“เปรียญสิบ” เจอพระนิสิตรูปหนึ่งถามว่า ธรรมนาวา “วัง” ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้คณะสงฆ์และหน่วยงานพระองค์ ขอให้นำหลักนี้ ไปสอนอบรมให้เข้าถึงประชาชนทุกครัวเรือน เพื่อนำตนออกจากทุกข์นั้น สู้กระแส “มูเตลู” ได้หรือไม่ และหากจะให้ดีต้องทำอย่างไร!!
“เปรียญสิบ” บอกตรงๆ ว่าเรื่องนี้ “ตอบไม่ถูก” เพราะ “มูเตลู” เป็นความเชื่ออำนาจลี้ลับเก่าแก่ ที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอันยาวนานแล้ว เพียงแต่ว่า ยุคนี้การปลูกเสกวัตถุมงคล เป้าหมายการหาเงินและใช้เงินไม่เหมือน “พระเกจิยุค” ก่อนๆ
เลยตอบไปแบบ “คนมีปัญญาน้อย” ว่า ต้องควบคุม “พระเกจิ” สายมูเตลู ก่อนเป็นอันดับแรก
ยุคก่อน “พระเกจิ” ท่านทำวัตถุมงคลเพื่อแจกจ่ายฟรี แล้วแต่ทำบุญ วัตถุที่จะมาผลิตเป็น “พระเครื่อง” เป็นจำพวก ว่านบ้าง เศษดอกไม้ ข้าว ที่คนนำมาถวาย เงินส่วนหนึ่งกลับมาพัฒนาวัดและสร้างประโยชน์ให้สังคม เช่น สร้างโรงพยาบาล สะพาน โรงเรียน ทำนองนี้
ยุคนี้!! ส่วนใหญ่ จ้างบริษัทผลิตหมด ตั้งแต่ “ต้นน้ำ” ยัน “ปลายน้ำ” และดีไม่ดี “พระนั่นแล” เป็นทั้งเจ้าของบริษัทปั๊มพระเครื่อง ผลิตพระเครื่อง โรงหล่อ คนจัดพิธี ยันคนจำหน่ายวัตถุมงคล โดยไปร่วมมือกับ “นักการตลาด” ปั่นกระแส
“เปรียญสิบ” ยกตัวอย่างว่า ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ มีช่วงหนึ่งจำได้หรือไม่ “เจ้าจอมขมังเวท” ใครที่หนีหัวซุกหัวซุน กรรมการ มส.หลายรูป เก็บ “ตู้พระแผงพระ” ป้ายบูชาพระเครื่องในวัดออกเกลี้ยง แม้กระทั้งรูปเจ้าแม่ “กวนอิม” ก็ไม่เว้น!!
ช่วงนั่นงานปลูกเสกวัตถุมงคล ทั้ง “พระเกจิ -เจ้าพิธีกรรม” ตกงานกันเพียบ
ตอนนั้นหากมี “พระภิกษุ” ไปนั่งปลูกเสก “ถูกจับสึก” หมด โดยมีตำรวจสอบสวนกลาง เป็นแม่งาน
เช่น จับสึก “พระอาจารย์ละ” อาวาสวัดสร้อยสุวรรณ จ.กำแพงเพชร อีกรูป “หลวงตาแม็ก” เจ้าอาวาสวัดป่าภูยา จ.หนองบัวลำภู หลังไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลกับสำนักอาจารย์แจ๊ว เหนือดวง
ซึ่งเป็นไปตามประกาศมหาเถรสมาคมที่ว่า “ประกาศมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามภิกษุ สามเณร เรียกเงินค่าเวทมนตร์ และห้ามทดลองของขลัง พ.ศ.2495 และห้ามไม่ให้ภิกษุเป็นหมอเสน่ห์ยาแฝดอาถรรพณ์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พ.ศ.2476 ระบุว่า ถ้าภิกษุรูปใดประพฤติล่วงละเมิด เมื่อพิจารณาได้ความจริงให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะในท้องที่ที่เกิดอธิกรณ์ลงโทษให้สึกเสีย..”
ทุกวันนี้เป็นอย่างไร พระเกจิไม่ว่าเล็กใหญ่ พระหนุ่มน้อยกินหมากปากแดง พฤติกรรมแปลกๆ ตั้งตนเป็น พระเกจิ จับมือกับ “นักธุรกิจพระเครื่อง” นักการตลาด ปั่นราคาพระ ระบาดไปทั่วบ้านทั่วเมือง
และแปลก! พระกลุ่มนี้เข้าถึง..พระเถระผู้ใหญ่สายปกครองง่าย ยิ่งกว่าพระสายบาลีหรือสายอื่นๆ
“เปรียญสิบ” มิได้ปฎิเสธ “วัตถุมงคล” เพียงแต่มัน “ต้องควบคุม” และผู้ที่จะควบคุมได้ต้องพึ่ง “พระบารมี” จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระสงฆ์ ไม่กลัวกฎหมาย ไม่เกรงรัฐบาล และทั้งไม่เกรงอำนาจ ทหาร หรือตำรวจ
แต่เกรง “พระราชอำนาจ” อันนี้คือ “ความจริง”
ซึ่งความจริง “ในหลวง” ส่งสัญญาณถึง “มหาเถรสมาคม” ด้วยการให้ “รองราชเลขาธิการ” นำธรรมนาวา “วัง” ไปถวายให้นั่นแหละ
แต่ไม่ทราบว่า “กรรมการมหาเถรสมาคมบางรูป” เข้าใจนัยสัญญาณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งไปให้หรือไม่??
รวมทั้งยุคนี้..หากสังเกตให้ดีจะให้เห็นว่า “วัดพระแก้ว” หรือ “ศาลหลักเมือง” ไม่มีกิจกรรมปลุกเสก?
ธรรมนาวา “วัง” คือ หลักการพึ่งตนเอง ปฎิบัติตนให้พ้นทุกข์ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
“มูเตลู” หรือ “วัตถุมงคล” คือ หลักการพึ่งอำนาจเหนือตนเอง สิ่งลี้ลับ
การเผยแผ่ ธรรมนาวา “วัง” ให้ได้ผล ต้องควบคุม “พระเกจิ” และบรรดา “เจ้าสำนัก” ร่างทรงต่างๆ ที่ตอนนี้ “ระบาด” ทั่วบ้านทั่วเมือง
และทั้งการขับเคลื่อนต้องอาศัยพระสงฆ์สายวัดป่า สายพระกรรมฐาน พระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียง รวมทั้ง..บรรดาพระวิทยากรต่างๆ ด้วย “ลำพัง” พระสายกรรมฐาน เจ้าอาวาส เจ้าคณะภาค “ไม่มีใครฟัง”
และเมื่อขอความร่วมมือจากท่านแล้ว ต้องสร้างขวัญกำลังใจให้ท่านด้วยกาประเคน “สมณศักดิ์” ให้ด้วย เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอในต่างจังหวัด ที่มีผลงานดีเด่นสัก 10 รูป
“เปรียญสิบ” ในฐานะคนเคยบวชเรียนมายาวนาน “ขอรับรอง” ว่า หลวงพ่อ หลวงปู่ พระภิกษุอายุ 70 ปี จะขยันขันแข็งทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจและแรงทรัพย์ “สุดชีวิต” เหมือนพระหนุ่มอายุ 30 ปี
ธรรมนาวา “วัง” จะประสบความสำเร็จได้ จุดเริ่มต้น ต้อง “ควบคุม” พระสายมูเตลู??
……………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: [email protected]