ในช่วงปลายเดือนแบบนี้ “เปรียญสิบ” จะเดินทางขับรถวนรอบอีสานตั้งใจจะไปดูงาน “โคก หนอง นา โมเดล” ของ กรมการพัฒนาชุมชน ที่กำลังเป็นกระแสให้คณะสงฆ์จำนวนมากหันไปสนใจทำอยู่ในขณะนี้
ตั้งใจไว้ว่าจะไปสำรวจพูดคุยดูการดำเนินงานของพระคุณเจ้าสัก 5 จุด เช่น พระอาจารย์สังคม ธนปญฺโญ ที่จังหวัดสุรินทร์, พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส จังหวัดศรีสะเกษ และขององค์ม่อน พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี จ.สระแก้ว ประเภทค่ำไหน นอนนั้น เที่ยวไป เขียนไป จะไปเปิดมุมมองของพระคุณเจ้าว่า ทำไมจึงหันมาสนใจทำโคกหนองนา ทำแล้วมันตอบโจทย์กับ “วิถีมนุษย์ในยุคปัจจุบัน” ได้อย่างไร
@ที่ทุกผู้คน..มุ่งแสวงหาแต่เงินและความร่ำรวยแบบบ้าคลั่ง
ความจริงพระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทยพื้นฐานโดยส่วนใหญ่มาจากภาคชนบท มีความผูกพันธ์และชินกับภาพบรรยากาศในต่างจังหวัดที่อุดมไปด้วยพืชผลทางเกษตรมองไปทางไหนก็สบายตาด้วยความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้และพืชพัก

การซึมซับบรรยากาศการทำเกษตรของปู่ย่า ตายาย และครอบครอบครัวมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อบวชเรียนเข้ามาสู่ตัวเมืองและปฎิบัติศาสนกิจในเมืองที่เต็มไปด้วยความแออัด เต็มไปด้วยมลพิษและการแข่งขัน รวมทั้งบางรูปต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการงานที่ทำ และอีกหลากหลายปัจจัย
ปัจจุบันมีพระภิกษุจำนวนมาก “หันกลับไปพัฒนา” บ้านเกิดถิ่นกำเนิดด้วยการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”

และเรื่องนี้องค์รัชกาลที่ 10 พระองค์ก็นำมา “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ต่อเพื่อประสกนิกรจะได้อยู่ดี กินดี และมีความสุขแบบยั่งยืน
เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในความคิดส่วนตัวแท้จริงแล้วคือ

”การหันกลับไปสู่สังคมการพึ่งพาคนเองและชุมชนพึ่งพาตนเอง ไม่ยอมศิโรราบต่อ “ระบบทุนนิยม” ที่นับวันนอกจากทำลายหลักการที่ดีของศาสนา ทำลาย “ความเป็นตัวมนุษย์” ทำลายระบบธรรมชาติแล้ว ระบบทุนนิยมปัจจุบันยังทำลายระบบ “การพึ่งพาตนเองระบบเกื้อกูล” ที่มนุษย์ควรจะเป็นระหว่างมนุษย์ด้วยกันอีกด้วย..”

ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันตรงข้ามกับ “การสร้างความสุขแบบยั่งยืน” ให้กับมนุษย์
ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันกำลังทำลาย “ความสุข ความรู้รักสามัคคี” ของครัวเรือนและชุมชนลงไปอย่างน่าใจหาย โดยที่หลายครอบครัวไม่รู้ตัว..
การที่พระสงฆ์จำนวนมากหันมาจับเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” โดยเป็น “แกนนำ” ให้ชุมชน ให้หมู่บ้าน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
และถือได้ว่าเป็นมิติใหม่..และท้าทายวงการคณะสงฆ์มิใช่น้อย

เพราะในวงการคณะสงฆ์เอง..มีพระภิกษุจำนวนมากหลงไปกับกระแสทุนนิยม หลงไปกับความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย สุดท้ายติดกับดัก “กิเลส”
กลายเป็นปฎิปักษ์ต่อ “จุดมุ่งหมายของการบวช” ตามแนวทางคำสั่งสอนของพระสมณโคตรมะ อย่างสิ้นเชิง
การที่มีพระภิกษุจำนวนมากหันมาสนใจเรื่อง “การตากแดดตากฝน ทนเหม็นต่อขี้วัว ขี้ควาย” หันมาทำโคก หนอง นา โมเดล

“เปรียญสิบ” จึงสนใจไปพูดคุยกับพระคุณเจ้าเหล่านี้ในสถานที่จริง
ได้ความอย่างไร..จะมาเล่าสู่กันฟังเป็นซีรีส์ ๆ เผื่อพระคุณเจ้าบางรูป..อ่านแล้วไม่หลงไปกับดักกิเลสมากไปกว่านี้!!
…………………………………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” : [email protected]