ก่อนอื่น “เปรียญสิบ” ขอแสดงความยินดีและมุทิตาสักการะผ่านบทความ “ริ้วผ้าเหลือง” หลังจากที่ “พระคุณเจ้า” ได้รับพระกรุณาจาก “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงคืน “สมณศักดิ์” ให้ ต่อจากนี้พระคุณเจ้า หากนับลำดับสมณศักดิ์ชั้นรองสมเด็จจะเป็นอันดับ 3 ในบรรดาพระภิกษุรองสมเด็จทั้ง 23 รูป
“เปรียญสิบ” เชื่อว่าตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ท่านถูกถอดสมณศักดิ์และถูกปลดออกจากเจ้าอาวาสและตำแหน่งทางปกครองของคณะสงฆ์ พระคุณเจ้าในฐานะ “คนหัวก้าวหน้า” เป็นคนทันโลก และเป็นคนฉลาด คงได้คิดทบทวนทั้งอดีตและอนาคตว่าควรวาง “ท่าที” และ “บทบาท” ของตนเองอย่างไรต่อไป
และคงรู้ซึ้งถึงใจ ว่าใครคือ “มิตรแท้-มิตรเทียม” หรือ “มิตรปอกลอก” ประเภทดีแต่พูดก็มีเยอะ
“เปรียญสิบ” มอง “พระพรหมสิทธิ” และ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นคนมีคุณสมบัติคล้ายกันคือ ฉลาด มีวิสัยทัศน์ และหัวก้าวหน้า มั่นใจตนเองสูง ซึ่ง “คุณสมบัติ” เหล่านี้..ชนชั้นนำในสังคมไทยบางกลุ่มไม่ชอบ!!
ช่วงนี้การเดินเกม การแสดงบทบาท ควรทำเท่าที่ “เส้นขีด” กำหนดไว้ หรือหากจะคิดเดิน “นอกกรอบ” นอกเส้น ขอพิจารณาดูหน้า ดูหลัง และ “ข้างบน” ให้ดี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระราชทานคืนสมณศักดิ์ให้ โบราณไทยเชื่อว่า การพระราชทานสมณศักดิ์ นอกจากเพื่อถวายกำลังใจยกย่องพระภิกษุนั่นแล้ว อีกประการหนึ่งก็เพื่อให้พระภิกษุรูปนั่น มุ่งมั่นทำงานกิจการพระศาสนาต่าง “พระเนตร-พระกรรณ”
“พระพรหมสิทธิ” โปรดสำเหนียกอยู่เสมอว่า…เพราะการได้คืน “สมณศักดิ์” นี่แหละ พระเถระผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด หรือพระอื่นๆ จึงกล้าเข้าไปถวาย “สักการะ” และเพราะการคืนสมณศักดิ์นี้แหละ “พระพรหมสิทธิ” จึงมีโอกาสเข้าพบผู้ใหญ่ระดับ “สมเด็จพระราชาคณะ” ได้อย่างเปิดเผย!!
ยังจำเหตุการณ์วันห่มจีวร ณ พระอุโบสถได้หรือไม่ “ใครไม่มา” ตามนัด หรือบางคนมาแล้ว..แม้แต่ในขอบเขตพระอุโบสถก็ยังไม่กล้าเยี่ยงกายเข้าไป..เพราะ กลัวภาพหลุด!!
“เปรียญสิบ” เห็นภาพพระคุณเจ้าเข้าไปกราบสักการะ “สมเด็จพระสังฆราช” ในฐานะ “สังฆบิดร” เข้าพบ “สมเด็จพระพุฒาจารย์” ในฐานะ “พี่ใหญ่” ของคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย บอกตรงๆ ว่า “ชื่นใจ” แม้กระทั่งพระคุณเจ้าไปพบ “สมเด็จชิน” เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ดูแล้ว “อบอุ่นใจ” สังคมสงฆ์ “ไร้ความขัดแย้ง” ญาติโยมก็สบายใจ
แม้กระทั้ง “พระพรหมสิทธิ” ควง “พระธรรมโพธิมงคล” จับมือ “ร่วมวงนั่งฉันข้าว” กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ สังคมก็อาจคิดได้ว่าเสมือนมี “คนกลาง” ไกล่เกลี่ย “ความขัดแย้ง” พร้อมกับตีความไปต่างๆ นานา เช่น พระธรรมโพธิมงคล ยอมลาออกจาก “วัดสระเกศ” เพื่อกลับไป “วัดเดิม” คือ นิมมานรดี และมีสิ่งปลอบใจคือสมณศักดิ์ชั้น “รองสมเด็จ” หรือแม้กระทั่งว่า “พระพรหมสิทธิ” อาจอยู่แบบนี้เหมือน “พระพรหมดิลก” แต่คณะสงฆ์จะชดเชยตำแหน่งทางปกครองคณะสงฆ์ ทั้งเจ้าคณะใหญ่ หรือกรรมการมหาเถรสมาคมให้
คำถามต่อ “สมเด็จธงชัย” สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และ พระธรรมวชิรเมธี หรือ “เจ้าคุณมีชัย” เจ้าคณะภาค 1 เห็นด้วยหรือไม่!!
หรือแม้กระทั้ง “ดีลเมคเกอร์” วัดใหญ่ฝั่งธนบุรี ที่มีข่าวซุบซิบว่า เป็นคนเจรจา “พระธรรมโพธิมงคล” ให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ มีความคิดเห็นอย่างไร
“เปรียญสิบ” ขอไม่คิดไกล ถึงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม หรือตำแหน่งทางปกครอง ดังที่สังคมเขาตีความกัน เพราะทุกตำแหน่งล้วนเกี่ยวข้องกับ “พระราชอำนาจ” และแต่ไหนแต่ไรมา เป็นคนเชื่อมั่นใน “ทศพิธราชธรรม” ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
วันนี้ “เปรียญสิบ” ส่งสารถึง “พระพรหมสิทธิ” นอกจากแสดงความยินดีแล้ว ขอเตือนว่า อย่าทำอะไรผลีพลาม “ตั้งสติ” ให้ดี ทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา เลือกคบคน อย่าคิดแก้แค้น หรือ “เช็คบิล” ใคร
พระพุทธศาสนาสอนให้เชื่อเรื่องกรรม ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ต้องติดคุก ถูกคนประณาม หรือถูกตีหน้าว่า “ไม่ใช่พระ” จงถือเสียว่าเป็น “วิบากกรรม” แต่ชาติปางก่อน
ส่วนตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ หรือตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ แม้จะเป็น “สิทธิ” ที่พระคุณเจ้าควรได้ เพราะศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วว่า “ไม่มีความผิด” และในราชกิจจาก็ระบุแล้วว่า “พระพรหมสิทธิ” ไม่เคยถูกถอดถอนสมณศักดิ์มาก่อน จึงถือว่าได้ท่านไม่ผิดมาตั้งแต่ต้น ส่วนขั้นตอนจะได้สิทธินั่นคืนอย่างไรต้องรอติดตาม
วันนี้กับวันที่ “พระพรหมสิทธิ” ถูกถอดถอนสมณศักดิ์นั้น สถานการณ์ไปไกลว่าอำนาจ “มหาเถรสมาคม” จะตัดสินใจเองได้แล้ว!!
…………………………………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: [email protected]
