“เปรียญสิบ” ไปร่วมงานมอบปริญญามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยตลอด 2 วัน คือ วันที่ 7 และ 8 ธันวาคม 2567 บรรยากาศปีนี้หลายคนมองว่า “อลังการ” กว่าทุกปี แต่ก็ไม่ทิ้ง “กลิ่นอาย” ของความเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ คือมีกลิ่นอายของความเป็น “ลูกทุ่ง” หมายถึงไม่ต้องมีระเบียบแบบแผนมาก ขอให้เป็นระเบียบพอ
“เปรียญสิบ” คิดว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวที่มี “การแสดง” ของกลุ่มชาติพันธุ์ร้องรำทำเพลงได้ตามใจชอบ ส่วนคนมาร่วมงาน ใครอยากจะปูเสื่อตรงไหน ใต้ร่มต้นไม้ ริมสระน้ำ ใต้อาคารชั้น 1 หรือตามหอพักนิสิตนานาชาติ มีการบรรเลงเพลงตีกลอง ดูแล้วได้บรรยากาศของความเป็น “อาเซียน”
สำหรับภายในหอประชุมใหญ่ อาจต้องมีระเบียบ เพราะเกี่ยวข้องกับกึ่ง “พระราชพิธี” คือปีนี้มีผ้าไตรพระราชทานและน้ำปานะมาถวายทั้ง 2 วัน
“เจ้าคุณประสาร” พระเทพวัชรสารบัณฑิต ยังคงเป็น “คีย์แมน” เหมือนเดิม แต่ระดับ “ปฎิบัติการ” ต้องพระ พระมหาบัณฑิต ปณฺฑิตเมธี ป.ธ.9 คณบดีคณะครุศาสตร์ ตอบได้ทุกเรื่อง
วันที่สอง ซึ่งเป็นงานมอบปริญญาระดับปริญญาโทและเอก รวมทั้งดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แม้จำนวนคนรับจะน้อย แต่มีประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก “จราจรคับคั่ง” กว่าวันแรก รวมทั้งจำนวนประชาชนมากกว่าวันแรก อาจเป็นเพราะวันที่สองนี้มี “พระมหาเถระ” มารับกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหลวงปู่ศิลา
“เปรียญสิบ” ได้มีโอกาสพา “พระมหาเถระรามัญ” พูดคุยกันกับ “เจ้าคุณสุทัศน์” พระพรหมวชิโรดม เรื่องการศึกษาบาลีและการสอบบาลีในรัฐมอญ ประเทศเมียนมา ซึ่งท่านสนใจอยากจะไปดูงานและดูการสอบภาษาบาลีของมอญ
“เปรียญสิบ” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “พล.อ.ต.สุพิชัย สุนทรบุระ” รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง จึงรู้ว่าเป็น “มอญวัดศาลาแดง” อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ฟังมอญได้บ้างบางคำ
“เปรียญสิบ” เข้ากราบ “พระพรหมบัณฑิต” รายงานให้ท่านทราบว่า ปีนี้มีพระภิกษุมารับดุษฎีกิตติมศักดิ์ด้วย พร้อมบอกต่อว่า ทั้งหมดที่ได้เพราะ “พระพรหมบัณฑิต” มอบให้ “เจ้าคุณหรรษา” พระเมธีวัชรบัณฑิต ไปลงนาม “MOU” ไว้ ผลพวงทุกวันนี้มีนิสิตมอญทั้งพระภิกษุและคฤหัสถ์ประมาณ 130 รูปคน
ช่วง “หลวงปู่ศิลา” เข้ามาหอประชุม “คนลุกฮือ” ความจริงไม่มีอะไร แต่มีคนไทยจำนวนหนึ่ง “ลุกขึ้น” จะเข้าไปกราบท่าน “คนต่างชาติ” ที่มาร่วมงานก็เลย “ลุกตาม” ซ้ำ “หลวงปู่ศิลา” เข้ามาหอประชุมใหญ่ “นั่งรถเข็น” มา นานาชาติที่ไม่รู้คงคิดว่า “ประธาน” มามอบปริญญาบัตร
“เปรียญสิบ” เจอ “เจ้าคุณประสาร” เล่าว่า ปีนี้ราบรื่นดีมาก ไม่มีอะไรติดขัด ปีหน้าจะจัดในลักษณะแบบนี้อีก ส่วน “ดร.สุรพล สุยะพรหม” รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ในฐานะ “บิ๊กใหญ่” ฝ่ายจราจร บอกว่า งานประสาทปริญญานี้ถือว่าดี เราในฐานะเจ้าบ้าน เขามาแล้วต้องมีที่กินและที่จอดรถ บรรยากาศลูกทุ่งแบบนี้แหละซึ่งมหาวิทยาลัยอื่นอาจไม่มีเหมือนเรา
“เปรียญสิบ” ผ่าน “ซุ้มไทใหญ่” ปีนี้บรรยากาศ “ไม่คึกคัก” ดังเช่นทุกปี แต่ถามพระไทใหญ่ บอกว่ามีนิสิตจบนับร้อยรูป
“เปรียญสิบ” เดินวนรอบมหาวิทยาลัยดูตามซุ้มของวิทยาเขตต่างๆ บรรยากาศเป็นไปด้วยความรื่นเริงและคึกคัก โดยเฉพาะ “ซุ้มมอญ” ชมรมพระนิสิตมอญจัดมุทิตาให้กับพระภิกษุและคฤหัสถ์ รวมทั้งพระนิสิตที่จบด้วย บรรยากาศแปลกตากว่าซุ้มอื่นๆ เพราะแต่งกายชุดประจำชาติ “แดงปนขาว” นั่งกันเต็ม
บรรยากาศงาน “ประสาทปริญญา” ปีนี้ผ่านไปได้ด้วยดี สมราคาคุย!!
……………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย… “เปรียญสิบ”: [email protected]
