หน้าหนาวเริ่มเข้ามาเยือน แต่ปัญหาอุทกภัยก็ยังคงมีอยู่ เหล่าทัพส่งกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่บ้านอยู่ริมน้ำ ส่วนปัญหาแรงงานต่างด้าวกองทัพตรวจเข้มบริเวณชายแดนไม่ให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามา
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https: //thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 13 พ.ย. 64 หลังจากที่เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ภายในระยะเวลา 10 วัน มีนักท่องเต่างชาติเข้ามาเกือบ 3 หมื่นคน มีผู้ติดเชื้อ 35 ราย
@@@……วันก่อน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร เพื่อเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ รับทราบภารกิจด้านความมั่นคง ขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล และการดูแลคุณภาพชีวิตของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน โดยเริ่มจากที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ได้เยี่ยมให้กำลังใจทหารกองประจำการผลัด 2/2564 ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 210 ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่ง ผบ.ทบ.เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยดำเนินการทางธุรการ ดูแลให้ทหารใหม่ได้รับสวัสดิการตามสิทธิอย่างเหมาะสม ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงการตรวจคัดกรองโควิด-19 เมื่อมีอาการต้องสงสัย และส่งเข้ารักษาพยาบาลทันที เมื่อมีอาการเจ็บป่วย
@@@……ในช่วงบ่าย เดินทางไปตรวจเยี่ยม กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นกำลังป้องกันชายแดนไทย–ลาว ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตามลำแม่น้ำโขง โดยพบปะให้กำลังใจกำลังพล หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 อ.เมือง จ.มุกดาหาร จากนั้นตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 และ สถานีเรือธาตุพนม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม
ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กำชับให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันสกัดกั้นสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาทำร้ายพี่น้องคนไทยในประเทศ เน้นย้ำการบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานของจังหวัดชายแดนที่รับผิดชอบ เพื่อดูแลพื้นที่ ดูแลประชาชน รวมทั้งได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของฐานปฏิบัติการป้องกันชายแดน ให้สะดวกต่อการปฏิบัติภารกิจ พร้อมกำชับให้ทุกคนทำงานด้วยความระมัดระวัง ทั้งในภารกิจสกัดกั้นเฝ้าตรวจชายแดน และการป้องกันโรคโควิด-19
@@@……กองทัพเรือ โดย พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตรวจพื้นที่บ้านพักส่วนกลางกองทัพเรือ พื้นที่บางนาโดยมี พล.ร.อ.ภราดร พวงแก้ว ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการบ้านพักข้าราชการในกองทัพเรือ และคณะกรรมการสำนักงานบ้านพักฯ พร้อมด้วยหน่วยงานเกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ซึ่งการตรวจพื้นที่ของผู้บัญชาการทหารเรือในครั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ตรวจสถานภาพและการจัดการระบบสาธารณูปโภค ในพื้นที่รวมถึงตรวจบ่อบำบัดน้ำเสีย โรงสูบน้ำ รวมถึงศูนย์พักคอย (community illusion ) พื้นที่บางนา เพื่อสำรวจสภาพความเป็นอยู่ที่พักอาศัยของกำลังพลกองทัพเรือ และรับฟังสภาพปัญหาที่พักอาศัยในพื้นที่อาคารพักส่วนกลางบางนา เพื่อที่จะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงสภาพที่พักของข้าราชการกองทัพเรือให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อันเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตและบำรุงขวัญกำลังใจกำลังพล
@@@……พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสนาธิการทหารเรือ/เสนาธิการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนใที่ได้รับผลกระทบ พร้อมสอบถามความต้องการในเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำเอ่อล้นสูง โดยบูรณาการการช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานของ กรุงเทพมหานคร และผู้นำชุมชน ส่งกำลังพลจิตอาสา และกำลังพลจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ฐานทัพเรือกรุงเทพ เข้าทำการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่างๆ พร้อมจัดชุดช่วยเหลือและเฝ้าระวังน้ำท่วมในพื้นที่ฝั่งธนบุรี จำนวน 15 ชุด และ จัดชุดพร้อมรับสถานการณ์ อีกจำนวน 2 ชุด ซี่งกำลังพลได้พร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ เช่น การวางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วม การขนย้ายของขึ้นที่สูง และการช่วยทำความสะอาดตามบ้านเรือน
@@@…… ขณะที่ พรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวต่อกรณีดังกล่าวด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว แสดงความไม่เห็นด้วยต่อคําวินิจฉัยของศาลฯ โดยสิ้นเชิง ทั้งพยายามยืนยันว่าการที่ส.ส. ของพรรคฯให้การสนับสนุนการประกันตัวผู้ต้องหาคดี ม.112 อยู่ในกรอบของกฎหมายที่พึงกระทําได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะให้มีการแก้ไขกฎหมาย ม.112 และปฏิรูปสถาบันฯ มาโดยตลอด รวมทั้งบรรดาสมาชิกพรรคฯ มีการเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันฯ ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเห็นได้ชัด จนมีผู้ยื่นต่อ กกต. ขอให้มีการยุบพรรคฯ จึงพยายามสร้างกระแสปลุกเร้าให้มีการเคลื่อนไหวกดดัน กกต. และองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้อง สอดรับกับกลุ่มเห็นต่างที่เคลื่อนไหวปลุกระดมผ่านสื่อออนไลน์ นัดจัดกิจกรรมชุมนุมคัดค้านคําวินิจฉัยของศาลฯ……ฝ่ายความมั่นคงขอเตือน ม.112 ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองเสียทีเดียว เป็นเพียงการบั่นทอนมาตรการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสถาบัน แต่ฝ่ายความมั่นคงมองว่า เป็นการบ่อนทำลาย
@@@……อย่างไรก็ตาม พยานหลักฐานเชิงประจักษ์ ชัดเจนว่า ผู้ถูกร้องมีการจัดตั้งกลุ่มองค์กรเครือข่าย ใช้ความรุนแรงต่อเนื่อง จุดประกายการอภิปราย ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง ทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ทำลายหลัก “เสมอภาค” และ “ภราดรภาพ” และเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นำสู่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตยมิใช่การปฏิรูป แต่เป็นการบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการต่อไป รวมทั้งผู้ถูกร้องและเครือข่ายต้องหยุดดำเนินการเช่นนั้นอีกต่อไป .. การแสดงปฏิกิริยาหมิ่นศาล ถือเป็นอีกกรณีที่นอกจากจะไม่เคารพต่อคำตัดสินของศาลแล้ว ยังดูถูกเหยียดหยาม ด้อยค่าสถาบันตุลาการอีกด้วย
@@@……ฝ่ายความมั่นคง พร้อมรับสถานการณ์ที่ฝ่ายมุ่งบ่อนทำลายชาติด้วยมาตราการที่เฉียบขาด .. บรรทัดฐานของฝ่ายตุลาการ จะไม่ทำให้เกิดความรุนแรงใดๆ แต่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นได้อย่างรวดเร็วแน่นอน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการเมืองจะต้องแสดงบทบาทนำร่วมด้วยในการพาประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อย ซึ่งจะส่งผลให้ความมั่นคงของชาติก็จะได้รับการประกัน.
………………………
คอลัมน์ : “Military Key”
โดย… “รหัสมอร์ส”