ในขณะที่ท่านกำลังอ่านคอลัมน์ “ริ้วผ้าเหลือง” อยู่นี้ “เปรียญสิบ” กำลังอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดยะลา เพื่อมาติดตามพูดคุยกับคนของกระทรวงมหาดไทย
ในการทำหน้าที่อำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ของ “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตอนนี้กำลังจัดขบวนทัพให้ครอบคลุมทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ซึ่งทุกที่ ๆ “เปรียญสิบ” ลง “พระคุณเจ้า” ในอำเภอนั่น ๆ ส่วนใหญ่ร่วมเป็นแกนนำกับนายอำเภอเกือบทุกที่
ฟังแล้วน่าชื่นใจ เพราะประชาชนได้ประโยชน์ และพระคุณเจ้าในสายตาของ “ชาวบ้าน” นอกจากเป็น “เนื้อนาบุญ” แล้ว ชาวบ้านมองมีคุณค่าดังเป็น “พระโพธิสัตว์” ด้วย
เปรียญสิบ “จั่วหัว” ตั้งคำถามว่า “เป็นไปได้หรือไม่ เลขาธิการมหาเถรสมาคม ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” เขียนให้คิด!!
ปรากฎการณ์ “พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” ซึ่งเป็นข้าวนอกนา ปฎิเสธไม่ได้ว่า ได้สร้างความบอบช้ำ และผลที่ตามมาคือก่อให้เกิด “วิกฤติศรัทธา” ให้กับคณะสงฆ์อย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะแต่ใน “กลุ่มคนรุ่นใหม่” เท่านั้น แม้แต่ในคณะสงฆ์ด้วยกันก็เกิด “สังฆเภท” ทางความคิดไม่เชื่อมั่นใน “ภาวะผู้นำ” การปกครองคณะสงฆ์
หลายปีมานี้ “แนวคิด” ว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า “เลขาธิการมหาเถรสมาคม” ไม่จำเป็นต้องเป็นคนของสำนักงานพระพุทธศาสนาจึงเกิดขึ้น และมีการพูดกันถี่ในวงเล็ก ๆ
แต่..เป็นคนของมหาเถรสมาคมหรือ “สมเด็จพระสังฆราช” ดังเช่น “เลขาธิการคณะรัฐมนตรี”
ยกให้ “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” ทำหน้าที่เป็นฝ่ายธุรการ ประสานงาน ติดตาม ประเมินผล ดังเช่น “สำนักงานนายกรัฐมนตรี”
โดยมิให้ก้าวก่าย “การบริหาร” ของคณะสงฆ์หรือเข้ามารับรู้การประชุมของ “มหาเถรสมาคม”
“เปรียญสิบ” เชื่อว่าแนวคิดนี้อาจ “ทำยาก” แต่หากไม่ทำเลย สภาพ “มหาเถรสมาคม” ก็เป็นดังทุกวันนี้
คือเป็นแค่ “ตรายาง” รอประทับตรา “รับรอง” สิ่งที่ตัวเองไม่คิด สิ่งที่คณะสงฆ์อาจ “ไม่ต้องการ”
ยุคนี้ “คณะสงฆ์” หรือผู้ทำหน้าที่ “กรรมการมหาเถรสมาคม” ลองคิดดูว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำงานอะไรที่เป็น “เชิงรุก” บ้าง ดีไม่ดี…อาจแพ้ผลงานของ “กรมการศาสนา” ด้วยซ้ำไป
สาเหตุเพราะหนึ่งเข้าหน้ากัน “ไม่ติด” ระหว่าง คณะสงฆ์ กับ คนของ พศ. อันเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วข้างต้น เกิดความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน
ผลที่ตามมาคือ คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะหากคุยกันรู้เรื่องปัญหา “นิตยภัต” และงบประมาณตาม “พ.ร.บ.พระปริยัติธรรม” คงไม่ติดขัดแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ สำนักงานงบประมาณแจ้งแล้วว่ากันงบไว้แล้ว 500 กว่าล้านบาท
อันนี้ยังไม่ “ชำแหละ” เงินช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภัตตาหารช่วง “โควิด-19” ถามว่า…มีวัดไหนได้รับบ้าง.
และสองหากระหว่างคณะสงฆ์และสำนักงานพุทธฯเข้าหน้ากันได้ ถามว่า “การปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา” ตามภารกิจ 6+1 ตอนนี้ถึงไหนแล้ว โดยเฉพาะ “บัตรสมาร์ทการ์ด” และแผนสร้าง “พุทธมณฑล” เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก ทุกวันนี้ “พระตำหนักสังฆราช” มีแต่ “ขี้นกพิราบ” ตามหนองน้ำมีแต่ “ตัวเหี้ย”
เดินทางมาต่างจังหวัดทีไรบางวัดมีแต่ “พระผู้เฒ่า” รูปเดียวบางวัดบ่นคนรุ่นใหม่ “ไม่เข้าวัด” บางวัดฝากถึง “มส” ขอให้ทำงานเชิงรุก “กู้วิกฤติศรัทธา” หรือเร่ง “สร้างศาสนทายาท” กันบ้าง หรือแม้กระทั้งฝากดูแล “พระต่างจังหวัด” บ้างอย่าทำตัว “กินหรู อยู่สบาย” ทั้ง ๆ ที่ “ลูกพุทธเจ้า” เหมือนกัน
“เปรียญสิบ” จึงตั้งคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่?? เลขาธิการ มส. ไม่จำเป็นต้องเป็น “ผอ.พศ.”
เขียนให้คิดหรือ “คิดได้” แต่ไม่กล้า !! ก็ปล่อยให้สถาบันสงฆ์ “ล่มจม” เกิด “วิกฤติศรัทธา” สะสมเรื้อรังในยุคของพวกท่านนี่แหละครับ!!
………………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: [email protected]