ไม่รู้ว่าคณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วไปมีความรู้สึกเหมือนกันหรือไม่ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ “วงการสงฆ์” ทั้งสายวัดป่า วัดเมือง และวัดกรุงเหมือนมี “ก้อนเมฆ” ปกคลุม ซึ่งดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ “ความจริง” คือ มันผิดปกติ
ผิดปกติ..คือบรรยากาศมันไม่สมควรเป็น “สังคม” หนึ่งในประเทศไทยที่มีจำนวนพระภิกษ-สามเณร รวมกันแล้วมากกว่า 3 แสนรูป มีวัดมากกว่า 4 หมื่นวัด หากนับรวมสำนักสงฆ์และที่พักสงฆ์ด้วยแล้วน่าจะปาเข้าไป 5 หมื่นกว่าแห่ง องค์กรมหาเถรสมาคมก็สักแต่ว่าคง “มีอยู่” เจ้าคณะหนใหญ่ เจ้าคณะภาคอยู่ก็พอให้รู้ว่ายังมี “ตำแหน่ง” อยู่ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ มิได้ล้มเลิกไปไหน
แต่การขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนา กิจการคณะสงฆ์เหมือนคนอั้น “ปวดฉี่” เวลารถติด ไม่รู้จะไปปลดทุกข์ที่ไหน บรรยากาศแบบนี้พระผู้น้อยคนทำงานก็เอือมระอา พระผู้ใหญ่ก็คงได้แต่ “มองลู่ลม”
บรรยากาศนี้ร่วมทั้ง “มจร -มมร” กิจกรรม “อีเว้นท์” หลายอย่างไม่มีอะไรให้เห็น ให้ติดตามเหมือน “อดีต”
ส่วนสำนักงานพุทธฯ ไม่ต้องพูดถึง..ยิ่งกว่า “วัดป่า” เทียบ “กรมการศาสนา” ไม่ได้มีกิจกรรมเกี่ยวกับวัด เกี่ยวกับคณะสงฆ์เกือบ..ทุกวัน
ทราบว่ามีวัดหนึ่งในภาคกลาง จะจัดอบรม “พระนักเทศน์” ถูก “เจ้าคณะภาค” เบรค “หัวทิ่ม” ทั้งที่ไม่ได้ขอเงินเจ้าคณะภาคสักบาท บอกใบ้ให้ “เจ้าคณะภาครูปนี้” ขึ้นชื่อ..ใน “เจ้าอารมณ์” จริงหรือเท็จประการใดไม่ทราบ
“เปรียญสิบ” หลังปีใหม่ตั้งใจว่าจะตรวจการบ้าน “รัฐมนตรีแจ๋น” ที่บอกว่าจะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อคณะสงฆ์อย่างเร่งด่วน 7-8 เรื่อง เท่าที่จำได้ทั้งเรื่องบัตรสมาร์ทการ์ด, ปรับขึ้นเงินนิตยภัต ติดตามงบประมาณตาม พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม, การพัฒนาพุทธมณฑลสู่ความเป็น สู่ความเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก การเสนอข่าวเชิงบวกของคณะสงฆ์ รวมทั้งเรื่องพระคิลานุปัฎฐาก
“เปรียญสิบ” แอบสืบๆ ถามๆ จากพระผู้ใหญ่บ้าง เจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธบ้างบรรยากาศวังเวงพอๆ กับบรรยากาศของ..มหาเถรสมาคม
พอจะ “ต่อยอด” เป็นข่าวบ้างก็มีแค่ “พระคิลานุปัฎฐาก” ซึ่งคณะสงฆ์ทำมานานแล้ว “ตั้งไข่” มาจากสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2555 มีฉันทมติเรื่อง พระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ แต่คลอดออกมาเป็น “หนังสือธรรมนูญพระสงฆ์” เมื่อปี 2560
เรื่องบัตรสมาร์ทการ์ด “เป๋” ไปรอบหนึ่งแล้ว เมื่อมีข่าวว่าจะยกเลิก “หนังสือสุทธิ” มีพระผู้ใหญ่หลายรูปออกมาติงว่า..ทำไม่ได้
เรื่องเงินเดือนของบุคลากรตามพ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้ง 4 แท่ง ทั้งสามัญ บาลี นักธรรม ปริยัตินิเทศก์ ถามว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว
จริงหรือไม่กลุ่มแท่ง บาลี นักธรรม และปริยัตินิเทศ บางคนอาจ “ฝันค้าง” ต่อ
อันนี้ยังไม่ได้ถามถึง “นิตยภัต” ของคณะสงฆ์ที่ข่าวเริ่มแรกเข้ามาว่าจะเร่งพิจารณาปรับเพิ่มให้??
ถามว่านโยบาย 7-8 ข้อ นโยบายเร่งด่วน นโยบายสำคัญของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับกิจการคณะสงฆ์ เพื่อพระพุทธศาสนามีอะไร..คืบหน้าบ้าง
อันนี้ “เปรียญสิบ” ยังไม่ได้ทวงถาม ร่างพ.ร.บ.อีก 4 ฉบับสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน มีคนพรรคเพื่อไทยบางคนบอกว่า หากเป็นแกนนำรัฐบาลเอาแน่ทั้ง 1.ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา 2.ร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนา 3.ร่างพระราชบัญญัติธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย และ 4.ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเดินทางไปพุทธสังเวชนียสถาน
คิดแล้วเหนื่อยแทนคณะสงฆ์และชาวพุทธในประเทศไทย
บรรยากาศตอนนี้มองไปที่มหาเถรสมาคมก็ “วังเวง” เหลือบแลมองไปที่ “รัฐบาล” เลือกมาคาดหวังว่าจะมาแก้สถานการณ์พุทธศาสนาให้ดีขึ้นกว่า..พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สุดท้ายเหมือน..หนีเสือปะจระเข้
…………………………………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: [email protected]