วันเสาร์, มีนาคม 22, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS‘ภูมิธรรม’ย้ำไทยให้อนาคตที่ดีกับ‘อุยกูร์’  
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ภูมิธรรม’ย้ำไทยให้อนาคตที่ดีกับ‘อุยกูร์’  

“……ประเทศไทยมีความตั้งใจในการรักษาสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่ มีเจตนารมณ์ในการดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ชาวอุยกูร์ได้กลับสู่บ้านเกิด แทนการถูกกักขังอยู่ในห้องแคบๆ มานานกว่า 10 ปี โดยไม่มีอนาคตที่แน่นอน….”

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 22 มี.ค.68 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งตั้งแต่เริ่มต้นช่วงถือศีลอดได้เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น พบว่าเหตุรุนแรงกลับปะทุขึ้นหลายจุดในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีกรณีลอบยิงเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ในเวลากลางคืนอย่างแม่นยำจากระยะมากกว่า 200 เมตร จำนวน 2 เหตุการณ์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน อันเป็นการแสดงศักยภาพล่าสุดเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้แก่เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เนื่องจากอาวุธปืนที่ใช้นั้นจะต้องติดกล้องเล็งมาพร้อมด้วย ซึ่งฝ่ายความมั่นคง ประเมินว่า กลุ่มก่อความไม่สงบอาจถือครองอาวุธปืนประเภทนี้อยู่มากกว่า 15 กระบอก จากการนำเข้ามาจากประเทศข้างเคียง หรือดัดแปรขึ้นใช้เอง ดังนั้น การปรับมาตรการการปฏิบัติทางทหารในพื้นที่ที่เข้มงวดขึ้นอีกจากนี้ไป อาจกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีนักต่อความพยายามที่ลดความรุนแรงลง เพื่อให้เกิดความสงบสุขตามแผนงานเดิมที่วางไว้ก็เป็นได้ 

@@@…….อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุในพื้นที่ จชต. และขอให้หน่วยงานเร่งเยียวยา นําผู้กระทําผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องรัฐบาลเร่งดําเนินนโยบายสร้างสันติสุขต่อเนื่องต่อไป โดยในเดือน มี.ค.2568 ซึ่งเป็นเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ และเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ได้เกิดเหตุหลายครั้งต่อเนื่องในพื้นที่ จชต.เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ และประชาชนหลายรายรวมถึงเด็ก และผู้หญิง ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการ และสาธารณะ จึงขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวญาติของผู้เสียชีวิต และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง นําตัวผู้กระทําผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ และประชาชนตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงไปมากกว่านี้ 

@@@…….นอกจากนั้น สํานักจุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการ ให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศร่วมกันดูดวงจันทร์ในวันที่ 30 มี.ค.2568 ซึ่งตรงกับวันที่ 29 เดือนรอมฎอน ฮ.ศ.1446 เพื่อกําหนดวันที่ 1 เดือนเซาวาล ซึ่งเป็นวัน “วันตรุษอิดิ้ล” หนึ่งในวันสําคัญทางศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ ได้ เน้นย้ำ พี่น้องมุสลิมทุกคน รวมถึงผู้ที่อาจหลงผิด หรือเคยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบ ยังมีโอกาสในการปรับเปลี่ยนตนเอง กลับเข้าสู่แนวทางของอิสลามที่แท้จริง ซึ่งปฏิเสธความรุนแรง และยืนหยัดอยู่บนเส้นทางแห่งสันติ และขอให้วันเวลาที่เหลือของเดือนรอมฎอนปีนี้ จงปลอดพ้นจากเหตุร้ายใด ๆ และเปิดทางสู่ความสงบสุขถาวรในพื้นที่ให้สำเร็จ

@@@…….ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง มองว่า จากการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว เป็นการประกาศถึงวันสิ้นสุดของเดือนรอมฎอน ซึ่งมีการก่อเหตุรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้นําศาสนาคาดว่า ในห้วงจากนี้ไปเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเบาบางลง อีกทั้ง พยายามสื่อถึงพี่น้องชาวมุสลิมให้เปลี่ยนแปลงตนเองมาสู่เส้นทางของอิสลามที่จะปฏิเสธความรุนแรง และยึนหยัดอยู่บนเส้นทางสันติ ซึ่งฝ่ายความมั่นคง เชื่อมั่นว่า หากผู้นําศาสนาในพื้นที่ ต่างมีแนวคิด และชี้นําในแนวทางเพื่อสร้างสันติสุขอย่างต่อเนื่องเช่นนี้แล้ว ก็จะเป็นหนทางสำคัญอันหนึ่งที่จะนําความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่พื้นที่ จชต. ได้อย่างยั่งยืนให้สำเร็จได้ในที่สุดจากนี้ไป 

