วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 2, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTSบทบาท‘จีน’ใน‘เมียนมา’มีนัยยะสำคัญ!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

บทบาท‘จีน’ใน‘เมียนมา’มีนัยยะสำคัญ!


“…..สิ่งที่น่ากังวลของไทยมีเพียงประการเดียว ได้แก่ อิทธิพลของจีนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้นมากเกินไปหรือไม่ รวมทั้งไทยจะต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมได้อย่างไร เพื่อรักษาสมดุลการเมืองระหว่างประเทศ และบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากนี้ไป ให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดบนสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้ยาก…..”

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.68 ตั้งแต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จีน ได้กลายเป็นตัวแสดงสำคัญในการเป็นตัวกลางสันติภาพในเมียนมา โดยเฉพาะในพื้นที่รัฐฉาน และผลักดันให้กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธฯ หันมาเจรจากับกับกองทัพเมียนมาโดยมีจีนเป็นคนกลาง รวมทั้งพยายามแสดงบทบาทนำในการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งในลาว และเมียนมา รวมทั้งกัมพูชาก่อนหน้านี้ไปพร้อมด้วย 

@@@…….ขณะนี้ กองกำลังโกก้าง ได้ประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียว และแสดงความพร้อมเจรจาสันติภาพกับกองทัพเมียนมาแล้ว หลังจากที่จีน ควบคุมตัว เผิง เต๋อเหริน ผู้นำโกก้าง MNDAA ไว้ที่คุนหมิง ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ฝ่ายกองทัพเมียนมา ไม่สามารถยึดเมืองคืนด้วยกำลังได้ จึงหันไปพึ่งพิงอิทธิพลของจีน ให้ช่วยกดดันกองกำลังชาติพันธุ์ให้ถอนกำลังการควบคุมพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากหลายสำนัก มองว่า เป็นไปได้ไม่ง่ายนักที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะยอมถอยจากจุดยืนของฝ่ายตน โดยเฉพาะประเด็นการควบคุมเมืองล่าเสี้ยวในรัฐฉานตอนเหนือ แต่อย่างน้อยก็ทำให้การสู้รบคลี่คลาย และลดความรุนแรงลง เพื่อเข้าสู่การเจรจาพูดคุยกันในวาระต่อไป อันถือเป็นตัวอย่างสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธอื่นๆ ที่อาจจะทำให้สถานการณ์ในเมียนมาผ่อนคลายขึ้นได้

@@@…….ฝ่ายความมั่นคงยังเฝ้าสังเกตและติดตามกรณีที่สถานทูตจีนประจำเมียนมา จัดเวทีพบปะสื่อมวลชนขึ้น ณ โรงแรมวินด์แฮม แกรนด์ ในกรุงย่างกุ้ง ช่วงก่อนปีใหม่ พบว่า มีตัวแทนจากกระทรวงสารสนเทศเมียนมา ตัวแทนจากสำนักข่าว 20 กว่าแห่ง ทั้งนักข่าวชาวเมียนมา และนักข่าวจีนที่ประจำอยู่ในเมียนมา เข้าร่วม โดย ‘ดร.เจิ้ง จื้อหง’ อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานทูตจีนประจำเมียนมา กล่าวยืนยันกับตัวแทนสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจีนยังคงเตรียมความพร้อมสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟจีน-เมียนมา เชื่อมระหว่างนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน กับเมืองเจ้าก์ผิ่ว รัฐยะไข่ เพียงแต่ต้องรอให้สถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาสงบเรียบร้อยลงเสียก่อน 

@@@…….ทางรถไฟ “เจ้าก์ผิ่ว-คุนหมิง” นี้ คือกลไกสำคัญของ “ระเบียงเศรษฐกิจ จีน-เมียนมา” และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่ม “Belt & Road Initiative : BRI” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักของจีน และชี้ให้เห็นว่า หากเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายนี้ สร้างเสร็จ นอกจากจีนจะได้ประโยชน์แล้ว ก็จะช่วยเมียนมาสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ และยกระดับมาตรฐานการดำรงชีวิตของชาวเมียนมาในภาพรวมขึ้นได้เป็นอย่างมากมาพร้อมด้วย โดยยืนยันด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ‘หลี่เฉียง’ ของจีน กับ ‘พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย’ ผู้นำของ 2 ประเทศ ต่างเห็นพ้องกัน ในการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา ให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง และมีคุณภาพ

