“……การเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่ออิหร่านจะยังคงรักษาสถานะความเป็นชาติให้อยู่รอดไว้ก่อน มิฉะนั้นประเทศชาติอาจต้องตกอยู่ในสภาวะรัฐล้มเหลว Fail State ก็เป็นได้….”
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย..68 สัปดาห์ที่ผ่านมา การสู้รบระหว่างอิสราเอล กับอิหร่าน ยังไม่มีแนวโน้มสถานการณ์ที่จะคลี่คลายลงได้แต่อย่างไร ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประชุมกับทีมความมั่นคงแห่งชาติในกรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2568 เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ทําให้เกิดการคาดการณ์ใหม่ว่า สหรัฐฯ กําลังจะเข้าร่วมกับอิสราเอลโจมตีศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยหรือไม่ ซึ่งการประชุมดังกล่าวกินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง และทําเนียบขาว ก็ไม่ได้แถลงอะไรอย่างเป็นทางการหลังจากนั้น ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้อิหร่าน “ยอมจํานนโดยไม่มีเงื่อนไข” และนายทรัมป์ฯ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย เตือนว่าอาจมีการโจมตีตรงต่อผู้นําสูงสุดของอิหร่าน นั่นคือ อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี โดยสหรัฐฯ ชี้ว่า “เรารู้แน่ชัดว่า ‘ผู้นําสูงสุด’ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เขาเป็นเป้าหมายที่ง่าย แต่เราจะไม่กําจัดเขาอย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้” ซึ่งหมายถึง กำลังทหารสหรัฐฯ มีศักยภาพที่จะสังหารผู้นำสูงสุด หรือใครก็ตาม เมื่อไรก็ได้ในทันทีที่สั่งนั่นเอง
@@@…….เมื่อปลายสัปดาห์ ขีปนาวุธของอิหร่านโจมตีโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอิสราเอลและอาคารที่พักอาศัยในกรุงเทลอาวีฟเมื่อวันพฤหัสบดี ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 240 ราย และสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง ขณะที่อิสราเอล ได้โจมตีเตาปฏิกรณ์พลังงานน้ำมวลหนัก ‘อารัค’ Arak ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในภาคกลางของอิหร่าน ซึ่งเป็นวันที่ 7 ที่ทั้งสองประเทศยิงอาวุธฯ ตอบโต้กัน โดยกองทัพอิสราเอล ระบุว่า พวกเขาโจมตีเตาปฏิกรณ์อารัคเพื่อหยุดไม่ให้มันถูกใช้เพื่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งล่าสุดต่อโครงการนิวเคลียร์ที่แผ่ขยายวงกว้างของอิหร่าน โทรทัศน์แห่งรัฐอิหร่านกล่าวว่า “ไม่มีอันตรายจากกัมมันตภาพรังสีใดๆ ทั้งสิ้น” และได้อพยพสถานที่ดังกล่าวออกไปก่อนการโจมตี นอกจากนั้น ทำเนียบขาวยังแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะตัดสินใจภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าว่าจะโจมตีอิหร่านหรือไม่ โดยระบุว่า ทรัมป์ฯ ยังคงมองเห็นโอกาส “ที่สำคัญ” ที่การเจรจาจะบรรลุความต้องการของสหรัฐฯ และอิสราเอลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้
@@@……อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง ยังคงเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่นานนี้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจหลักของอิหร่าน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ได้ลดลงจนไม่อาจฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้นแล้ว ดังนั้น การเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่ออิหร่านจะยังคงรักษาสถานะความเป็นชาติให้อยู่รอดไว้ก่อน มิฉะนั้นประเทศชาติอาจต้องตกอยู่ในสภาวะรัฐล้มเหลว Fail State ก็เป็นได้ ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเตหะราน ออกแถลงการณ์ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ภายในกรุงเตหะรานทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่มีแนวโน้มในระยะใกล้ที่จะกลับมาเป็นปกติ พี่น้องชาวไทยทุกท่านที่มีรถโดยสารส่วนตัว สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแนะนําให้เดินทางออกนอกพื้นที่กรุงเตหะรานในโอกาสแรกที่กระทำได้ โดยสามารถเดินทางไปที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวเมือง Amol หรือเดินทางไปพักกับญาติพี่น้องนอกกรุงเตหะรานก่อนเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง จะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่า การสู้รบในตะวันออกกลางครั้งนี้ จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อประเทศไทยน้อยที่สุดจากนี้ไป

