วันอาทิตย์, มิถุนายน 1, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTSกัมพูชาปลุกกระแสรักชาติกลบเศรษฐกิจ ไทยยืนกรานต้องยึดตาม “MOU 2543”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กัมพูชาปลุกกระแสรักชาติกลบเศรษฐกิจ ไทยยืนกรานต้องยึดตาม “MOU 2543”


“……ฝ่ายการเมืองของกัมพูชาจะมุ่งพยายามปลุกกระแสรักชาติให้เกิดขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่หนักในปัจจุบัน กับพยุงฐานะของรัฐบาลไว้ เนื่องจากไม่สามารถบริหาร และแก้ปัญหาปากท้องของผู้คนในประเทศได้…..”

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.68 เหตุการณ์ปะทะ บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเวลา 05.30 น.วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชา เข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ และเริ่มใช้อาวุธก่อน ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุนั้น อยู่บริเวณ “ช่องบก”

@@@…….“ช่องบก” ตั้งอยู่ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมต่อชายแดน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ลาว และกัมพูชา ด้วยเหตุนี้เองจึงถูกขนานนามว่า ‘สามเหลี่ยมมรกต Emerald Triangle’ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์

@@@…….ในอดีต ช่องบกเคยเป็น ‘สมรภูมิช่องบก’ ที่สำคัญยิ่งในช่วงปี พ.ศ.2528-2530 ซึ่งเป็นการสู้รบอันดุเดือดระหว่างกองทัพไทย กับกองทัพเวียดนาม ที่ขณะนั้นเข้ายึดครองกัมพูชาอยู่ การต่อสู้ครั้งนั้น สะท้อนถึงการปก ป้องอธิปไตยของชาติเต็มขีดความสามารถของทหารไทย แม้จะต้องแลกมาด้วยความสูญเสียทั้งชีวิต เลือดเนื้อ และน้ำตา 

@@@…….ปัจจุบัน ช่องบก ยังคงเป็น “พื้นที่ชายแดนที่มีข้อพิพาทและพื้นที่ทับซ้อน” เรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งอาจนำไปสู่ความตึงเครียด หรือการปะทะกันได้เป็นครั้งคราว โดยมีปัจจัยหลัก ได้แก่ การที่พื้นที่พิพาทนี้ ยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอ้างสิทธิในพื้นที่ กับการเคลื่อนไหวทางทหาร ทั้ง 2 ประเทศยังคงมีการตรึงกำลังทหารเพื่อเฝ้าระวัง และป้องกันอธิปไตย ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนระหว่างเจ้าหน้าที่ภาคสนาม นั่นเอง 

@@@…….ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า ช่วงนี้ดูเหมือนฝ่ายการเมืองของกัมพูชาจะมุ่งพยายามปลุกกระแสรักชาติให้เกิดขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่หนักในปัจจุบัน กับพยุงฐานะของรัฐบาลไว้ เนื่องจากไม่สามารถบริหาร และแก้ปัญหาปากท้องของผู้คนในประเทศได้ รวมถึงอาจมองไปที่การเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย จึงเห็นได้จากกรณีการยั่วยุ ที่นำไปสู่ความขัดแย้งระดับยิบย่อยตามแนวชายแดนในหลายพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ทั้งที่ในข้อเท็จจริงแล้วมิได้มีความขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นจริงๆ ในพื้นที่

@@@…….พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวถึงเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี โดยระบุว่า ทหารไทยได้ลาดตระเวนและพบว่าทหารกัมพูชาได้ทำการขุดคูเลต ซึ่งเป็นการกระทำที่เคยเกิดขึ้นแล้วที่เนิน 745 ช่องบก และเป็นพื้นที่ที่ยังมีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อน โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ชี้ว่า ก่อนเกิดการปะทะ ทหารไทยได้เข้าเจรจากับฝ่ายกัมพูชา แต่ถูกยิงสวนกลับมา จึงนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะตอบโต้ด้วยกำลังในช่วงสั้น ๆ ดังกล่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น ผู้บังคับบัญชาระดับพื้นที่กำลังดำเนินการเจรจากันอยู่

@@@…….อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่า ทหารไทยและกองทัพไทยทุกเหล่าทัพ มีหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 และจะยังคงออกลาดตระเวนตามแนวตะเข็บในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ได้ โดยเน้นย้ำว่า ทุกฝ่ายจะต้องยึดตาม MOU 2543 เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน และหากมีการละเมิดเกิดขึ้น ฝ่ายทหารก็มีความพร้อมที่จะใช้กำลังขั้นเด็ดขาด เพื่อให้แน่ใจว่า เอกราช อธิปไตย และความมั่นคงตามแนวชายแดนในพื้นที่นี้ ยังคงได้รับการประกันอย่างต่อเนื่องต่อไป 

@@@……กองทัพบก…..พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 29 พ.ค.68 ที่ผ่านมา พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เดินทางไปยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อพบปะหารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นการพบปะเจรจาต่อเนื่อง หลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชาได้พูดคุยผ่านทางระบบ VTC เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68 

@@@……โดยผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของ รมว.กลาโหมของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธี ในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตย หรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ

@@@……ส่วนกรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว ถือเป็นการคลี่คลายความตรึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Regional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