@@@…….ดังนั้น จุดยืนของจีนต่อความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ในภาคเหนือของรัฐฉานนั้น จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยจีนต้องการให้กองทัพเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่เป็นคู่ขัดแย้ง ได้แก่ กองทัพโกก้าง MNDAA, กองทัพตะอั้ง TNLA และกองทัพอาระกัน AA เดินหน้าเจรจากันต่อเนื่องต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้ ตัวแทนของ 2 ฝ่าย เคยเจรจากันที่นครคุนหมิงมา 5 ครั้งมาแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดสันติภาพ และการลงนามในสัญญาหยุดยิงให้สำเร็จในที่สุด 

@@@…….นอกจากนั้น นาย หลิว จงอี รมช.ความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมภายในเมืองเมียวดี และหาแนวทางในการช่วยเหลือชาวจีนที่ถูกกักขังจำนวน 160 คน ในเขตเมียวดี รวมถึงหารือแนวทางการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและปฏิบัติการร่วมไทย-จีน เพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ และรวมถึงมีการประสานงานจาก กองกำลังกะเหรี่ยง BGF ซึ่งนำโดย พ.อ.ชิต ตู มายังทางการไทยว่า จะมีการส่งมอบผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ที่ได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 47 คน มาให้ประเทศไทยบริเวณสะพานมิตรภาพไทย – เมียนมาแห่งที่ 2 มาพร้อมด้วย 

@@@……อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงมองว่า อิทธิพลของจีนในประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น ลาว และกัมพูชา นั้น มีมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ จีนและไทย ได้ร่วมหารือลาว ในการปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์คิงส์โรมัน” ขั้นเด็ดขาด หลังลุยตัดเน็ต ปิดเบอร์มือถือมากกว่า 2,000,000 เลขหมาย เนื่องจาก จีนถือว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือภัยคุกคามร้ายแรงต่อประชาชนชาวจีน

@@@…….รวมทั้ง โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูง “เจ้าก์ผิ่ว-คุนหมิง” เชื่อมต่อเส้นทางส่งกำลังจากท่าเรือขนาดใหญ่ของจีนที่ยะไข่ กับคุนหมิง ตอนใต้ของจีน คือกลไกสำคัญของ “ระเบียงเศรษฐกิจ จีน-เมียนมา” ระยะยาวที่สามารถเลี่ยงความเสี่ยงจากการใช้เส้นทางขนส่งสินค้า น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ผ่านช่องแคบมะละกา ตลอดจนการเข้ามามีอิทธิพลในเมียนมาเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลประโยชน์ของชาติ เนื่องจากเมียนมา มีครบทุกอย่าง ทั้งทรัพยากร พืชผล แรงงาน และเส้นทางออกสู่ทะเลที่ใกล้กว่าในฐานะ Gate Way สู่อินเดีย และแอฟริกาตะวันออก หากดูในภาพกว้าง จีนต้องการทางออกสู่ทะเลเพิ่มเติม เพราะทะเลจีนฝั่งตะวันออกนั้น อยู่ติดมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งห่างไกลตลาดสำคัญของจีนในเอเซีย แอฟริกา และยุโรป 

@@@……ดังนั้นการเปิดช่องการค้าทางทะเลใหม่ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย จึงเป็นหนึ่งในความฝันของจีนภายใต้ BRI, CMEC และ BCIM อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ไม่สงบในเมียนมา คืออุปสรรคสำคัญ ซึ่งหากไม่คลี่คลายลง โครงการ และแผนงานที่กล่าวถึงทั้งหมด ก็จะยังคงชะงักงันต่อไป และอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินหน้าต่อ ซึ่งโครงการแลนด์บริดจ์ หรือสะพานเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างเส้นทางเชื่อมระหว่างท่าเรือในชุมพร และระนอง (อ่าวไทย-อันดามัน) อาจกลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจของรัฐบาลจีน และนักลงทุนจีน รวมทั้งเป็นโอกาสทางธุรกิจของไทยในอนาคตได้ด้วยเช่นกัน .. ดังนั้น สิ่งที่น่ากังวลของไทยมีเพียงประการเดียว ได้แก่ อิทธิพลของจีนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้นมากเกินไปหรือไม่ รวมทั้งไทยจะต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมได้อย่างไร เพื่อรักษาสมดุลการเมืองระหว่างประเทศ และบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากนี้ไป ให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดบนสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้ยาก เพื่อให้มั่นใจว่า ความมั่นคงในภูมิภาค ยังคงจะได้รับการประกันอย่างต่อเนื่องต่อไป

@@@……ที่ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เข้าร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมมอบนโยบายในการปฏิบัติสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม กำหนดเป้าหมายในการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนให้เห็นผลภายใน 6 เดือน ในการนี้ รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้ปฏิบัติในพื้นที่ชายแดนกว่า 400 คน เข้าร่วมพิธีฯ 