@@@…….เรื่องของอุยกูร์… นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ออกเดินทางไปสู่เขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์  เมื่อถึงท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง-อุยกูร์ นายฉี หยานจุน (Mr. Qi Yanjun) รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (ลำดับ 1) และ นายซู ต้าถง (Xu Datong) รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (ลำดับ 4) และคณะ ให้การต้อนรับ

@@@…….จากนั้น คณะผู้แทนไทยเข้ารับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับ การดำเนินการและการดูแลกลุ่มบุคคลที่ไทยส่งกลับประเทศจีน และจะหารือร่วมกับ นายฉี หยานจุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน และลงพื้นที่เยี่ยมชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับบ้านเกิด โดยช่วงบ่าย คณะผู้แทนไทยจะแบ่งออกเป็น 2 คณะ เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับจากประเทศไทย ไปยังบ้านพักซึ่งอยู่ห่างจาก เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง-อุยกูร์ ประมาณ 150 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

@@@….…คณะที่ 1 ประกอบด้วย นายภูมิธรรม พร้อมคณะสื่อมวลชน โดยมีนายฉี หยานจุน(Mr. Qi Yanjun) รมช.กระทรวงความมั่นคงฯ และคณะ เป็นผู้แทนฝ่ายจีน คณะที่ 2 ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี และ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะ พร้อมสื่อมวลชน โดยมี นายซู ต้าถง (Xu Datong) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน และคณะอำนวยความสะดวก และ การประชุมกับทีมแพทย์และตัวแทนชาวอุยกูร์ ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เน้นย้ำว่าประเทศไทยมีความตั้งใจในการรักษาสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่ มีเจตนารมณ์ในการดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ชาวอุยกูร์ได้กลับสู่บ้านเกิด แทนการถูกกักขังอยู่ในห้องแคบ ๆ มานานกว่า 10 ปี โดยไม่มีอนาคตที่แน่นอน

@@@…….กองบัญชาการกองทัพไทย….พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พบปะหารือกับ Mr. Benedikt Hofmann รักษาการผู้แทนระดับภูมิภาคของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC – United Nations Office on Drugs and Crime) ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ณ อาคารสหประชาชาติ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร การหารือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และกระชับความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและ UNODC ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการก่อการร้าย

@@@…….สำหรับ UNODC ถือเป็นหน่วยงานหลักขององค์การสหประชาชาติที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และการก่อการร้าย โดยมุ่งเน้นใน 5 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1. ด้านการต่อต้านยาเสพติดป้องกันและปราบปรามการผลิต การค้ายาเสพติด และการใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย สนับสนุนโครงการบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด 2. การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยการปราบปรามการค้ามนุษย์และการลักลอบขนคนข้ามแดน ต่อต้านการค้ายาเสพติด อาวุธ และสินค้าผิดกฎหมาย 3. ต่อต้านการก่อการร้าย โดยสนับสนุนประเทศสมาชิกในการออกกฎหมายและมาตรการป้องกันการก่อการร้าย และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย 4. ต่อต้านการทุจริตและการฟอกเงิน โดยการส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมในการป้องกันการทุจริต สนับสนุนมาตรการต่อต้านการฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนให้กับอาชญากรรม 5. เสริมสร้างระบบยุติธรรมทางอาญา ด้วยการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานยุติธรรม พร้อมทั้งสนับสนุนการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม

@@@…….ทั้งนี้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก UNODC มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ตลอดจนปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำ และสนับสนุนประเทศสมาชิกในการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยการพบปะระหว่าง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้แทน UNODC สะท้อนถึงความร่วมมือระดับนานาชาติในการเสริมสร้างความมั่นคงของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมาย การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการส่งเสริมระบบยุติธรรมที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและ UNODC ในการรับมือกับภัยคุกคามจากยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศและภูมิภาคโดยรวม

@@@…….พล.อ.ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา รองเสนาธิการทหาร /รองหัวหน้าศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านส่วนหน้า (รอง หน.ศอ.ปชด.ส่วนหน้า) ร่วมการประชุมหารือเกี่ยวกับแผนการส่งตัวบุคคลสัญชาติเคนยา ซึ่งถูกหลอกลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมายในเมียนมา ผ่านประเทศไทยกลับสู่ประเทศต้นทาง การประชุมครั้งนี้มีการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัดตาก, หน่วยเฉพาะกิจราชมนู, ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก, ตำรวจภูธรจังหวัดตาก, สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตาก, กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเคนยา โดยจัดขึ้น ณ ห้องประชุม 1 อาคารที่ทำการสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2