@@@…….กลับมาที่สถานการณ์เมืองไทยสิ่งที่ทำให้คนไทยตกตะลึงมากที่สุดเห็นจะเป็นการปล่อยคลิปเสียงคล้ายบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี และ สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกฯ กัมพูชา โดยกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดน พร้อมพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม จนกระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงยอมรับว่า เป็นคลิปเสียงของตนสนทนากับสมเด็จฮุนเซนจริง ต่อมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงระบุว่า ได้มีการเชิญหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องขออภัยพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนเกี่ยวกับกรณีที่คลิปเสียงการสนทนาระหว่างที่ตนพูดคุยกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นจึงต้องขออภัยที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
@@@…….ตนได้มีการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2และกองทัพ เพื่ออธิบายถึงเจตนาว่าเป็นเพียงเทคนิคของการสื่อสารในการเจรจา เพื่อทำความเข้าใจก่อนเพื่อคุยถึงรายละเอียดต่อไป เพื่อต่อรองไม่ให้เกิดการปะทะ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่แท้จริงเพราะอยากให้สาธารณะสถานการณ์สงบสุขและไม่ทราบจริง ๆ ว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่แบบนี้จึงได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว และทางกองทัพได้รับฟังและได้บอกว่า วันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังกันเอาไว้ รวมถึงคนไทยทุกคน ก็ต้องผนึกกำลังเอาไว้เช่นกัน ซึ่งวันนี้ทุกภาคส่วน ได้สรุปว่ามันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆของประชาชน หรือของใครที่จะมาพูดว่ารัฐบาลกับกองทัพที่จะต้องมาสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เราต้องปกป้องประชาธิปไตยของเราไว้อันนี้คือสิ่งที่เห็นตรงกันและรัฐบาลนี้ยินดีสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนใดๆก็ตามที่ทางกองทัพต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งใจว่าจะทำร่วมกัน
@@@……อย่างไรก็ตาม วันนี้การที่จะออกมาทำอะไรหรือตัดสินใจในมิติต่างๆเราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย และแน่นอนรวมถึงประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงและให้ความมั่นใจ ให้ความปลอดภัย กับพี่น้องประชาชนตรงนี้ด้วย วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำการดำเนินการโดยสันติวิธี ผ่านกระบวนการทวิภาคี โดยได้มีการเชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อมายื่นหนังสือประท้วงแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา เพราะความจริงทั่วโลกไม่มีใครทำแบบนี้ ในการพูดคุยเจรจากัน หากไม่ได้บอกก่อนว่ามีการอัดคลิปเสียง หรือไม่ใช่การพูดคุยอย่างทางการ โดยที่ผ่านมาการแสดงความยินดีกับประเทศต่างๆ

@@@…….ตนก็จะต้องเป็นการติดต่อทางกระทรวงการต่างประเทศและรับทราบร่วมกันว่าจะมีการอัดคลิปเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้เป็นการพูดคุยส่วนตัวโดยโทรศัพท์ส่วนตัวของตัวเองจึงไม่ควรเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก รัฐบาลไทยและกองทัพ ขอแสดงความรับผิดชอบในการปกป้องอธิปไตยที่เราดูแลร่วมกันและขอยืนยันอีกครั้งว่าทางรัฐบาลและกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน อยากให้ประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกับเราด้วยเพื่อสามัคคีในประเทศชาติปกป้องอธิปไตยของเราไว้และเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสู้กันเอง สิ่งที่เกิดขึ้นต้องขออภัยและไม่ทราบจริงๆว่ามีการอัดคลิปเกิดขึ้น และต่อจากนี้จะระวังในเรื่องของการพูดคุย ให้มากขึ้น และแน่นอนว่า มั่นใจว่ารัฐบาลและกองทัพรวมกันเป็นหนึ่งและสามัคคีกันจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ร่วมกันไปอย่างแข็งแรงได้

