ชาวพุทธเราคุ้นเคยกับคำว่า “ศีล 5” เป็นอย่างดี เนื่องจากศีล 5 เป็นวัตรปฎิบัติพื้นฐานในความเป็นชาวพุทธ เวลามีงานกุศลหรืออกุศลต่าง ๆ พระคุณเจ้ามักเตือนให้สติพวกเราอยู่เสมอๆ ว่า “ศีล 5” มีอะไรบ้าง
ส่วนใครจะปฎิบัติได้หรือไม่ได้..เป็นเรื่องส่วนบุคคล
ท่านใดอยากให้ชีวิตสงบสุข อยากให้ครอบครัวมีความสุข ก็พึงปฎิบัติศีล 5 ให้ครบ
เรื่องเหล่านี้ใครทำใครได้..แต่หากพูดถึงสังคมโดยรวม บ้านไหน ชุมชนไหน หมู่บ้านใด มีคนรักษาศีล 5 มากกว่าคนมีศีล 5 ไม่ครบ..สังคมหมู่บ้านนั่นย่อมนำมาซึ่งความสงบสุข
เกือบ 10 ปีมาแล้วคณะสงฆ์นำโดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ “สมเด็จช่วง” วัดปากน้ำ จึงคิดทำโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ขึ้น เพื่อสร้างความปรองดอง ความสามัคคีให้เกิดขึ้นแก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
ปัจจุบันโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ก็ยังดำเนินการอยู่ อาจจะ “ไม่หวือหวา” เหมือนสมัยที่สมเด็จช่วง ท่านยังมีชีวิตอยู่
แต่ต่อจากนี้เห็นตารางลงพื้นที่ของ “พระเทพปวรเมธี” ประธานหมู่บ้านศีล 5 หนกลาง แล้วน่าสนใจ เพราะตลอด 2 เดือนต่อจากนี้ “หนกลาง” น่าจะครบเกือบทุกจังหวัด ดีเดย์ 15 ส.ค.นี้ ลงพื้นที่เริ่มต้นด้วยจังหวัดสระบุรี ต่อด้วย อ่างทอง อยุธยา และลพบุรี
และที่น่าสนใจกว่านั่นคือได้ “ปลัดเก่ง” คุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มาเสริมทัพ มาทำหน้าที่เป็นกรรมการขับเคลื่อนหมู่บ้านศีล 5 ทำให้คณะสงฆ์เรา มีพลังมากยิ่งขึ้นจากเดิมที่ทำกันเอง
ขณะเดียวกัน “ปลัดเก่ง” เองก็ต่อยอด “หมู่บ้านยั่งยืน” ได้จากหมู่บ้านรักษาศีล 5 ได้เช่นเดียวกัน เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว ทั้ง หมู่บ้านรักษาศีล 5 และ หมู่บ้านยั่งยืน มีเป้าหมายเหมือนกันคือ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับ “ประชาชนในชาติ” นั่นเอง
นี่ก็หมายความว่า ต่อจากนี้คณะสงฆ์ศีล 5 ไปที่ไหน ที่นั้น “ฝ่ายบ้านเมือง” ต้องมาร่วมด้วยช่วยกัน
เพราะระดับบน “จับมือ” ทำงานร่วมกันแล้ว
วันก่อน “เปรียญสิบ” คุยกับนักการเมืองสายพระท่านหนึ่ง ชื่นชม “ปลัดเก่ง” มาก แต่ในขณะเดียวกันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ในกระทรวง “ปลัดเก่ง” มีมือทำงาน มีทีมทำงานประสานกับคณะสงฆ์หรือไม่ ลำพัง “เจ้าคุณ 2” รูปที่ตั้งให้เป็นที่ “ปรึกษาปลัดมหาดไทย” ดูแล้ว คิดเชิงรุก คิดเชิงนโยบาย เพื่อความยั่งยืนของคณะสงฆ์ เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ภาพที่ปรากฎออกมาน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็น “เรื่องเศรษฐกิจฐานราก”
ส่วน “ข้าราชการประจำ” หาก “ปลัดเก่ง” เกษียณแล้ว งานที่ทำไว้กับคณะสงฆ์ทั้ง MOU ต่างๆ ที่ร่วมกันทำไว้ ใครจะมาสานต่อ เรื่องนี้เหลือเวลาอีก 1 ปีกว่าๆ คณะสงฆ์ได้เตรียมการไว้หรือไม่ เพราะปรากฎการณ์ของปลัดเก่ง นักการเมืองรุ่นใหญ่ในวงสนทนา มองว่าเป็นบวกกับคณะสงฆ์ เป็นคุณแก่พระพุทธศาสนามาก..แต่คณะสงฆ์ “ใช้ไม่เป็น”
ในวงสนทนา “พวกเรา” อยากเห็น สิ่งที่เป็นรูปธรรมในเชิงนโยบาย เช่น เป็นไปได้หรือไม่ที่ “เจ้าคณะจังหวัด” เป็นที่ปรึกษา “ผู้ว่าราชการจังหวัด” หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่า ยุทธศาสตร์จังหวัดควรมีตัวแทน “คณะสงฆ์” ในจังหวัดร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมขับเคลื่อนด้วย อันนี้คิดกันเล่นๆ ไม่จริงจังแต่ประการใด แต่หากเป็นได้ก็คงจะดี
เนื่องจากตอนนี้งานคณะสงฆ์กับงานของกระทรวงมหาดไทย แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน เพียงแต่งานกระทรวงมหาดไทยภาพจะใหญ่กว่า กว้างกว่า แต่อนาคตหากคณะสงฆ์กับกระทรวงมหาดไทย หรือ แม้กระทั่งกระทรวงอื่นๆ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จับมือพูดคุยกันมากขึ้น
คณะสงฆ์เอง..ก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น ทั้งเรื่องสาธารณะสงเคราะห์ สาธารณูปการ หรือแม้กระทั้งเรื่องการปกครอง เช่น วัดตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะประโยชน์ วัดตั้งอยู่ในเขตป่า เขต สปก. เรื่องแบบนี้ทุกวันนี้ “ตัวใครตัวมัน”
“เปรียญสิบ” ตั้งใจพูดเรื่อง ศีล 5 แต่ดันไปโยงกับ หมู่บ้านยั่งยืน ของกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับเล่าถึงบทบาทปลัดเก่ง-คุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เพื่อให้ คณะสงฆ์ รู้และเข้าใจ และมองเห็นโอกาส
ส่วนจะนิ่งเฉยหลับตา ปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรม ไม่คิดอะไรเป็นที่เป็นนโยบายเชิงรุก ไม่คิดอะไรเพื่อความยั่งยืนของคณะสงฆ์ อันจะนำมาซึ่งความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา
อันนี้..ร้อยปลัดเก่งก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน
………………………
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: [email protected]