@@@…….ที่ประชุมได้หารือแผนการส่งตัวบุคคลกลุ่มดังกล่าวกลับประเทศต้นทาง โดยใช้รถโดยสารขนาดใหญ่จาก ด่านแม่สอด จังหวัดตาก ไปยัง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางกลับประเทศเคนยา นอกจากนี้ ผู้แทนรัฐบาลเคนยาได้แสดงข้อกังวลเกี่ยวกับชาวเคนยาที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพและยังคงอยู่ใน KK Park โดยอยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยยืนยันให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม และขอให้ทางการเคนยาดำเนินการด้านเอกสารให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่กำหนด พร้อมทั้งต้องได้รับความเห็นชอบจาก กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลนโยบายระดับประเทศ การดำเนินงานในครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการดูแลพลเมืองที่ได้รับผลกระทบจากกระบวนการผิดกฎหมาย โดยทุกฝ่ายมุ่งมั่นร่วมกันกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรม และผลักดันให้เกิดมาตรการป้องกันที่เข้มงวดขึ้น พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งตัวบุคคลกลับประเทศต้นทางอย่างปลอดภัยและมีมนุษยธรรม

@@@…….ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุม หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้งที่ 6/2568 ก่อนการประชุมได้มีการบรรยายพิเศษในหัวข้อกระแสการเมืองโลกและผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้บรรยายให้ความรู้ โดยการบรรยายพิเศษในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกได้รับทราบสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของการเมืองโลกในปัจจุบัน และผลกระทบต่อบริบทความมั่นคงของประเทศไทยในมิติต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญในการกำหนดนโยบายและเตรียมการรับมือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก 

@@@……จากนั้นในวาระการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก กรมฝ่ายเสนาธิการได้ชี้แจงการปฏิบัติงานสำคัญตามนโยบายกองทัพบก ได้แก่ การเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 ที่ปัจจุบันกองทัพบกร่วมกับสภากาชาดไทย ดำเนินโครงการบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติฯ และกิจกรรมปลูกป่า และพัฒนาแหล่งน้ำเฉลิมพระเกียรติ โดยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ซึ่งจัดขึ้นตลอดปี 2568 

@@@…….ในส่วนของกรมกำลังพลทหารบก ได้ชี้แจงการเตรียมตรวจเลือกทหารกองเกิน ประจำปี 2568 ที่จะดำเนินการในวันที่ 1 – 12 เม.ย.นี้ รวมถึงผลการดำเนินการต่างๆ เพื่อมุ่งสู่ระบบทหารกองประจำการแบบสมัครใจ ตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม ที่ในปีนี้ตั้งเป้าหมายให้มีผู้สมัครใจเพิ่มขึ้น จาก 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.การสมัครใจเลื่อนปลดฯ, 2.การสมัครใจ ผ่านโครงการพลทหารออนไลน์ และ 3.การสมัครใจร้องขอเข้ารับราชการในวันตรวจเลือก ซึ่งในปี 2568 มียอดผู้สมัครใจเลื่อนปลด จำนวน 5,207 นาย และมียอดผู้ผ่านการคัดเลือกโครงการพลทหารออนไลน์ จำนวน 15,226 นาย ในส่วนของการสมัครใจร้องขอเข้ารับราชการในการตรวจเลือกปีนี้ กองทัพบก ได้เปิดให้ผู้ที่สมัครใจสามารถแสดงความจำนงเลือกหน่วยทหารที่จะประจำการผ่านระบบออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 25 มี.ค. 2568 และสำหรับผู้ที่มาตรวจเลือกตามกำหนดก็ยังสามารถสมัครใจในวันตรวจเลือกได้อีกด้วย ทั้งนี้หน่วยทหารที่ผู้สมัครใจแจ้งความจำนงไว้ กองทัพบกจะพิจารณาจัดสรรตามลำดับในการลงทะเบียนสมัครใจเข้าเป็นทหารกองประจำการ

@@@…….ในวาระสั่งการต่อผู้บังคับหน่วย ผู้บัญชาการทหารบก ได้นำพระกระแสรับสั่งของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้ทรงชื่นชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารในการช่วยเหลือประชาชน ยามเกิดภัยพิบัติ และการช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการเกษตรต่างๆและทรงห่วงใยในการให้การศึกษาเพิ่มเติมและการประกอบอาชีพหลังปลดประจำการของทหารกองประจำการ รวมถึงได้พระราชทานกำลังใจแก่ทหารที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดน และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยความเสียสละ 

@@@…….นอกจากนี้ผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นย้ำ ให้หน่วยทหารทุกหน่วย โดยเฉพาะหน่วยกองกำลังป้องกันชายแดน ให้ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาท และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดซึ่งปัจจุบันกองทัพบกเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามในพื้นที่แนวชายแดน ตามที่รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการ ปชด.ขึ้น ขอให้ทุกหน่วยร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติงาน โดยยึดถือความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศชาติเป็นสำคัญ

…………..

คอลัมน์  : “Military Key

โดย.. “รหัสมอร์ส

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img