@@@…….กองทัพบก…..พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปยังโรงเรียนการกำลังสำรอง ศูนย์การกำลังสำรอง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจเยี่ยมการฝึกหลักสูตรผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน รุ่นที่ 60, 61 และ 62 โดยมี พลโท วัชรินทร์ มุทะสินธุ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ให้การต้อนรับ สำหรับหลักสูตรดังกล่าว มีผู้เข้ารับการฝึกจำนวนทั้งสิ้น 315 คน ประกอบด้วยนักศึกษาหลักสูตรนายอำเภอ รุ่นที่ 85, 86 และ 87 ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เข้ารับการอบรมระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน – 8 กรกฎาคม 2568 รวมระยะเวลา 4 สัปดาห์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้พื้นฐานด้านการปฏิบัติการทางทหาร โดยเฉพาะการดำเนินการในพื้นที่ส่วนหลังซึ่งฝ่ายปกครองต้องประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายทหาร ในสถานการณ์ภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ความไม่สงบ สอดคล้องกับลักษณะภัยคุกคามยุคปัจจุบัน ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาของประเทศ

@@@…….ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้พบปะพูดคุยกับผู้เข้ารับการฝึกอย่างใกล้ชิด พร้อมกล่าวถึงความสำคัญของหลักสูตรว่า ผู้เข้ารับการฝึกทุกคนล้วนเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคง การได้เรียนรู้แนวทางปฏิบัติการทางทหารจะช่วยให้การประสานงานในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ซึ่งต้องการความร่วมมือและความเข้าใจอย่างรอบด้าน เพื่อควบคุมพื้นที่และดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

@@@……จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปยังโรงเรียนนายสิบทหารบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรี ขันธ์ เพื่อตรวจเยี่ยมการฝึกของนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 29 ประจำปีการศึกษา 2568 โดยมี พล.ต.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมพญา ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก และ พล.ต.กรกานต์ นาเวชวนิชกุล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 ให้การต้อนรับ ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจเยี่ยมการเรียนการสอนภายในห้องเรียน อาคารที่พักและโรงประกอบเลี้ยงรวมทั้งชมการฝึกยุทธวิธีระดับหมู่ปืนเล็กของนักเรียนนายสิบทหารบก ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า การพัฒนาศักยภาพของนักเรียนนายสิบทหารบก ต้องให้ความสำคัญกับการฝึกทั้งในระดับบุคคลและระดับหน่วย ภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลายและเสมือนจริง ควบคู่ไปกับการพัฒนาความรู้ทั้งด้านวิชาการและด้านการทหาร ให้มีสมรรถภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่ง เพื่อเสริมสร้างความเป็น “ทหารอาชีพ” ที่เปี่ยมด้วยคุณลักษณะของความกล้าหาญ เสียสละ และอุทิศตนเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

@@@……กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ขอความร่วมมืองดใช้อากาศยานซึ่งไร้นักบิน (โดรน) ในพื้นที่ราชการ และเขตห้วงห้ามทุกประเภท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และอาจเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับทางราชการ เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยเนื่องด้วยสถานการณ์บริเวณแนวชายแดนระหว่างประเทศไทย กับประเทศกัมพูชายังคงมีความละเอียดอ่อน และอ่อนไหวต่อความมั่นคง เพื่อให้การรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์สามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
…………..
คอลัมน์ : “Military Key”
โดย.. “รหัสมอร์ส”