@@@……โครงการ “Seal Stop Safe” มีเป้าหมายสำคัญในการสกัดกั้นยาเสพติดตั้งแต่ต้นทาง และจัดการกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายที่อาจหลุดรอดเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน โดยวางแนวทางในการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่สองชั้น ในพื้นที่ 51 อำเภอ 14 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (นบ.ยส.) ในชายแดนภาคเหนือ ภาคอีสาน และจังหวัดกาญจนบุรี โดยการสกัดกั้นชั้นแรก กองกำลังป้องกันชายแดน สนธิกำลังระหว่างตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทหารดูแลสกัดกั้นแนวชายแดน เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจและสกัดจับยาเสพติดตามช่องทางธรรมชาติ 

@@@……และชั้นที่สองจะเป็นการบูรณาการร่วมกันในพื้นที่ชั้นใน ระหว่างตำรวจ 76 สถานี นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ในการป้องกันและสกัดกั้นระดับอำเภอ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดและควบคุมการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ โดยเริ่มต้นโครงการนำร่องใน 51 อำเภอ 14 จังหวัด และ 76 สถานีตำรวจ มีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ปริมาณการสกัดกั้นปริมาณยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเป้าหมายเทียบกับภาพรวมทั้งจังหวัด การปราบปรามจับกุมผู้ค้าและเครือข่ายการลักลอบลำเลียงและค้ายาเสพติดตามเป้าหมาย การดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และการตั้งกำลังประชาชนของหมู่บ้านตามแนวชายแดนในการป้องกัน เฝ้าระวังยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเป้าหมาย

@@@……ขณะเดียวกันจากการที่รัฐบาลได้เข้มงวดในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบตลอดแนวชายแดน ในพื้นที่ 51 อำเภอ กองทัพบกได้มีการเพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมพื้นที่ชายแดนตามช่องทางธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ ด้วยการจัดกำลังป้องกันชายแดนเพิ่มจำนวน 6 หมวด ประกอบด้วย กองกำลังสุรสีห์ 1 หมวด, กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี 2 หมวด, กองกำลังผาเมือง 2 หมวด และกองกำลังนเรศวร 1 หมวด เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ 10 ก.พ.-10 มิ.ย. 68 เพื่อเป็นกำลังปฏิบัติการเชิงรุกในบริเวณพื้นที่ เพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดการปราบปรามและทำลายเครือข่ายนำเข้าส่งออกยาเสพติดสารตั้งต้นเคมีภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการผลิตยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก ที่มีสถิติการลักลอบนำเข้าและมีผลการตรวจยึดค่อนข้างสูง  ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม พร้อมให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และทรัพยากร เพื่อป้องปราม ป้องกันสกัดกั้น ควบคู่การบำบัดรักษา เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากประเทศอย่างเด็ดขาด

@@@……ที่ท่าเรือแหลมฉบัง…..พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมคณะ เยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา โดยมี พลเรือตรี Michael S. Wosje (ไมเคิล เอส. วอสเจ) ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 1 และนาวาเอก Matthew C. Thomas (แมทธิว โธมัส) ผู้บังคับการเรือ USS Carl Vinson ให้การต้อนรับ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งการตรวจเยี่ยมฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกองทัพไทยกับสหรัฐ และเพื่อรับชมขีดความสามารถของเรือ USS Carl Vinson ตลอดจนรับทราบถึงประสบการณ์ ทักษะในการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพ และการอำนวยการยุทธ์ในมิติต่าง ๆ ทั้งทางบก ทางผิวน้ำ/ใต้น้ำ ทางอากาศ และไซเบอร์

@@@…… สำหรับ เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson มีกำหนดการเข้าจอด ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ระหว่างวันที่ 27-31 ม.ค. 2568 ตามภารกิจเยือนเมืองท่า (Port Visit) เพื่อพักลูกเรือ โดยไม่มีการสับเปลี่ยนกำลัง และได้รับการขนานนามว่าเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขวัญใจชาวอเมริกัน ทั้งยังเป็นเรือที่มีส่วนร่วมในหน้าประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในด้านการปฏิบัติภารกิจสำคัญ เรือ USS Carl Vinson นับเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Nimitz ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ได้รับการตั้งชื่อตามอดีตสมาชิกผู้แทนราษฎรรัฐจอร์เจียที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานถึง 50 ปี ถือเป็นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ที่มีส่วนผลักดันในการสร้างเรือรบเป็นจำนวนมาก 