@@@……นอกจากนี้ ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายได้ระบุว่าจะกำกับดูแลกำลังพลให้อยู่ภายใต้กรอบการเจรจาอย่างเคร่งครัด โดยผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ย้ำว่า ในส่วนของกัมพูชา หากมีผู้ใดฝ่าฝืนข้อตกลงที่ได้ร่วมกันวางไว้ในวันนี้ จะดำเนินการย้ายกำลังออกจากพื้นที่ทันที และยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาสามารถควบคุมและสั่งการหน่วยงานทุกหน่วยได้อย่างเด็ดขาด การพบปะเจรจาระหว่างผู้บัญชาการทหารบกไทยและกัมพูชาในครั้งนี้ บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี สามารถบรรลุข้อตกลงในการถอนกำลังออกจากพื้นที่ขัดแย้ง และคงกำลังอยู่ในที่ตั้งเดิม รอผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC ในระหว่างนี้ ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายจะกำกับดูแลกำลังพลให้อยู่ภายใต้กรอบการเจรจาอย่างเคร่งครัด โดยกองทัพบกจะยังคงติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนต่อไป

@@@……ตามที่ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 2 จึงขอความร่วมมือจากประชาชน งดเว้นการถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ เผยแพร่ หรือแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ เส้นทางปฏิบัติการ จุดยุทธศาสตร์สำคัญ และความเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคง เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริง การสื่อสารข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง การสร้างความสับสนหรือความตื่นตระหนก ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ว่าจะปกป้องการรุกล้ำเข้ามาในเขตดินแดนไทยอย่างเต็มที่ และตอบโต้ตามกรอบที่ควรปฏิบัติ เพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ และความสงบสุขของประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อรับทราบข่าวสารที่ถูกต้อง และขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน พึงใช้ความระมัดระวัง และงดเว้นการนำเสนอ ตีพิมพ์ หรือเผยแพร่ข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ

@@@……ส่วนสถานการณ์ที่ จ.ตาก พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฎิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทยบริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าที่ป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์

@@@……จากการติดตาม พบว่าเครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทยในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกรานหรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชนทั้งนี้ ได้มีการประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติม

@@@……กองทัพเรือ…..พล.ร.อ. จิรพล  ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 51 โดยมี นายเตช  บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย  พลเรือโท ไพฑูรย์  ชีชะนะ รองเสนาธิการทหารเรือ สายงานกิจการพลเรือน  นาวาเอก ชุมพล  วาราชนนท์ ผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ และ นางสาววราพรรณ  ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ โดย กองทัพเรือ ร่วมกับ สภากาชาดไทย กำหนดจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 51 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 9 -10 มิ.ย. 2568  

@@@……การจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ มีชื่อการแสดง “SEA OF LOVE” สื่อความหมายถึง ทะเลที่ทำให้เกิดความรัก ความสามัคคี และความภาคภูมิ อันเกิดมาจากความกล้าหาญของลูกทะเลแห่งราชนาวีไทย บรรเลงโดยวงซิมโฟนีออร์เคสตรา วงดุริยางค์ราชนาวี  ร่วมด้วยศิลปินรับเชิญ อาทิ อัญชลี  จงคดีกิจ  ธงไชย  แมคอินไตย์  นันทิดา  แก้วบัวสาย  จารุวัฒน์  เชี่ยวอร่าม และ ศรัณย์  คุ้งบรรพต ร่วมด้วย นักร้องจากวงดุริยางค์ราชนาวี และคณะนักร้องประสานเสียงจาก นักเรียนนายเรือ นักเรียนพยาบาลทหารเรือ และนักเรียนจ่าทหารเรือ มาขับร้องบทเพลงอันไพเราะ  โดยมี นาวาเอก ชุมพล  วาราชนนท์ เป็นผู้อำนวยการดนตรี และ ผู้อำนวยเพลง นาวาเอก ศุภกร  แตงน้อย อดีตผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือ เป็นผู้อำนวยเพลงรับเชิญ ว่าที่เรือตรี บดินทร์  ภูฆัง เป็นหัวหน้าวง และ จ่าเอก ปัจเจก  หงส์สวัสดิ์ เป็นผู้บรรเลงเดี่ยวเปียโน

@@@……สำหรับเงินรายได้จากการร่วมบริจาคในการจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ต นั้น สภากาชาดไทย จะนำเงินรายได้ไปช่วยเหลือประชาชนทั่วไปในทุกรูปแบบ เช่น โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ อาทิ โครงการมะเร็งเต้านม กิจการอาสายุวกาชาดเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ศูนย์รับบริจาคอวัยวะต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ และโครงการมอบชีวิตใหม่แด่เพื่อนมนุษย์ ด้วยการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต เป็นต้น ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนสภากาชาดไทย โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ สามารถร่วมบริจาคเงินโอนเงินผ่านบัญชี ธนาคารทหารไทยธนชาต หมายเลขบัญชี 115 – 1 – 07547 – 8 ชื่อบัญชี “กาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 51” และ บัญชีธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 664 – 3 – 31506 – 9 ชื่อบัญชี “กาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 51” สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมการเงินทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2475 5683

…………..

คอลัมน์  : “Military Key”

โดย.. “รหัสมอร์ส

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img