หลังจากมีพระราชดำริโปรดให้ “พระพรหมลิดก” ได้รับคืนตำแหน่ง “เจ้าอาวาสวัดสามพระยา” และโปรดให้ “เจ้าคุณละเอียด” พระธรรมวชิรปัญญาภรณ์ ไปดำรงตำแหน่ง “เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ” จังหวัดนนทบุรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทุกสายตาจ้องไปที่วัด “วัดสระเกศ” คือ คิวต่อไป
“เปรียญสิบ” ไม่อยากจะ “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ” แต่เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น “คนใหญ่ย่านเยาวราช” และ “ดีล เมกเกอร์” สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝั่งธน 1 คนหน้าดำ กับ 1 คนเคี้ยวหมาก “ปัดความรับผิด” ไม่ได้..
ส่วนกลุ่ม “คนหัวดำ” อันมี “คนผมขาว” เป็นหัวโจก ตอนนี้แตกกระเจิงไปหมดแล้ว!! จำศีลอยู่แต่ในบ้าน “รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” บางคนยมบาลลากตัวไปแล้ว ให้ไปดีบ้าง ตายโหงบ้าง เสวยวิบากผลกรรม จากการกระชาก “ผ้าเหลือง” ของพระสงฆ์ทุกตัวตนถ้วนหน้า
“เปรียญสิบ” แอบชื่นชม “เจ้าคุณบุญชิต” พระพรหมวัชรวิมลมุนี “หยั่งรู้ฟ้าดิน” สมเป็น “พระวิปัสสนาจารย์” ปฎิเสธตำแหน่ง “เจ้าอาวาสวัดสระเกศ” เพราะคงส่องอนาคตรู้ว่าหากมาวัดสระเกศ “วุ่นวายแน่”
“พระธรรมโพธิมงคล” เจ้าคุณสมควร จึงตกเป็น “เหยื่อ” ของกลุ่มพระสงฆ์และคนหัวดำดังกล่าว เพราะ “หัวอ่อน” ผู้นำสั่งทำอะไร ทำตามทุกอย่าง ตามที่ท่าน.ชอบพูดบ่อยครั้ง
ทั้งๆ ที่ “พระธรรมโพธิมงคล” เป็น “พระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบรูปหนึ่ง” ตามแบบฉบับของพระมอญที่เคร่งครัดพระวินัย ที่นับวัน “สังคมสงฆ์ไทย” หาตัวพระแบบนี้ยาก??
“เปรียญสิบ” วิเคราะห์ว่า หาก “วัดสระเกศ” ต้องเดินรอยตาม “วัดสามพระยา” คือ คืนตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศให้กับ “พระพรหมสิทธิ” ตามคำสั่งที่ว่า..ทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม
ทางออกสำหรับ “พระธรรมโพธิมงคล” มี 3 ช่องทางออก คือ
หนึ่ง นิมนต์พระธรรมโพธิมงคล กลับไปสู่วัดเดิมคือ “วัดนิมานรดี” แบบสมเกียรติ พร้อมกับเยียวยาเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น “รองสมเด็จ” โดยมีตำแหน่ง “เจ้าคณะภาค 2” เหมือนเดิม พร้อมกับมอบ “ตำแหน่ง มส” ให้
ส่วน “เจ้าอาวาสวัดนิมานรดี” ปัจจุบันคือ “พระครูสุธีธรรมโสภิต” ต้องหา “วัดใหม่” อาจเป็นราษฎร์หรือวัดหลวงก็ได้ หรือ “หากไม่มี” ต้องอยู่วัดเดิม ต้องเยียวยาด้วย “สมณศักดิ์ -ตำแหน่งทางปกครอง” ให้
ทางออกที่สอง เนื่องจาก “พระธรรมโพธิมงคล” เป็นพระนักพัฒนา ไปที่ไหนสร้างที่นั่น มีกลุ่มศรัทธาเหนียวแน่นพอสมควร ซ้ำมี “อ้วน -ผอม” คอยประกบ วัดที่จะมอบให้ท่านดูแลต้อง “เหมาะสม” กับศักยภาพของท่าน อย่างน้อยต้องเป็น “พระอารามหลวง” เสียดายว่า “วัดเฉลิมพระเกียรติ” นนทบุรี ที่ “เจ้าคุณละเอียด” ไปดำรงตำแหน่ง หากได้ “พระธรรมโพธิมงคล” ไปครองรุ่งเรืองแน่ แต่มัน “จบแล้ว”
ทางออกที่สองนี้เฉกเช่นทางแรก คือหาวัดใหม่ให้ท่าน เยียวยาด้วยการเลื่อนสมณศักดิ์ระดับรองสมเด็จ ตำแหน่งทางปกครองเจ้าคณะภาคคงอยู่เหมือนเดิม แต่ตบท้ายด้วย “ตำแหน่ง มส.” ด้วยเช่นทางออกแรก
ทางออกที่สาม สำหรับ “พระธรรมโพธิมงคล” หากไม่มีทางเลือกจริงๆ คืออยู่วัดสระเกศไปก่อนในตำแหน่ง “ลูกวัด” แล้วรอให้เจ้าอาวาส “พระอารามหลวง” แห่งใดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มรณภาพหรือไร้ความสามารถที่บริหารวัดได้ แล้วรอเสียบ!!
ซึ่งข้อสามนี้หากจำต้องให้ “พระธรมโพธิมงคล” เลือกเส้น คิดว่าเป็นไปได้ยาก เพราะเท่าที่ทราบท่านก็มี “จุดยืน” ของท่านยังเหนียวแน่น!!
“เปรียญสิบ” ในฐานะมอญเมืองไทยเหมือนกับ “พระธรรมโพธิมงคล” กล้าเอาหัวเป็นประกันว่า พระธรรมโพธิมงคล เป็นพระดี พระเคร่งพระวินัย ท่านตกเป็น “เหยื่อ” ของกลุ่มบุคคลที่มี “อคติ” กับสามรองสมเด็จและคณะที่ถูกจับยัดใส่คุกและประเคนคดีให้
ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้สังคมสงฆ์ “วุ่นวาย” เพราะเกิดความชิงดีชิงเด่น “กล่าวร้ายใส่ร้ายและทำร้าย” ซึ่งกันและกัน ทำให้พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ในประเทศไทยเสียโอกาสมาก
เป็นบุญพระพุทธศาสนาในประเทศไทยที่ได้ “พระบารมี” มาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้
ก่อนจบ “เปรียญสิบ” มักได้ยินเรื่องเล่าจากพระสงฆ์ที่ไปเฝ้า “สมเด็จพระสังฆราช” บ่อยครั้งว่า พระองค์อยากให้พระของพระองค์ คือ “พระพรหมเมธี” ในบั้นปลายชีวิตได้กลับมาอยู่ประเทศไทย
ใครช่วยได้ โปรดสนองพระดำริ สมเด็จพระสังฆราช ด้วยเถิด!!
…………………………………………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: [email protected]