@@@……เรือ USS Carl Vinson เริ่มเข้าประจำการและออกปฏิบัติภารกิจครั้งแรกในปี พ.ศ. 2525 มีระวางขับน้ำ 97,000 ตัน ลูกเรือที่ประจำการอยู่บนเรือมีจำนวนมากถึง 6,000 นาย โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายอากาศยานรบ จำนวน 2,480 นาย พร้อมลูกเรืออีกจำนวน 3,200 นาย สามารถบรรทุกอากาศยานรบทั้งแบบปีกตรึงและแบบปีกหมุนได้มากถึง 90 ลำ โดยออกเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญในต่างประเทศมากมายหลายเหตุการณ์ รับหน้าที่หลักในการลาดตระเวน และการฝึกซ้อมทางทะเล เพื่อแสดงแสนยานุภาพในทะเลจีนใต้ และปฏิบัติภารกิจร่วมซ้อมรบกับกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี เป็นต้น การตรวจเยี่ยมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของผู้บัญชาการทหารสูงสุดในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือทางการทหารและการเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างกองทัพไทย และกองทัพสหรัฐอเมริกา ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องครอบคลุมในหลายมิติ และทางทหารในทุกระดับ รวมถึงด้านยุทโธปกรณ์และการส่งกำลังบำรุง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนศักยภาพของกองทัพไทย เพื่อความมั่นคงในภูมิภาคร่วมกันต่อไป

@@@……กองทัพอากาศ…..พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกบินควบคุมไฟป่า กองทัพอากาศ ประจำปี 2568 ณ ลานจอดอากาศยาน ฝูงบิน 411 กองบิน 41 โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ โดยรมช.กลาโหม รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ไฟป่า และติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า อันเป็นหนึ่งในต้นเหตุของการเกิดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ จาก ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า จังหวัดเชียงใหม่ และความพร้อมของกองทัพอากาศในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก 

@@@……การฝึกบินควบคุมไฟป่า กองทัพอากาศ ฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติของหน่วยบิน และหน่วยเกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้สามารถบูรณาการการปฏิบัติร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการรองรับสถานการณ์ไฟป่าที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 โดยประยุกต์ใช้การปฏิบัติที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations : NCO) เพื่อนำไปใช้เมื่อเกิดสถานการณ์จริง รวมทั้งเพื่อดำรงขีดความสามารถความพร้อมรบของนักบินและหน่วยเกี่ยวข้องในการปฏิบัติภารกิจการบินควบคุมไฟป่า ตลอดจนเสริมสร้างความรู้และความชำนาญในการปฏิบัติภารกิจการบินควบคุมไฟป่าทั้งในระดับยุทธวิธีและระดับยุทธการ 

@@@……การฝึกปฏิบัติการจริง จะจัดขึ้นในห้วงวันที่ 27 – 31 ม.ค. 2568 ณ กองบิน 41 อุทยานแห่งชาติศรีลานนา อุทยานแห่งชาติแม่ตระไคร้ (อ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา) จังหวัดเชียงใหม่ สนามฝึกทางยุทธวิธี ทภ.3 อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย ฝูงบินอิสระ 416 จังหวัดเชียงราย และฝูงบินอิสระ 466 จังหวัดน่าน โดยมีผู้เข้ารับการฝึกจากกองทัพอากาศ จำนวน 260 คน และจากหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง จำนวน 100 คน รวมจำนวนผู้เข้ารับการฝึกทั้งสิ้น 360 คน และมีอากาศยานจากกองทัพอากาศเข้าร่วมการฝึก จำนวน 8 เครื่อง และจากหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง จำนวน 7 เครื่อง 

@@@……นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังได้ประยุกต์ใช้ขีดความสามารถของหน่วยภาคพื้น เพื่อประกอบกำลัง และสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยบินควบคุมไฟป่า อาทิเช่น ชุดวางแผนร่วม ชุดวิเคราะห์จุดความร้อน ชุดแปลความภาพถ่าย ชุดควบคุมห้วงอากาศ และชุดประชาสัมพันธ์การปฏิบัติภารกิจ โดยกองทัพอากาศพร้อมที่จะใช้ขีดความสามารถของอากาศยาน กำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีทั้งหมด ในการต่อสู้กับภัยคุกคามและช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติและรักษาความสงบสุขของประชาชนตลอดไป สมดังคำกล่าวที่ว่า “ใจถึงใจ ไปทันที” และ “กองทัพอากาศเคียงข้างประชาชน”

………………

คอลัมน์  : “Military Key”

โดย.. “รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img