายอาแว ยูโซะ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสะตา จ.ยะลา ว่าเส้นทางสัญจรภายในหมู่บ้านมีดินสไลด์ ถนนยุบตัวและสะพานที่เป็นเส้นทางหลักในการเข้า-ออกหมู่บ้านถูกกระแสน้ำพัดผ่านตัดขาด ทำให้ประชาชนกว่า 400 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ทางแม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้สั่งการให้หน่วยทหาร กองพันทหารช่างที่ 15 กองพลทหารราบที่ 15 นำเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ทางการช่างของหน่วย ประกอบด้วย รถแบคโฮเพื่อปรับเส้นทาง และการนำรถสะพานเครื่องหนุนมั่น Modular Fast Bridge (MFB) วางสะพานเชื่อมเส้นทางสัญจรให้ประชาชนเป็นการชั่วคราว ซึ่งปัจจุบันได้ติดตั้งแล้วเสร็จ ประชาชนสามารถสัญจรผ่านเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งได้จัดกำลังพลจิตอาสาจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 ร่วมกับส่วนราชการ, ผู้นำท้องที่, ผู้นำท้องถิ่น ในการปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาดเส้นทางและอำนวยความสะดวกด้านการสัญจรให้ประชาชน พร้อมเตรียมวางแผนซ่อมปรับปรุงสะพานที่ถูกกระแสน้ำตัดขาด ภายหลังระดับน้ำในพื้นที่คลี่คลาย
@@@…….พล.อ. ธิติชัย เทียนทอง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมรับมอบเข็มที่ระลึกพระราชทาน ในพิธีพระราชทานเข็มที่ระลึกงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา” เบื้องหน้าพระรูปสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย พร้อมร่วมในพิธีเปิดงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา” ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฯ เป็นประธานในพิธีฯ
@@@…….มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นศูนย์กลางการเป็นเลิศด้านการบรรเทาทุกข์ และจัดการภัยพิบัติอันเกิดจากอุทกภัย (Center of Excellence in Flood Relief and Management) ในด้านสังคมและมนุษย์ เน้นการประสานงานกับภาคีเครือข่ายซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันทั้งด้านการป้องกัน เพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด หรือมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันการสูญเสีย การบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ผ่านพ้นเวลาที่ยากลำบากไปได้ด้วยดี และการฟื้นฟูให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตอย่างปกติได้อย่างยั่งยืน จึงจำเป็นที่ต้องเก็บข้อมูลเชิงสังคม แล้วนำมาบูรณาการ ในการมองและเข้าใจปัญหาแบบองค์รวม เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายอันเดียวกัน มุ่งไปสู่การพัฒนาที่เกิดความยั่งยืนให้กับสังคม
@@@…….กองทัพเรือ โดยกรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้จัดการบรรยายพิเศษ เรื่องหลักกฏหมายว่าด้วยอาณาเขตทางทะเล ซึ่งมีวิทยากรประกอบด้วย นาวาเอกเกียรติยุทธ เทียนสุวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ นาวาเอกหญิงมธุศร เลิศพานิช รองผู้อำนวยการกองกฤษฎีกา สำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือ นาวาเอกรชต โอศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนอุทกศาสตร์ กรมอุทกศาสตร์ นาวาเอก ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมาน ได้รายรัมย์ อาจารย์ฝ่ายศึกษา โรงเรียนนายเรือ และนาวาเอกมณฑล ยศสมศักดิ์ รองผู้อำนวยการกองวิชาเสนาธิการกิจ ฝ่ายวิชาการ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
@@@……สำหรับประเด็นในการบรรยาย ประกอบด้วยหลักการสำคัญของกฎหมายว่าด้วยอาณาเขตทางทะเล / ความเป็นมาของการประกาศเขตแดนทางทะเลของประเทศไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน / บทบาทกองทัพเรือสากล รวมถึงอนาคตและความท้าทายที่กองทัพเรือต้องเผชิญ ประกอบด้วย อนาคตของกฎหมายว่าด้วยอาณาเขตทางทะเลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทยความสำคัญของ กรมอุทกศาสตร์ ในฐานะเจ้าหน้าที่เทคนิคในการกำหนดเขตทางทะเลของประเทศไทยและความท้าทายต่อการปฏิบัติการของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภายใต้หลักกฎหมายว่าด้วยอาณาเขตทางทะเล
……………….
คอลัมน์ : “Military Key”
โดย.. “รหัสมอร์ส”